องค์กรงดเหล้า จี้ บช.น.เพิ่มมาตรการรับมือสงกรานต์ คุมเข้มห้ามดื่มเหล้าบนรถ พร้อมมอบสติกเกอร์รณรงค์ 50,000 ชิ้น ด้าน มท.เข้มงวด ห้ามชาวบ้านนำถังน้ำขึ้นกระบะเล่นสงกรานต์ เสี่ยงบาดเจ็บ-ตาย
วันนี้ (28 มี.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ภก.สงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) พร้อมด้วยเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ เครือข่ายเฝ้าระวังแอลกอฮอล์กรุงเทพ เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กว่า30 คน เข้าพบ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อเรียกร้องให้เร่งประชาสัมพันธ์และบังคับใช้กฎหมาย ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนรถ รับมืออุบัติเหตุก่อนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทั้งนี้เครือข่ายฯได้มอบสติกเกอร์รณรงค์จำนวน 50,000 ชิ้น เพื่อสนับสนุนการประชาสัมพันธ์ และบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวทั้ง 88 สน.ด้วย
ภก.สงกรานต์ กล่าวว่า เครือข่ายได้มีส่วนร่วมผลักดันประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนรถ จนมีผลบังคับใช้แล้วในปัจจุบัน สำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และเครือข่ายทราบมาว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้ ตำรวจนครบาลได้สั่งการให้กวดขัน จับกุมผู้ฝ่าฝืนการกระทำความผิดใน 7 ข้อหาหลัก ประกอบด้วย เมาแล้วขับ ไม่สวมหมวกนิรภัย ขับฝ่าไฟแดง ขับรถย้อนศร ขับขี่บนทางเท้า ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และแซงในที่คับขัน ซึ่งเครือข่ายฯ เห็นว่ายังไม่ครอบคลุมถึงเรื่องการห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนรถ เพราะเป็นปัจจัยอันตรายที่นำไปสู่ปัญหาช่วงเทศกาลสงกรานต์ จึงอยากให้ตำรวจนครบาลสนับสนุนมาตรการนี้เพิ่มเข้าไปด้วย
ภก.สงกรานต์ กล่าวว่า เพื่อเป็นการลดอุบัติเหตุและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นช่วงสงกรานต์ เครือข่ายมีข้อเสนอต่อกองบัญชาการตำรวจนครบาล ดังนี้ 1.เร่งประชาสัมพันธ์และบังคับใช้กฎหมายห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนรถขณะอยู่บนทางอย่างจริงจัง 2.เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร และภาคีเครือข่ายภาคประชาชนเข้าหารือเพื่อวางมาตรการคุมเข้มในพื้นที่เล่นน้ำสำคัญๆ ในพื้นที่ กทม.อาทิ ถนนข้าวสาร ถนนสีลม ถนนโชคชัย 4 ฯลฯ ให้เป็นพื้นที่เล่นสงกรานต์ปลอดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และอาวุธ เช่นเดียวกับที่ปฏิบัติได้แล้วในลานหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูงในปีที่ผ่านมา ทั้งช่วงสงกรานต์และปีใหม่ และ 3.เครือข่ายฯยินดีให้ความร่วมมือและสนับสนุนการทำงานประชาสัมพันธ์และบังคับใช้กฎหมายทุกรูปแบบของกองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ในช่วงเทศกาลสงกรานต์
