เรื่องนี้ถึงดีเอสไอแน่! “หมอประดิษฐ” สั่งสอนองค์การเภสัชฯ เหตุสั่งการบ้านตรวจสอบการสร้างโรงงานวัคซีนล่าช้า และวัตถุดิบยาพาราฯมีปัญหาแล้ว แต่ไม่รายงาน ไม่มีคำตอบให้ ส่งเลขาฯร้องดีเอสไอใช้กระบวนการตามกฎหมายตรวจสอบแทน เพื่อชี้แจงต่อสาธารณชน ยันยังไม่ย้าย ผอ.
วันนี้ (28 มี.ค.) นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีมอบหมายให้ นายกมล บันไดเพ็ชร เลขานุการ รมว.สาธารณสุข ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อให้ตรวจสอบองค์การเภสัชกรรม (อภ.) เรื่องการก่อสร้างโรงงานผลิตวัคซีนวงเงิน 1.4 พันล้านบาท ซึ่งนานกว่า 5 ปี แต่ยังไม่แล้วเสร็จ และการสั่งซื้อวัตถุดิบผลิตยาพาราเซตามอลที่มีความผิดปกติ ว่า สาเหตุที่ต้องยื่นเรื่องให้ดีเอสไอตรวจสอบ เพราะตนได้ให้ อภ.เข้าชี้แจงปัญหาการสร้างโรงงานวัคซีนล่าช้าแล้วหลายครั้ง แต่ไม่มีการตอบรับ ส่วนกรณีโรงงานเภสัชกรรมทหารสั่งซื้อวัตถุดิบผลิตยาพาราฯ ผ่าน อภ.แล้วพบการปนเปื้อนนั้น พบว่าวัตถุดิบหลายล็อตมีปัญหา แต่ยังมีการสั่งซื้อต่อ มีการเปลี่ยนวัตถุดิบจากสารเคมีที่ต้องนำมาผสมเองเป็นแบบพร้อมตอกเม็ดได้ทันที และมีการสั่งวัตถุดิบมาเก็บไว้เป็นเวลานาน ซึ่งตนได้สั่งการให้คืนวัตถุดิบดังกล่าวแล้ว เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน และไม่ควรใช้วัตถุดิบที่พบครั้งแล้วครั้งเล่าว่าคุณภาพมีปัญหา โดยตั้งแต่สั่งการไปยังไม่ได้รับรายงาน จึงตั้งสมมติฐานว่าคงไม่มีปัญหาในการคืนดังกล่าว
“ที่ผ่านมาได้สั่งให้คณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) อภ.ดำเนินการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว เพื่อพิจารณาว่าทำงานอย่างจริงจังหรือไม่ ส่วนการร้องขอให้ดีเอสไอตรวจสอบก็เพื่อชี้แจงต่อสาธารณชนว่า ปัญหาเกิดจากอะไร มีการจัดการอย่างถูกต้องหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมามีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนภายในแล้ว แต่ก็ไม่ได้รับผลการสอบสวนที่ชัดเจน ถามหาหลักฐานบางอย่างก็ไม่มีให้” รมว.สาธารณสุข กล่าวและว่า การสอบสวนของดีเอสไอจะมีผู้เชี่ยวชาญดำเนินการหาคำตอบว่า กระบวนการก่อสร้างนั้นผิดปกติจริงหรือไม่ เพราะตนไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ ไม่สามารถตอบได้ว่าการเปลี่ยนแบบก่อสร้างกลางคันส่งผลกระทบอย่างไร หรือ การใช้เวลาก่อสร้างล่าช้ากว่ากำหนดเดิมผิดปกติหรือไม่ รวมทั้งเรื่องงบประมาณ ซึ่งดีเอสไอมีอำนาจตามกฎหมาย สามารถเรียกผู้เกี่ยวข้องเข้าให้ข้อมูลหรือค้นหาขอเอกสารเพิ่มเติมได้ เพราะที่ผ่านมาตนพยายามขอข้อมูลไปแต่ไม่ได้รับข้อมูล เมื่อถามไปก็ไม่มีคำตอบ จึงต้องใช้อำนาจตามกฎหมายทำให้ได้ข้อมูลชัดเจนที่สุด และเพื่อให้โปร่งใสว่า ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
เมื่อถามถึงการทำหน้าที่ของ นพ.วิทิต อรรถเวชกุล ผอ.อภ.นั้น นพ.ประดิษฐ กล่าวว่า ต้องดูก่อนว่าเรื่องทั้งหมดเป็นอย่างไรแล้วใครต้องรับผิดชอบ ซึ่งขณะนี้ นพ.วิทิต ยังคงทำงานตามปกติ เพราะหลักฐานตอนนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้อง แต่เมื่อเรื่องสอบสวนไปถึงขั้นตอนว่าใครบ้างที่เกี่ยวข้อง แน่นอนว่าผู้อำนวยการถือเป็นผู้บริหารสูงสุดในฝ่ายปฏิบัติการ คงต้องมาดูในสุดท้ายว่า ทราบหรือไม่ เรื่องเกิดขึ้นได้อย่างไร และมีการแก้ปัญหาอย่างไร เพราะทุกอย่างต้องมาจบที่ผู้อำนวยการ จำเป็นต้องมีคำอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้น หากดำเนินการแก้ไขปัญหามาโดยตลอดก็ต้องสามารถอธิบายได้ และถือว่าไม่มีปัญหาอะไร
