xs
xsm
sm
md
lg

สพฐ.ลดรับเด็ก ม.1 แก้ปัญหาคอขวดรับ ม.4

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สทศ.ประกาศผลสอบ O-Net 15 มี.ค.ส่วน สพฐ.เตรียมประชุมทางไกลพรุ่งนี้ ย้ำ สพม.42 เขตและโรงเรียนเดินหน้ารับสมัครเด็ก ม.1 และ ม.4 ระหว่างวันที่ 14-18 มี.ค.ตามปกติ และให้เข้าเว็บไซต์ สทศ.หลังประกาศผลแล้ว 2 ชม.เพื่อนำคะแนน O-Net เด็กมาใช้ประกอบคัดเลือก พร้อมแจงลดรับเด็ก ม.1 แก้ปัญหาคอขวดในการรับเด็ก ม.4
ชินภัทร ภูมิรัตน
นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวถึงกรณีโรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูง โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานคร (กทม.) และปริมณฑล ซึ่งลดจำนวนการรับนักเรียนเข้าเรียนต่อระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ (ม.) 1 ปีการศึกษา 2556 เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ที่ให้ลดจำนวนการรับ ม.1 ลงเพื่อขยายชั้นเรียนระดับ ม.ปลาย หรือ ม.4 และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาประท้วงการรับนักเรียนเข้าเรียนต่อ ม.4 ซึ่งเคยเกิดปัญหามาแล้วกับโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ว่า การรับนักเรียนเรียนต่อชั้น ม.1 และ ม.4 ต้องมีความสัมพันธ์กัน หากย้อนไปดูข้อมูลก่อนหน้านี้จะพบว่า เด็กที่จะเข้าเรียนชั้น ม.1 จะไม่ค่อยมีปัญหา เพราะนักเรียนที่จบประถมศึกษาปีที่ 6 และสมัครเรียนต่อ ม.1 มาจากหลากหลายรูปแบบทั้งในเขตพื้นที่บริการและนอกเขตพื้นที่บริการ และมีการแข่งขันตามกติกา โดยโรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูง มีนักเรียนมาสมัครเกินที่นั่งที่จะรับได้ โรงเรียนจะต้องจัดสรรที่นั่งให้เด็กในเขตพื้นที่บริการไม่น้อยกว่า 50% และส่วนที่เหลือก็จัดให้เด็กทั่วไป หรือเด็กนอกเขตพื้นที่บริการ

นายชินภัทร กล่าวอีกว่า สำหรับการรับนักเรียนชั้น ม.4 ถือเป็นรอยต่อที่สำคัญ เพราะมีทั้งเด็กที่จบ ม.3 จากโรงเรียนเดิม และเด็กที่มาจากโรงเรียนอื่นที่ประสงค์จะเข้าเรียนโรงเรียนอัตราการแข่งขันสูง ซึ่งปีการศึกษา 2555 ที่ผ่านมาเรามีประสบการณ์มาแล้วกับกรณีของโรงเรียนบดินทรเดชาฯ ดังนั้น ในปีการศึกษา 2556 จึงใช้กรณีนี้เป็นตัวตั้งและวางแผนดูแลนักเรียนที่จบ ม.3 โรงเรียนและเด็กที่จบจากโรงเรียนอื่น โดยให้โรงเรียนแจ้งนักเรียนที่จะจบชั้น ม.3 ที่มีความประสงค์จะเข้า ม.4 โรงเรียนเดิมทราบล่วงหน้าว่า จะต้องทำเกรดเฉลี่ยให้ได้ไม่ต่ำกว่า 2.00 และ โรงเรียนที่จะเปิดรับ ม.4 จะต้องไปทำแผนการรับนักเรียน ม.4 ไว้ โดยให้นำจำนวนเด็ก ม.3 ที่คาดว่าจะมีเกรดเฉลี่ยถึง 2.00 ที่ประสงค์จะเรียนต่อโรงเรียนเดิมมาเป็นตัวตั้งของม.4 และคิดเป็น 80% ของที่นั่ง เหลือ 20% ให้เปิดรับเด็กทั่วไป