“มาตรการห้ามดื่มบนรถ จะช่วยให้อุบัติเหตุเจ็บ ตายช่วงสงกรานต์ลดลงอย่างแน่นอน เพราะการดื่มไปด้วยสาดน้ำไปด้วยขณะอยู่บนรถหรือท้ายกระบะ ซึ่งอันตรายมาก พฤติกรรมเหล่านี้จะผิดกฎหมายทันที ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องกวดขันเข้มงวดทั้งในเรื่องห้ามขายสุราให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี ซึ่งน่าเป็นห่วงมาก เพราะการสำรวจพบร้านค้า 98.7% ที่ยังขายเหล้าให้เด็ก การตรวจจับร้านค้าที่ไม่มีใบอนุญาต และการห้ามขายริมทาง ซึ่งงานวิจัยพบว่าคนไทยใช้เวลา 4.5 นาที ก็หาซื้อได้ ซึ่งมันง่ายเกินไปเรื่องเหล่านี้หากควบคุมได้ก็จะช่วยป้องกันการถูกลวนลามจากคนเมา ความคึกคะนองได้” ผอ.สคล.กล่าว
วันเดียวกัน พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) เพื่อซักซ้อมการเตรียมความพร้อมในการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2556 โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม พร้อมกล่าวว่า เทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงที่มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนนสูงกว่าปกติ ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยในความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน จึงได้กำชับให้กระทรวงมหาดไทยบูรณาการทุกภาคส่วนเตรียมความพร้อมป้องกันและลดอุบัตติเหตุทางถนน ในช่วงเทศกาลสงกรานต์อย่างเข้มงวดโดยยึดแผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ภายในแนวคิดสงกรานต์เป็นสุขทุกคนปลอดภัยร่วมใจรักษาวัฒนธรรม โดยมีเป้าหมายลดจำนวนครั้ง จำนวนผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บให้น้อยที่สุด ซึ่งกำหนดเวลาในการดำเนินการช่วงควบคุมเข้มข้น ระหว่างวันที่ 11-17 เมษายน 2556 โดยจะยึด 6 มาตรการหลักและ 6 มาตรการเน้นหนัก เพื่อมุ่งหวังความปลอดภัยทางท้องถนนแก่ประชาชนในทุกพื้นที่
พล.ต.ท.ชัจจ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้การทำงานของศูนย์ฯจะเป็นครั้งแรกที่จะเปลี่ยนมาตรการจากการสั่งการที่ศูนย์เพื่อให้จังหวัดปฏิบัติ เป็นให้จังหวัดปรับแผนใช้เพื่อความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดออกนโยบายวางมาตรการและแนวปฏิบัติให้อำเภอและท้องถิ่นร่วมมือกันเพื่อนลดการเกิดอุบัติเหตุแต่ละท้องที่ นอกจากนี้ ต้องมีการบังคับใช้กฎหมายในการขับรถเร็วและเมาสุราหรือบรรทุกเกินกำหนดอย่างเด็ดขาด
“ที่สำคัญในแผนผู้ว่าฯทุกจังหวัดจัดโซนนิงในการเล่นน้ำสงกรานต์ ห้ามให้รถกระบะบรรทุกถังน้ำและสาดตามท้องถนน เนื่องจากการเกิดอันตราย เพราะมีสถิติอยู่กระทำเช่นนี้จะเป็นสาเหตุสำคัญในการเกิดอุบัติเหตุ ผู้บาดเจ็บ ผู้เสียชีวิต และจะมีความผิดตามกฎหมายอาญาฐานสร้างความเดือดร้อน หรือประมาทให้ผู้อื่นบาดเจ็บและถึงแก่ความตาย ทั้งนี้ การกำหนดโซนนิ่งให้เป็นดุลพินิจของผู้ว่าฯ เนื่องจากแต่ละพื้นที่ในแต่ละจังหวัด จะมีสภาพลักษณะของจังหวัดและความเป็นเมืองท่องเที่ยวที่แตกต่างกัน เพื่อรักษาและดำรงวัฒนธรรมไทยในเทศกาลสงกรานต์ ทั้งนี้ย้ำว่านอกจากผู้ขับขี่ดื่มสุราจะมีความผิดแล้วผู้โดยสารที่ดื่มสุราในขณะเดินทางก็มีความผิดเช่นกัน มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนปรับไม่เกิน 1 หมื่นหรือทั้งจำทั้งปรับ” รมช.มหาดไทย กล่าว
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ กล่าวว่า ที่ประชุมได้มีการพิจาณาร่างแผนแม่บทความปลอดภัยทางถนนระยะที่ 4 (2556-2559) มุ่งส่งเสริมกลไกเชิงระบบในการยกระดับมาตรฐานและเสริมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนน ให้เป็นรากฐานสำคัญของสังคมไทย เพื่อพัฒนาประเทศไทยเป็นผู้นำด้านความปลอดภัยทางท้องถนนในประชาคมอาเซียน