วันนี้ (28 มี.ค.) นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีมอบหมายให้ นายกมล บันไดเพ็ชร เลขานุการ รมว.สาธารณสุข ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อให้ตรวจสอบองค์การเภสัชกรรม (อภ.) เรื่องการก่อสร้างโรงงานผลิตวัคซีนวงเงิน 1.4 พันล้านบาท ซึ่งนานกว่า 5 ปี แต่ยังไม่แล้วเสร็จ และการสั่งซื้อวัตถุดิบผลิตยาพาราเซตามอลที่มีความผิดปกติ ว่า สาเหตุที่ต้องยื่นเรื่องให้ดีเอสไอตรวจสอบ เพราะตนได้ให้ อภ.เข้าชี้แจงปัญหาการสร้างโรงงานวัคซีนล่าช้าแล้วหลายครั้ง แต่ไม่มีการตอบรับ ส่วนกรณีโรงงานเภสัชกรรมทหารสั่งซื้อวัตถุดิบผลิตยาพาราฯ ผ่าน อภ.แล้วพบการปนเปื้อนนั้น พบว่าวัตถุดิบหลายล็อตมีปัญหา แต่ยังมีการสั่งซื้อต่อ มีการเปลี่ยนวัตถุดิบจากสารเคมีที่ต้องนำมาผสมเองเป็นแบบพร้อมตอกเม็ดได้ทันที และมีการสั่งวัตถุดิบมาเก็บไว้เป็นเวลานาน ซึ่งตนได้สั่งการให้คืนวัตถุดิบดังกล่าวแล้ว เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน และไม่ควรใช้วัตถุดิบที่พบครั้งแล้วครั้งเล่าว่าคุณภาพมีปัญหา โดยตั้งแต่สั่งการไปยังไม่ได้รับรายงาน จึงตั้งสมมติฐานว่าคงไม่มีปัญหาในการคืนดังกล่าว
“ที่ผ่านมาได้สั่งให้คณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) อภ.ดำเนินการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว เพื่อพิจารณาว่าทำงานอย่างจริงจังหรือไม่ ส่วนการร้องขอให้ดีเอสไอตรวจสอบก็เพื่อชี้แจงต่อสาธารณชนว่า ปัญหาเกิดจากอะไร มีการจัดการอย่างถูกต้องหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมามีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนภายในแล้ว แต่ก็ไม่ได้รับผลการสอบสวนที่ชัดเจน ถามหาหลักฐานบางอย่างก็ไม่มีให้” รมว.สาธารณสุข กล่าวและว่า การสอบสวนของดีเอสไอจะมีผู้เชี่ยวชาญดำเนินการหาคำตอบว่า กระบวนการก่อสร้างนั้นผิดปกติจริงหรือไม่ เพราะตนไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ ไม่สามารถตอบได้ว่าการเปลี่ยนแบบก่อสร้างกลางคันส่งผลกระทบอย่างไร หรือ การใช้เวลาก่อสร้างล่าช้ากว่ากำหนดเดิมผิดปกติหรือไม่ รวมทั้งเรื่องงบประมาณ ซึ่งดีเอสไอมีอำนาจตามกฎหมาย สามารถเรียกผู้เกี่ยวข้องเข้าให้ข้อมูลหรือค้นหาขอเอกสารเพิ่มเติมได้ เพราะที่ผ่านมาตนพยายามขอข้อมูลไปแต่ไม่ได้รับข้อมูล เมื่อถามไปก็ไม่มีคำตอบ จึงต้องใช้อำนาจตามกฎหมายทำให้ได้ข้อมูลชัดเจนที่สุด และเพื่อให้โปร่งใสว่า ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
เมื่อถามถึงการทำหน้าที่ของ นพ.วิทิต อรรถเวชกุล ผอ.อภ.นั้น นพ.ประดิษฐ กล่าวว่า ต้องดูก่อนว่าเรื่องทั้งหมดเป็นอย่างไรแล้วใครต้องรับผิดชอบ ซึ่งขณะนี้ นพ.วิทิต ยังคงทำงานตามปกติ เพราะหลักฐานตอนนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้อง แต่เมื่อเรื่องสอบสวนไปถึงขั้นตอนว่าใครบ้างที่เกี่ยวข้อง แน่นอนว่าผู้อำนวยการถือเป็นผู้บริหารสูงสุดในฝ่ายปฏิบัติการ คงต้องมาดูในสุดท้ายว่า ทราบหรือไม่ เรื่องเกิดขึ้นได้อย่างไร และมีการแก้ปัญหาอย่างไร เพราะทุกอย่างต้องมาจบที่ผู้อำนวยการ จำเป็นต้องมีคำอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้น หากดำเนินการแก้ไขปัญหามาโดยตลอดก็ต้องสามารถอธิบายได้ และถือว่าไม่มีปัญหาอะไร