การแก้ไขปัญหาเด็กที่จะเข้าเรียนชั้น ม.4 จะแก้ไขเฉพาะชั้น ม.4 อย่างเดียวไม่ได้ เพราะจะต้องลดแรงกดดันจากตัวป้อนที่ไหลเลื่อนขึ้นมาจากชั้นม.1ด้วย หากเรารับเด็ก ม.1 จำนวนเยอะเกินไปอีก 3 ปีสุดท้ายจะกลายเป็นคอขวดที่ชั้น ม.4 เพราะฉะนั้นวิธีการแก้ไขปัญหาคอขวดเราจะเริ่มตั้งแต่การที่โรงเรียนรับนักเรียน ม.1 อย่างพอเหมาะและต้องทำแต่เนิ่นๆ ขณะเดียวกัน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและโรงเรียนที่มีอัตราแข่งขันสูงจะต้องไปประสานกับโรงเรียนในเขตพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อทำข้อตกลงกับโรงเรียนของ กทม.ที่มีอยู่ 400 แห่ง ช่วยรับนักเรียนที่จบ ป.6 เข้าเรียนต่อ ม.1 ให้ไปเรียนในโรงเรียนสังกัด กทม.ซึ่งจะเป็นการกระจายนักเรียนให้กว้างขวางมากขึ้น ไม่ต้องมาประดังอยู่ที่โรงเรียนสังกัด สพฐ.ซึ่งการจัดสรรดังกล่าวเป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนเข้าเรียนอย่างทั่วถึง เป็นธรรม ขณะเดียวกันก็ยังคงคุณภาพการศึกษาไว้ได้ เพราะหากรับนักเรียน ม.1 อย่างไม่มีข้อจำกัดในที่สุดคุณภาพโรงเรียนก็จะลดลง เพราะครูและห้องเรียนไม่พอ อุปกรณ์การเรียนการสอนขาดแขลน เพราะโรงเรียนมีข้อจำกัดรับนักเรียนได้จำนวนหนึ่งเท่านั้น” นายชินภัทร กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า การลดจำนวนการรับนักเรียน ม.1 สร้างความกังวลแก่ผู้ปกครองว่าอาจจะมีบางคนจ่ายแปะเจี๊ยะเพื่อแลกที่นั่งสูงขึ้นเพื่อให้ลูกได้เรียนในโรงเรียนดัง เลขาธิการ กพฐ. กล่าวว่า ตนได้ย้ำตลอดว่าการบริจาคเงินเพื่อแลกที่นั่งในการเข้าเรียนต่อนั้นเป็นเรื่องที่ขัดต่อระเบียบของ สพฐ.และผิดกฎหมาย ซึ่งในทุกๆ ปี สพฐ.จะมีประกาศชัดเจนแจ้งไปยังโรงเรียนทุกแห่งให้ทราบถึงแนวทางการการระดมทรัพยากร ที่สำคัญในช่วงที่มีการรับนักเรียนห้ามไม่ให้มีการระดมทรัพยากรหรือรับบริจาคใดๆ ทั้งสิ้น ขณะเดียวกัน เวลานี้ก็มีหลายงานให้ความสนใจและติดตามตรวจสอบอยู่แล้ว

นายชินภัทร กล่าวด้วยว่า ตามปฏิทินการรับนักเรียนในสังกัด สพฐ. นั้นจะเริ่มรับสมัครนักเรียน ระดับ ม.1 และ ม.4 ในระหว่างวันที่ 14-18 มีนาคมนี้ โดยนักเรียนจะต้องมีการนำผลคะแนนแบบทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-Net) ยื่นในการสมัครด้วย แต่เนื่องจากสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) จะประกาศผลสอบ O-Net ในวันที่ 15 มีนาคม ดังนั้น ในวันพรุ่งนี้ (13 มี.ค.) ตนจะประชุมทางไกลผ่านระบบวีดิโอคอนเฟอร์เรนซ์ร่วมกับผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) 42 เขต และผู้อำนวยการโรงเรียนเพื่อชี้แจงว่าให้โรงเรียนดำเนินการรับสมัครได้ตามปกติ และในวันที่ 15 มีนาคม ภายหลัง สทศ.ประกาศผลสอบ O-Net ผ่านไปแล้ว 2 ชั่วโมง ขอให้โรงเรียนที่รับสมัครเด็กเข้าไปดูคะแนน O-NET ของเด็กผ่านทางเว็บไซต์ของ สทศ. www.niets.or.th โดยเข้าไปที่เมนู RPS และกรอกเลขประจำตัวประชาชนของนักเรียน เพื่อนำคะแนน O-NET มาใช้ในการพิจารณา
กำลังโหลดความคิดเห็น