ASTV ผู้จัดการรายวัน-ผอ.รพ.กรุงเทพ แถลงข่าวการเสียชีวิตอย่างสงบของ "น้องเอย" เหตุขาดออกซิเจนเป็นเวลานาน หลังถูกขังในรถตู้ รร.อนุบาลอนงค์เวท ผู้ปกครองหอบ "น้องพี" พี่ชายลาออก ตำรวจแจ้งข้อหาเพิ่มผู้บริหารโรงเรียน ครูผู้ช่วยและโชเฟอร์รถตู้ ฐานกระทำการอันประมาทจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต
วานนี้ (17 เม.ย.) ที่ ห้องรับรอง ชั้นที่ 1 โรงพยาบาลกรุงเทพ นาวาอากาศเอก (พิเศษ) น.พ.ไพศาล จันทรพิทักษ์ ผอ.โรงพยาบาลกรุงเทพ สายกิจกรรมพิเศษ พร้อมด้วย นายเอกชัย ทองภู่ นางรัตนา นครโสภา พ่อและแม่ของ ด.ญ.มนัสนันท์ ทองภู่ หรือน้องเอย ที่มารักษาตัวเนื่องจากหลังถูกลืมทิ้งไว้ในรถตู้ ร่วมกันแถลงข่าวการเสียชีวิตน้องเอยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
นาวาอากาศเอก (พิเศษ) น.พ.ไพศาล กล่าวว่า ด.ญ.มนัสนันท์ เสียชีวิตเมื่อเวลา 08.50 น. เนื่องอวัยวะต่างๆ ของร่างกายสูญเสียการทำงาน ความดันค่อยๆ ลดลง หัวใจเต้นช้าลง การควบคุมระบบต่างๆ ก็สูญเสียไปด้วย ส่งผลให้เด็กไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ เพราะอวัยวะต่างๆ สูญเสียการทำงานตามหน้าที่ปกติ โดยขั้นตอนต่อไป โรงพยาบาลจะต้องนำศพส่งไปชันสูตรต่อที่นิติเวช แพทย์ศาสตร์รามาธิบดี ตามขั้นตอนกฎหมาย เนื่องจากเป็นกรณีเสียชีวิตผิดธรรมชาติ หลังจากนั้นญาติจึงรับไปทำพิธีทางศาสนาต่อไป
ด้านนายเอกชัยกล่าวว่า หลังจากน้องเอยได้เสียชีวิตลง ก็ดำเนินการแจ้งให้ทางโรงเรียนของน้องเอยทราบแล้ว ตนขอขอบคุณทางทีมแพทย์และทุกฝ่ายที่ช่วยเหลือให้กำลังใจมาตลอดอย่างเต็มที่ ส่วนศพของน้องเอยจะนำไว้ที่วัดไหนต้องขอปรึกษากับทางครอบครัวอีกครั้งก่อน คงเป็นวัดใกล้ๆ บ้าน ด้านคดีความก็จะต้องเป็นตามกระบวนการของกฎหมายต่อไป
นายเอกชัยกล่าวต่อทั้งน้ำตาว่า ตนรักน้องเอยมาก มันยิ่งใหญ่เกินกว่าจะสูญเสีย อยากให้น้องเอยกลับมา ส่วนน้องพี ด.ช.ศรันรัตน์ ทองภู่ อายุ 5 ปี พี่ชายของน้องเอย ที่เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกับน้องเอยนั้น ทางครอบครัวได้ปรึกษากันแล้วว่าจะให้ลาออกจากโรงเรียน เพราะตนยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ตนอยากจะฝากถึงโรงเรียนทุกแห่งให้ดูแลเรื่องความปลอดภัยด้านต่างๆ ให้แก่เด็กนักเรียนมากขึ้น ไม่ว่าจะเด็กเล็กหรือเด็กโต เพราะตนไม่อยากให้เกิดการสูญเสียแบบนี้อีก
ส่วนบรรยากาศบริเวณหน้าห้องอภิบาลผู้ป่วยหนัก ชั้นที่ 4 หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ของ รพ.กรุงเทพ นำศพของน้องเอยออกมาจากห้องเพื่อที่จะเคลื่อนย้ายไปยังรพ.รามาธิบดีนั้น บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ซึ่งแม่ของน้องเอยร้องไห้แทบเป็นสายเลือดขณะนำศพน้องเอยขึ้นรถของรพ.