วันนี้ (28 มี.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ภก.สงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) พร้อมด้วยเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ เครือข่ายเฝ้าระวังแอลกอฮอล์กรุงเทพ เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กว่า30 คน เข้าพบ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อเรียกร้องให้เร่งประชาสัมพันธ์และบังคับใช้กฎหมาย ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนรถ รับมืออุบัติเหตุก่อนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทั้งนี้เครือข่ายฯได้มอบสติกเกอร์รณรงค์จำนวน 50,000 ชิ้น เพื่อสนับสนุนการประชาสัมพันธ์ และบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวทั้ง 88 สน.ด้วย
ภก.สงกรานต์ กล่าวว่า เครือข่ายได้มีส่วนร่วมผลักดันประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนรถ จนมีผลบังคับใช้แล้วในปัจจุบัน สำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และเครือข่ายทราบมาว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้ ตำรวจนครบาลได้สั่งการให้กวดขัน จับกุมผู้ฝ่าฝืนการกระทำความผิดใน 7 ข้อหาหลัก ประกอบด้วย เมาแล้วขับ ไม่สวมหมวกนิรภัย ขับฝ่าไฟแดง ขับรถย้อนศร ขับขี่บนทางเท้า ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และแซงในที่คับขัน ซึ่งเครือข่ายฯ เห็นว่ายังไม่ครอบคลุมถึงเรื่องการห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนรถ เพราะเป็นปัจจัยอันตรายที่นำไปสู่ปัญหาช่วงเทศกาลสงกรานต์ จึงอยากให้ตำรวจนครบาลสนับสนุนมาตรการนี้เพิ่มเข้าไปด้วย
ภก.สงกรานต์ กล่าวว่า เพื่อเป็นการลดอุบัติเหตุและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นช่วงสงกรานต์ เครือข่ายมีข้อเสนอต่อกองบัญชาการตำรวจนครบาล ดังนี้ 1.เร่งประชาสัมพันธ์และบังคับใช้กฎหมายห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนรถขณะอยู่บนทางอย่างจริงจัง 2.เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร และภาคีเครือข่ายภาคประชาชนเข้าหารือเพื่อวางมาตรการคุมเข้มในพื้นที่เล่นน้ำสำคัญๆ ในพื้นที่ กทม.อาทิ ถนนข้าวสาร ถนนสีลม ถนนโชคชัย 4 ฯลฯ ให้เป็นพื้นที่เล่นสงกรานต์ปลอดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และอาวุธ เช่นเดียวกับที่ปฏิบัติได้แล้วในลานหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูงในปีที่ผ่านมา ทั้งช่วงสงกรานต์และปีใหม่ และ 3.เครือข่ายฯยินดีให้ความร่วมมือและสนับสนุนการทำงานประชาสัมพันธ์และบังคับใช้กฎหมายทุกรูปแบบของกองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ในช่วงเทศกาลสงกรานต์
“มาตรการห้ามดื่มบนรถ จะช่วยให้อุบัติเหตุเจ็บ ตายช่วงสงกรานต์ลดลงอย่างแน่นอน เพราะการดื่มไปด้วยสาดน้ำไปด้วยขณะอยู่บนรถหรือท้ายกระบะ ซึ่งอันตรายมาก พฤติกรรมเหล่านี้จะผิดกฎหมายทันที ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องกวดขันเข้มงวดทั้งในเรื่องห้ามขายสุราให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี ซึ่งน่าเป็นห่วงมาก เพราะการสำรวจพบร้านค้า 98.7% ที่ยังขายเหล้าให้เด็ก การตรวจจับร้านค้าที่ไม่มีใบอนุญาต และการห้ามขายริมทาง ซึ่งงานวิจัยพบว่าคนไทยใช้เวลา 4.5 นาที ก็หาซื้อได้ ซึ่งมันง่ายเกินไปเรื่องเหล่านี้หากควบคุมได้ก็จะช่วยป้องกันการถูกลวนลามจากคนเมา ความคึกคะนองได้” ผอ.สคล.กล่าว
