กรมอนามัย เตือน ปชช.กินอาหารทะเลช่วงหน้าร้อนเสี่ยงท้องเสีย อาหารเป็นพิษ หากเจออาหารที่ไม่สะอาด แนะวิธีเลือกอาหารทะเลสดใหม่ไม่ปนเปื้อนสารเคมี ย้ำต้องปรุงสุกเสมอ
นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า อาหารทะเลเป็นเมนูฮิตในช่วงหน้าร้อน เนื่องจากประชาชนนิยมไปท่องเที่ยวพักผ่อน แต่อุณหภูมิที่สูงในช่วงหน้าร้อนจะทำให้เชื้อจุลินทรีย์ที่อยู่ในอาหารทะเลเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว อาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคทางเดินอาหาร เช่น โรคอุจจาระร่วง โรคบิด และโรคอาหารเป็นพิษได้ ซึ่งจากสถานการณ์การเจ็บป่วยของประชาชนด้วยระบบทางเดินอาหารในปี 2555 พบว่า มีผู้ป่วยทั้งหมด 1,164,902 ราย เสียชีวิต 38 ราย โรคที่พบมากอันดับ 1 กว่าร้อยละ 90 ของผู้ป่วยทั้งหมด ได้แก่ โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน จำนวน 1 ล้านกว่าราย เสียชีวิต 37 ราย รองลงมา คือ โรคอาหารเป็นพิษ พบผู้ป่วยประมาณ 98,000 ราย เสียชีวิต 1 ราย และโรคบิด จำนวน 5,645 ราย
นพ.เจษฎา กล่าวอีกว่า การเลือกรับประทานอาหารทะเลที่สะอาด ปลอดภัย ผู้บริโภคควรเลือกร้านอาหารที่ได้รับป้ายมาตรฐานร้านอาหารสะอาด รสชาติอร่อย ซึ่งร้านอาหารและแผงลอยจำหน่ายอาหารที่ได้รับป้ายสัญลักษณ์จะสร้างความมั่นใจในเรื่องของความสะอาด ปลอดภัย ลดความเสี่ยงจากการปนเปื้อนจากเชื้อโรคให้กับประชาชนได้เป็นอย่างดี หากผู้บริโภคต้องการซื้ออาหารทะเลมาปรุงเองที่บ้าน วิธีการเลือกซื้อต้องคำนึงถึงความสดและความสะอาด เช่น การเลือกซื้อปลาต้องเลือกเนื้อปลาที่เนื้อแน่น กดไม่บุ๋ม ไม่มีกลิ่นคาว เกล็ดไม่มีรอยแยกหรือแตกออก เพราะอาจทำให้เชื้อโรคปนเปื้อนในเนื้อปลาได้ง่าย การเลือกซื้อปู ตาปูต้องใสและดูที่น้ำหนัก การเลือกซื้อกุ้ง หัวกุ้งต้องใส หัวกับตัวจะยังติดกันแน่น เพราะกุ้งที่ไม่สด หัวหรือส่วนที่เป็นเปลือกส่วนหัวจะไม่ติดกับตัว หรือเลือกซื้อจากตลาดที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานตลาดสดน่าซื้อ
“ที่สำคัญไม่ควรรับประทานอาหารทะเลดิบๆ โดยต้องปรุงอาหารให้ถูกสุขลักษณะก่อนรับประทานด้วยการใช้ความร้อนให้อาหารสุกอย่างทั่วถึง นอกจากนี้ ผู้ปรุงอาหารต้องล้างมือทุกครั้ง ก่อน-หลังสัมผัสอาหารด้วยสบู่และน้ำสะอาด ไม่ควรใช้เขียงร่วมกันระหว่างอาหารสุกและอาหารดิบ หลังปรุงอาหารเสร็จต้องทำความสะอาดภาชนะทันที เพื่อป้องกันกลิ่นคาวและมีแมลงวันตอม และภาชนะสำหรับใส่อาหารต้องสะอาดมีฝาปิดให้มิดชิด เพื่อป้องกันการปนเปื้อนและแพร่กระจายของเชื้อโรค” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
นพ.เจษฎา กล่าวด้วยว่า อาหารทะเลเป็นอาหารที่ให้คุณค่าสารไอโอดีนที่จำเป็นต่อร่างกาย ช่วยป้องกันโรคคอพอก โรคเอ๋อ และช่วยในการพัฒนาการเจริญเติบโต เสริมสร้างสติปัญญา ซึ่งหากร่างกายของคนเราขาดสารไอโอดีนแล้ว ก็อาจจะส่งผลให้เกิดความพิการทางสติปัญญาและพัฒนาการที่มีความผิดปกติ เช่น ความเตี้ย โรคแคระแกรน สติปัญญาด้อย เป็นต้น การรับประทานอาหารทะเลผู้บริโภคต้องใส่ใจมากเป็นพิเศษ ตั้งแต่การเลือกซื้อ ปรุง บริโภค โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนเป็นช่วงที่เชื้อแบคทีเรียเจริญเติบโตและแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว เพื่อความมั่นใจในความสะอาดและปลอดภัย ซึ่งไม่เพียงแต่อาหารทะเลเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงอาหารทุกประเภทอีกด้วย
นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า อาหารทะเลเป็นเมนูฮิตในช่วงหน้าร้อน เนื่องจากประชาชนนิยมไปท่องเที่ยวพักผ่อน แต่อุณหภูมิที่สูงในช่วงหน้าร้อนจะทำให้เชื้อจุลินทรีย์ที่อยู่ในอาหารทะเลเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว อาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคทางเดินอาหาร เช่น โรคอุจจาระร่วง โรคบิด และโรคอาหารเป็นพิษได้ ซึ่งจากสถานการณ์การเจ็บป่วยของประชาชนด้วยระบบทางเดินอาหารในปี 2555 พบว่า มีผู้ป่วยทั้งหมด 1,164,902 ราย เสียชีวิต 38 ราย โรคที่พบมากอันดับ 1 กว่าร้อยละ 90 ของผู้ป่วยทั้งหมด ได้แก่ โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน จำนวน 1 ล้านกว่าราย เสียชีวิต 37 ราย รองลงมา คือ โรคอาหารเป็นพิษ พบผู้ป่วยประมาณ 98,000 ราย เสียชีวิต 1 ราย และโรคบิด จำนวน 5,645 ราย
นพ.เจษฎา กล่าวอีกว่า การเลือกรับประทานอาหารทะเลที่สะอาด ปลอดภัย ผู้บริโภคควรเลือกร้านอาหารที่ได้รับป้ายมาตรฐานร้านอาหารสะอาด รสชาติอร่อย ซึ่งร้านอาหารและแผงลอยจำหน่ายอาหารที่ได้รับป้ายสัญลักษณ์จะสร้างความมั่นใจในเรื่องของความสะอาด ปลอดภัย ลดความเสี่ยงจากการปนเปื้อนจากเชื้อโรคให้กับประชาชนได้เป็นอย่างดี หากผู้บริโภคต้องการซื้ออาหารทะเลมาปรุงเองที่บ้าน วิธีการเลือกซื้อต้องคำนึงถึงความสดและความสะอาด เช่น การเลือกซื้อปลาต้องเลือกเนื้อปลาที่เนื้อแน่น กดไม่บุ๋ม ไม่มีกลิ่นคาว เกล็ดไม่มีรอยแยกหรือแตกออก เพราะอาจทำให้เชื้อโรคปนเปื้อนในเนื้อปลาได้ง่าย การเลือกซื้อปู ตาปูต้องใสและดูที่น้ำหนัก การเลือกซื้อกุ้ง หัวกุ้งต้องใส หัวกับตัวจะยังติดกันแน่น เพราะกุ้งที่ไม่สด หัวหรือส่วนที่เป็นเปลือกส่วนหัวจะไม่ติดกับตัว หรือเลือกซื้อจากตลาดที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานตลาดสดน่าซื้อ
“ที่สำคัญไม่ควรรับประทานอาหารทะเลดิบๆ โดยต้องปรุงอาหารให้ถูกสุขลักษณะก่อนรับประทานด้วยการใช้ความร้อนให้อาหารสุกอย่างทั่วถึง นอกจากนี้ ผู้ปรุงอาหารต้องล้างมือทุกครั้ง ก่อน-หลังสัมผัสอาหารด้วยสบู่และน้ำสะอาด ไม่ควรใช้เขียงร่วมกันระหว่างอาหารสุกและอาหารดิบ หลังปรุงอาหารเสร็จต้องทำความสะอาดภาชนะทันที เพื่อป้องกันกลิ่นคาวและมีแมลงวันตอม และภาชนะสำหรับใส่อาหารต้องสะอาดมีฝาปิดให้มิดชิด เพื่อป้องกันการปนเปื้อนและแพร่กระจายของเชื้อโรค” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
นพ.เจษฎา กล่าวด้วยว่า อาหารทะเลเป็นอาหารที่ให้คุณค่าสารไอโอดีนที่จำเป็นต่อร่างกาย ช่วยป้องกันโรคคอพอก โรคเอ๋อ และช่วยในการพัฒนาการเจริญเติบโต เสริมสร้างสติปัญญา ซึ่งหากร่างกายของคนเราขาดสารไอโอดีนแล้ว ก็อาจจะส่งผลให้เกิดความพิการทางสติปัญญาและพัฒนาการที่มีความผิดปกติ เช่น ความเตี้ย โรคแคระแกรน สติปัญญาด้อย เป็นต้น การรับประทานอาหารทะเลผู้บริโภคต้องใส่ใจมากเป็นพิเศษ ตั้งแต่การเลือกซื้อ ปรุง บริโภค โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนเป็นช่วงที่เชื้อแบคทีเรียเจริญเติบโตและแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว เพื่อความมั่นใจในความสะอาดและปลอดภัย ซึ่งไม่เพียงแต่อาหารทะเลเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงอาหารทุกประเภทอีกด้วย