“พงศ์เทพ” ชื่นชม “สมบัติ จันทรวงศ์” ลาออกเป็นการแสดงสปิริต ชี้เป็นบทเรียนให้แก่ ขรก.รับฝากเงิน-ของจากคนอื่นต้องระวัง วอนสังคมอย่ามองภาพลักษณ์ อ.มหา’ลัย แง่ลบ แนะรอฟังผลสอบ
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงกรณีนายสมบัติ จันทรวงศ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ถือครองทรัพย์สินแทนครอบครัว พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม โดยนายสมบัติระบุจะยื่นขอลาจากตำแหน่งวิชาการและอาจารย์ มธ.ต่อ ศ.ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดี มธ.ว่า ขอชื่นชม นายสมบัติ ที่แสดงสปิริตด้วยการลาออกทั้งที่ไม่ใช่ผู้ที่ถูกสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบสวนเพียงแต่เป็นผู้รับฝากเงินไว้เท่านั้น แต่ก็ได้แสดงความรับผิดชอบออกมา
สำหรับกรณี นายสมบัติ เพียงแต่รับฝากเงินไว้เท่านั้นและไม่ใช่ผู้ที่ถูก ป.ป.ช.สอบสวน โดยเจ้าตัวระบุว่าไม่รู้ว่าเงินดังกล่าวมีที่มาที่ไปอย่างไร ซึ่งตนไม่ออกความเห็นในเรื่องดังกล่าวเพราะไม่รู้ข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตาม ในแง่กฎหมายนั้นการที่จะมีความผิดจะเกิดก็ต่อเมื่อเป็นในลักษณะร่วมกันฟอกเงิน หรือสนับสนุนการกระทำความผิดในช่วงก่อนกระทำความผิด หรือขณะกระทำความผิด ตัวอย่างเช่น การรับซื้อของโจรซึ่งการเอาผิดทางกฎหมายทำได้ใน 2 กรณี คือผู้รับซื้อรู้ล่วงหน้าว่าจะมีการกระทำความผิดและรับซื้อของโจรไว้ และการรับซื้อของโจรทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นของที่ขโมยมา แต่กรณีของ นายสมบัติ เป็นการรับฝากเงิน ซึ่งขอให้รอดูผลสอบสวนของปปช.ว่าข้อเท็จจริงออกมาเป็นอย่างไร
“กรณีของอาจารย์สมบัติถือเป็นบทเรียนของข้าราชการ ใครมาฝากอะไร ก็ต้องระวังให้มาก เวลามีใครมาฝากอะไร ก็ต้องแปลกใจ มาฝากไว้กับเราทำไม ทำไมไม่ไปฝากไว้กับคนในครอบครัวหรือญาติ” รมว.ศึกษาธิการ กล่าว
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงกรณีนายสมบัติ จันทรวงศ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ถือครองทรัพย์สินแทนครอบครัว พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม โดยนายสมบัติระบุจะยื่นขอลาจากตำแหน่งวิชาการและอาจารย์ มธ.ต่อ ศ.ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดี มธ.ว่า ขอชื่นชม นายสมบัติ ที่แสดงสปิริตด้วยการลาออกทั้งที่ไม่ใช่ผู้ที่ถูกสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบสวนเพียงแต่เป็นผู้รับฝากเงินไว้เท่านั้น แต่ก็ได้แสดงความรับผิดชอบออกมา
สำหรับกรณี นายสมบัติ เพียงแต่รับฝากเงินไว้เท่านั้นและไม่ใช่ผู้ที่ถูก ป.ป.ช.สอบสวน โดยเจ้าตัวระบุว่าไม่รู้ว่าเงินดังกล่าวมีที่มาที่ไปอย่างไร ซึ่งตนไม่ออกความเห็นในเรื่องดังกล่าวเพราะไม่รู้ข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตาม ในแง่กฎหมายนั้นการที่จะมีความผิดจะเกิดก็ต่อเมื่อเป็นในลักษณะร่วมกันฟอกเงิน หรือสนับสนุนการกระทำความผิดในช่วงก่อนกระทำความผิด หรือขณะกระทำความผิด ตัวอย่างเช่น การรับซื้อของโจรซึ่งการเอาผิดทางกฎหมายทำได้ใน 2 กรณี คือผู้รับซื้อรู้ล่วงหน้าว่าจะมีการกระทำความผิดและรับซื้อของโจรไว้ และการรับซื้อของโจรทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นของที่ขโมยมา แต่กรณีของ นายสมบัติ เป็นการรับฝากเงิน ซึ่งขอให้รอดูผลสอบสวนของปปช.ว่าข้อเท็จจริงออกมาเป็นอย่างไร
“กรณีของอาจารย์สมบัติถือเป็นบทเรียนของข้าราชการ ใครมาฝากอะไร ก็ต้องระวังให้มาก เวลามีใครมาฝากอะไร ก็ต้องแปลกใจ มาฝากไว้กับเราทำไม ทำไมไม่ไปฝากไว้กับคนในครอบครัวหรือญาติ” รมว.ศึกษาธิการ กล่าว