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า หลังจากที่นำศพน้องเอยออกมาจาก รพ.กรุงเทพ จากนั้นได้นำศพส่งนิติเวช รพ.รามาธิบดี ซึ่งบริเวณหน้าห้องชันสูตรศพมีญาติและพ่อแม่ของน้องเอยมาดำเนินเรื่องเอกสาร ส่วนศพที่จะนำไปบำเพ็ญกุศล ทางนายเอกชัยหรือพ่อของน้องเอย จะมาดำเนินการรับศพในวันนี้เวลา 10.00 น. ส่วนเรื่องวัด จะต้องปรึกษากับครอบครัวอีกครั้งก่อน
ด้านพ.ต.อ.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผกก.สภ.บางปู อ.เมืองสมุทรปราการ กล่าวว่า หลังทราบข้อมูลว่าน้องเอยเสียชีวิต ในส่วนทางคดีได้มีการรายงานผู้บังคับบัญชาให้ทราบตามลำดับชั้น เนื่องจากเป็นคดีที่สื่อมวลชนให้ความสนใจ และยังได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.สุทธิชน ธงชัยภูมิ พงส.( สบ.3 ) เจ้าของคดี ได้เร่งสรุปสำนวนการสอบสวน พร้อมเรียกตัวสองผู้ต้องหาที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาไปแล้ว มาทำการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ซึ่งประกอบไปด้วย นายสันติภาพ หวานใจ ครูคนขับรถ และ น.ส.ดาวรอง ศรีสุมัง ครูผู้ช่วย
ขณะเดียวกัน ได้มีการเตรียมออกหมายเรียกผู้บริหารของโรงเรียนทั้งครูใหญ่ และผู้ได้รับมอบใบอนุญาต เพื่อมารับทราบข้อกล่าวหาเช่นกัน โดยเตรียมเรียกเข้ารับทราบข้อกล่าวหา ในวันที่ 18 เม.ย. เวลาประมาณ 13.00 น. ทั้งนี้ หลังสอบสวน เสร็จสิ้น พบว่า ในรูปคดีนั้น ถือว่าเป็นการกระทำความผิดในข้อหา การประมาทร่วมจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต โดยเบื้องต้นคาดว่าคงจะต้องมีการเรียกตัว นางอนงค์ คีรีวงษ์ อายุ 77 ปี และ น.ส.ยุวเรศ คีรีวงษ์ อายุ 42 ปี สองผู้บริหารของโรงเรียนดังกล่าวด้วย
วานนี้ (17 เม.ย.) ที่ ห้องรับรอง ชั้นที่ 1 โรงพยาบาลกรุงเทพ นาวาอากาศเอก (พิเศษ) น.พ.ไพศาล จันทรพิทักษ์ ผอ.โรงพยาบาลกรุงเทพ สายกิจกรรมพิเศษ พร้อมด้วย นายเอกชัย ทองภู่ นางรัตนา นครโสภา พ่อและแม่ของ ด.ญ.มนัสนันท์ ทองภู่ หรือน้องเอย ที่มารักษาตัวเนื่องจากหลังถูกลืมทิ้งไว้ในรถตู้ ร่วมกันแถลงข่าวการเสียชีวิตน้องเอยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
นาวาอากาศเอก (พิเศษ) น.พ.ไพศาล กล่าวว่า ด.ญ.มนัสนันท์ เสียชีวิตเมื่อเวลา 08.50 น. เนื่องอวัยวะต่างๆ ของร่างกายสูญเสียการทำงาน ความดันค่อยๆ ลดลง หัวใจเต้นช้าลง การควบคุมระบบต่างๆ ก็สูญเสียไปด้วย ส่งผลให้เด็กไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ เพราะอวัยวะต่างๆ สูญเสียการทำงานตามหน้าที่ปกติ โดยขั้นตอนต่อไป โรงพยาบาลจะต้องนำศพส่งไปชันสูตรต่อที่นิติเวช แพทย์ศาสตร์รามาธิบดี ตามขั้นตอนกฎหมาย เนื่องจากเป็นกรณีเสียชีวิตผิดธรรมชาติ หลังจากนั้นญาติจึงรับไปทำพิธีทางศาสนาต่อไป