วันเดียวกัน พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) เพื่อซักซ้อมการเตรียมความพร้อมในการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2556 โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม พร้อมกล่าวว่า เทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงที่มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนนสูงกว่าปกติ ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยในความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน จึงได้กำชับให้กระทรวงมหาดไทยบูรณาการทุกภาคส่วนเตรียมความพร้อมป้องกันและลดอุบัตติเหตุทางถนน ในช่วงเทศกาลสงกรานต์อย่างเข้มงวดโดยยึดแผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ภายในแนวคิดสงกรานต์เป็นสุขทุกคนปลอดภัยร่วมใจรักษาวัฒนธรรม โดยมีเป้าหมายลดจำนวนครั้ง จำนวนผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บให้น้อยที่สุด ซึ่งกำหนดเวลาในการดำเนินการช่วงควบคุมเข้มข้น ระหว่างวันที่ 11-17 เมษายน 2556 โดยจะยึด 6 มาตรการหลักและ 6 มาตรการเน้นหนัก เพื่อมุ่งหวังความปลอดภัยทางท้องถนนแก่ประชาชนในทุกพื้นที่
พล.ต.ท.ชัจจ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้การทำงานของศูนย์ฯจะเป็นครั้งแรกที่จะเปลี่ยนมาตรการจากการสั่งการที่ศูนย์เพื่อให้จังหวัดปฏิบัติ เป็นให้จังหวัดปรับแผนใช้เพื่อความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดออกนโยบายวางมาตรการและแนวปฏิบัติให้อำเภอและท้องถิ่นร่วมมือกันเพื่อนลดการเกิดอุบัติเหตุแต่ละท้องที่ นอกจากนี้ ต้องมีการบังคับใช้กฎหมายในการขับรถเร็วและเมาสุราหรือบรรทุกเกินกำหนดอย่างเด็ดขาด
“ที่สำคัญในแผนผู้ว่าฯทุกจังหวัดจัดโซนนิงในการเล่นน้ำสงกรานต์ ห้ามให้รถกระบะบรรทุกถังน้ำและสาดตามท้องถนน เนื่องจากการเกิดอันตราย เพราะมีสถิติอยู่กระทำเช่นนี้จะเป็นสาเหตุสำคัญในการเกิดอุบัติเหตุ ผู้บาดเจ็บ ผู้เสียชีวิต และจะมีความผิดตามกฎหมายอาญาฐานสร้างความเดือดร้อน หรือประมาทให้ผู้อื่นบาดเจ็บและถึงแก่ความตาย ทั้งนี้ การกำหนดโซนนิ่งให้เป็นดุลพินิจของผู้ว่าฯ เนื่องจากแต่ละพื้นที่ในแต่ละจังหวัด จะมีสภาพลักษณะของจังหวัดและความเป็นเมืองท่องเที่ยวที่แตกต่างกัน เพื่อรักษาและดำรงวัฒนธรรมไทยในเทศกาลสงกรานต์ ทั้งนี้ย้ำว่านอกจากผู้ขับขี่ดื่มสุราจะมีความผิดแล้วผู้โดยสารที่ดื่มสุราในขณะเดินทางก็มีความผิดเช่นกัน มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนปรับไม่เกิน 1 หมื่นหรือทั้งจำทั้งปรับ” รมช.มหาดไทย กล่าว
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ กล่าวว่า ที่ประชุมได้มีการพิจาณาร่างแผนแม่บทความปลอดภัยทางถนนระยะที่ 4 (2556-2559) มุ่งส่งเสริมกลไกเชิงระบบในการยกระดับมาตรฐานและเสริมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนน ให้เป็นรากฐานสำคัญของสังคมไทย เพื่อพัฒนาประเทศไทยเป็นผู้นำด้านความปลอดภัยทางท้องถนนในประชาคมอาเซียน
