สธ.สั่งโรงพยาบาลในแม่ฮ่องสอน เชียงราย และน่าน เตรียมพร้อมดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินหรืออุบัติเหตุจากหมอกควัน หลังพบผู้ป่วยโรคประจำตัวมีอาการกำเริบจากพิษหมอกควันแล้ว ทั้งหอบหืด หัวใจ ถุงลมปอดโป่งพอง เข้านอนโรงพยาบาลเพิ่ม 5% แนะใส่หน้ากากอนามัยป้องกันก่อนออกจากบ้าน เร่งสำรองหน้ากากอนามัยแจกทุกโรงพยาบาล 100,000 ชิ้น
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงปัญหาหมอกควันในภาคเหนือ ว่า จากรายงานของกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วันนี้ (20 มี.ค.) พบปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) เฉลี่ย 24 ชั่วโมงมีค่าระหว่าง 41-260 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จังหวัดที่มีค่าฝุ่นเกินมาตรฐานคือ 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร มี 3 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย น่าน และแม่ฮ่องสอน โดยรายงานปริมาณฝุ่นสูงที่สุดที่จ.แม่ฮ่องสอน เมื่อเวลา 9.00 น.ตรวจวัดได้ 260 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งมีผลกระทบต่อสุขภาพ ได้สั่งการให้โรงพยาบาลทุกระดับในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขที่อยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดดังกล่าว เตรียมความพร้อมให้การดูแลผู้ป่วยที่อาจเจ็บป่วยฉุกเฉิน หรือเกิดอุบัติเหตุจากปัญหาหมอกควัน และให้สำรองยาโดยเฉพาะยาหยอดตา ยาแก้แพ้ ยาหอบหืดไว้ให้เพียงพอ พร้อมทั้งให้เฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยง 4 กลุ่ม ได้แก่ ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ หอบหืด โรคหัวใจ โรคถุงลมปอดโป่งพอง โรคภูมิแพ้ โรคหลอดเลือดสมอง
นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า ผลการเฝ้าระวังในช่วงที่มีหมอกควันที่ผ่านมา โดยเฉพาะในจังหวัดแม่ฮ่องสอนพบว่า ในกลุ่มผู้ที่มีโรคประจำตัวซึ่งทั้งจังหวัดมีประมาณ 10,000 คน มีอาการกำเริบจากพิษหมอกควัน ต้องเข้านอนรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นจากปกติร้อยละ 5 ซึ่งน้อยกว่าปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามได้ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอนกระจายหน้ากากอนามัยให้โรงพยาบาลทุกระดับ นำไปแจกจ่ายประชาชนแล้ว 30,000 ชิ้น และสำรองเพิ่มอีก 100,000 ชิ้น รวมทั้งให้ อสม.แนะนำประชาชนเย็บหน้ากากอนามัยผ้าไว้ใช้เอง ซึ่งใช้ป้องกันได้เช่นกัน สามารถซักและนำกลับมาใช้ได้หลายครั้ง
ด้าน นพ.ไพศาล ธัญญาวินิจกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า สภาพหมอกควันที่ปกคลุมขณะนี้อยู่ในขั้นน่าเป็นห่วง และไม่สามารถประเมินความหนาแน่นด้วยตาเปล่าได้ จึงได้ออกประกาศคำแนะนำให้ประชาชน หากไม่จำเป็นขอให้อยู่ในบ้าน ลดการทำกิจกรรมเช่นออกกำลังกายกลางแจ้งชั่วคราว และให้ใส่หน้ากากอนามัยเมื่อออกนอกบ้าน ผู้ที่มีโรคประจำตัวขอให้เตรียมยาที่ใช้ประจำไว้ให้พร้อม ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หากมีอาการไอถี่ขึ้น หายใจลำบาก แน่นหรือเจ็บหน้าอก ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว หรือเต้นผิดปกติ คลื่นไส้ เหนื่อยง่ายกว่าปกติ หรือเริ่มปวดศีรษะ ขอให้ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน นอกจากนี้ ได้เตรียมประสานรถฉีดน้ำเพื่อพ่นละอองน้ำรอบๆ บริเวณโรงพยาบาลที่มีผู้ป่วยไปใช้บริการมาก เช่นโรงพยาบาลศรีสังวาลย์ เพื่อลดฝุ่นละอองในอากาศและผลกระทบสุขภาพของผู้ป่วยด้วย