ด้านนายเอกชัยกล่าวว่า หลังจากน้องเอยได้เสียชีวิตลง ก็ดำเนินการแจ้งให้ทางโรงเรียนของน้องเอยทราบแล้ว ตนขอขอบคุณทางทีมแพทย์และทุกฝ่ายที่ช่วยเหลือให้กำลังใจมาตลอดอย่างเต็มที่ ส่วนศพของน้องเอยจะนำไว้ที่วัดไหนต้องขอปรึกษากับทางครอบครัวอีกครั้งก่อน คงเป็นวัดใกล้ๆ บ้าน ด้านคดีความก็จะต้องเป็นตามกระบวนการของกฎหมายต่อไป
นายเอกชัยกล่าวต่อทั้งน้ำตาว่า ตนรักน้องเอยมาก มันยิ่งใหญ่เกินกว่าจะสูญเสีย อยากให้น้องเอยกลับมา ส่วนน้องพี ด.ช.ศรันรัตน์ ทองภู่ อายุ 5 ปี พี่ชายของน้องเอย ที่เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกับน้องเอยนั้น ทางครอบครัวได้ปรึกษากันแล้วว่าจะให้ลาออกจากโรงเรียน เพราะตนยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ตนอยากจะฝากถึงโรงเรียนทุกแห่งให้ดูแลเรื่องความปลอดภัยด้านต่างๆ ให้แก่เด็กนักเรียนมากขึ้น ไม่ว่าจะเด็กเล็กหรือเด็กโต เพราะตนไม่อยากให้เกิดการสูญเสียแบบนี้อีก
ส่วนบรรยากาศบริเวณหน้าห้องอภิบาลผู้ป่วยหนัก ชั้นที่ 4 หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ของ รพ.กรุงเทพ นำศพของน้องเอยออกมาจากห้องเพื่อที่จะเคลื่อนย้ายไปยังรพ.รามาธิบดีนั้น บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ซึ่งแม่ของน้องเอยร้องไห้แทบเป็นสายเลือดขณะนำศพน้องเอยขึ้นรถของรพ.
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า หลังจากที่นำศพน้องเอยออกมาจาก รพ.กรุงเทพ จากนั้นได้นำศพส่งนิติเวช รพ.รามาธิบดี ซึ่งบริเวณหน้าห้องชันสูตรศพมีญาติและพ่อแม่ของน้องเอยมาดำเนินเรื่องเอกสาร ส่วนศพที่จะนำไปบำเพ็ญกุศล ทางนายเอกชัยหรือพ่อของน้องเอย จะมาดำเนินการรับศพในวันนี้เวลา 10.00 น. ส่วนเรื่องวัด จะต้องปรึกษากับครอบครัวอีกครั้งก่อน
ด้านพ.ต.อ.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผกก.สภ.บางปู อ.เมืองสมุทรปราการ กล่าวว่า หลังทราบข้อมูลว่าน้องเอยเสียชีวิต ในส่วนทางคดีได้มีการรายงานผู้บังคับบัญชาให้ทราบตามลำดับชั้น เนื่องจากเป็นคดีที่สื่อมวลชนให้ความสนใจ และยังได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.สุทธิชน ธงชัยภูมิ พงส.( สบ.3 ) เจ้าของคดี ได้เร่งสรุปสำนวนการสอบสวน พร้อมเรียกตัวสองผู้ต้องหาที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาไปแล้ว มาทำการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ซึ่งประกอบไปด้วย นายสันติภาพ หวานใจ ครูคนขับรถ และ น.ส.ดาวรอง ศรีสุมัง ครูผู้ช่วย
ขณะเดียวกัน ได้มีการเตรียมออกหมายเรียกผู้บริหารของโรงเรียนทั้งครูใหญ่ และผู้ได้รับมอบใบอนุญาต เพื่อมารับทราบข้อกล่าวหาเช่นกัน โดยเตรียมเรียกเข้ารับทราบข้อกล่าวหา ในวันที่ 18 เม.ย. เวลาประมาณ 13.00 น. ทั้งนี้ หลังสอบสวน เสร็จสิ้น พบว่า ในรูปคดีนั้น ถือว่าเป็นการกระทำความผิดในข้อหา การประมาทร่วมจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต โดยเบื้องต้นคาดว่าคงจะต้องมีการเรียกตัว นางอนงค์ คีรีวงษ์ อายุ 77 ปี และ น.ส.ยุวเรศ คีรีวงษ์ อายุ 42 ปี สองผู้บริหารของโรงเรียนดังกล่าวด้วย