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงปัญหาหมอกควันในภาคเหนือ ว่า จากรายงานของกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วันนี้ (20 มี.ค.) พบปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) เฉลี่ย 24 ชั่วโมงมีค่าระหว่าง 41-260 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จังหวัดที่มีค่าฝุ่นเกินมาตรฐานคือ 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร มี 3 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย น่าน และแม่ฮ่องสอน โดยรายงานปริมาณฝุ่นสูงที่สุดที่จ.แม่ฮ่องสอน เมื่อเวลา 9.00 น.ตรวจวัดได้ 260 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งมีผลกระทบต่อสุขภาพ ได้สั่งการให้โรงพยาบาลทุกระดับในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขที่อยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดดังกล่าว เตรียมความพร้อมให้การดูแลผู้ป่วยที่อาจเจ็บป่วยฉุกเฉิน หรือเกิดอุบัติเหตุจากปัญหาหมอกควัน และให้สำรองยาโดยเฉพาะยาหยอดตา ยาแก้แพ้ ยาหอบหืดไว้ให้เพียงพอ พร้อมทั้งให้เฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยง 4 กลุ่ม ได้แก่ ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ หอบหืด โรคหัวใจ โรคถุงลมปอดโป่งพอง โรคภูมิแพ้ โรคหลอดเลือดสมอง
นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า ผลการเฝ้าระวังในช่วงที่มีหมอกควันที่ผ่านมา โดยเฉพาะในจังหวัดแม่ฮ่องสอนพบว่า ในกลุ่มผู้ที่มีโรคประจำตัวซึ่งทั้งจังหวัดมีประมาณ 10,000 คน มีอาการกำเริบจากพิษหมอกควัน ต้องเข้านอนรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นจากปกติร้อยละ 5 ซึ่งน้อยกว่าปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามได้ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอนกระจายหน้ากากอนามัยให้โรงพยาบาลทุกระดับ นำไปแจกจ่ายประชาชนแล้ว 30,000 ชิ้น และสำรองเพิ่มอีก 100,000 ชิ้น รวมทั้งให้ อสม.แนะนำประชาชนเย็บหน้ากากอนามัยผ้าไว้ใช้เอง ซึ่งใช้ป้องกันได้เช่นกัน สามารถซักและนำกลับมาใช้ได้หลายครั้ง
ด้าน นพ.ไพศาล ธัญญาวินิจกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า สภาพหมอกควันที่ปกคลุมขณะนี้อยู่ในขั้นน่าเป็นห่วง และไม่สามารถประเมินความหนาแน่นด้วยตาเปล่าได้ จึงได้ออกประกาศคำแนะนำให้ประชาชน หากไม่จำเป็นขอให้อยู่ในบ้าน ลดการทำกิจกรรมเช่นออกกำลังกายกลางแจ้งชั่วคราว และให้ใส่หน้ากากอนามัยเมื่อออกนอกบ้าน ผู้ที่มีโรคประจำตัวขอให้เตรียมยาที่ใช้ประจำไว้ให้พร้อม ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หากมีอาการไอถี่ขึ้น หายใจลำบาก แน่นหรือเจ็บหน้าอก ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว หรือเต้นผิดปกติ คลื่นไส้ เหนื่อยง่ายกว่าปกติ หรือเริ่มปวดศีรษะ ขอให้ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน นอกจากนี้ ได้เตรียมประสานรถฉีดน้ำเพื่อพ่นละอองน้ำรอบๆ บริเวณโรงพยาบาลที่มีผู้ป่วยไปใช้บริการมาก เช่นโรงพยาบาลศรีสังวาลย์ เพื่อลดฝุ่นละอองในอากาศและผลกระทบสุขภาพของผู้ป่วยด้วย