สุรินทร์ - ตำรวจ สภ.เพี้ยราม เมืองช้าง ตามรวบคู่เขยตั้งตัวเป็นโจร ออกตระเวนลักรถไถนาแบบเดินตามของชาวบ้าน พร้อมคนรับซื้อ รวมได้ผู้ต้องหา 3 คน รับสารภาพก่อเหตุขโมยไปแล้ว 4 คัน ขายต่อให้คนกลางนำเงินมาใช้ในครอบครัว อ้างฐานะยากจน ตร.ขยายผลรวบตัวกลางซื้อขายของโจรเพิ่มอีก 2 ราย
วันนี้ (19 ก.พ.) ที่ สภ.เพี้ยราม ต.เพี้ยราม อ.เมือง จ.สุรินทร์ พล.ต.ต.ชัยทัต อินทนูจิตร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) สุรินทร์ ได้เดินทางมาแถลงข่าวการจับกุมกลุ่มคนร้ายออกตระเวนลักทรัพย์รถไถ่นาของประชาชนในพื้นที่ ต.เพี้ยราม อ.เมืองสุรินทร์ และ ต.เมืองลีง อ.จอมพระ จ.สุรินทร์ ได้ผู้ต้องหารวม 3 คน คือนายพูนสุข สงครินทร์ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 46 หมู่ที่ 11 ต.หัวเรือ อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม นายลด พาสี อายุ 35 ปี บ้านเลขที่ 39 หมู่ที่ 4 ต.สระเยาว์ อ.ศรีรัตนะ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งทั้งสองคนเป็นคู่เขยกัน และผู้รับซื้อของโจร คือ นายแผน อินทชัย อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 91 หมู่ที่ 21 บ้านโนนทราย ต.ชุมพลบุรี อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ พร้อมสามารถติดตามรถไถนาของกลางคืนมาได้ จำนวน 1 คัน
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ.ที่ผ่านมา ประชาชนในพื้นที่ ต.เพี้ยราม อ.เมืองสุรินทร์ และ ต.เมืองลีง อ.จอมพระ ได้เข้าแจ้งความไว้ต่อ สภ.เพี้ยราม และ สภ.เมืองลีงว่า รถไถนาแบบเดินตาม หรือรถไถนาดัดแปลงเป็นเครื่องสูบน้ำ ที่ตั้งสูบน้ำเข้านาปรังได้ถูกขโมยหายไป จำนวน 4 เครื่อง พร้อมลูกพ่วง สร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นทรัพย์สินเครื่องจักรกลใช้ในการประกอบอาชีพ
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตั้งชุดเฉพาะกิจออกหาข่าวกระทั่งทราบว่า ที่บ้านของ นายแผน เลขที่ 91 หมู่ที่ 21 บ้านโนนทราย ต.ชุมพลบุรี อ.ชุมพลบุรี มีการซื้อขายรถไถนาแบบเดินตามมือสอง ไม่ทราบแหล่งที่มาในราคาถูกเพียง 26,000 บาท เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เพี้ยราม จึงได้นำผู้เสียหายที่ได้แจ้งความไว้ไปดูรถไถนาที่ทำการซื้อขายดังกล่าว และพบว่าเป็นรถของผู้เสียหายจริง เนื่องจากได้สลักชื่อเจ้าของไว้ที่ด้านข้างรถ
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัว นายแผน มาทำการสอบสวน และขยายผลจนกระทั่งทราบว่า ซื้อรถไถ่นาคันดังกล่าวมาจาก นายพูนสุข สงครินทร์ อายุ 39 ปี และนายลด พาสี อายุ 35 ปีซึ่งทั้งสองคนเป็นคู่เขยกัน จนสามารถจับกุมได้ดังกล่าว
นายพูนสุข สงครินทร์ ผู้ต้องหารับสารภาพว่า ได้ร่วมกับ นายลด พาสี คู่เขยพากันตระเวนออกขายเกลือให้แก่ชาวบ้านในช่วงกลางวัน พร้อมคอยสังเกตว่าบ้านหลังไหนหรือสถานที่ใดตามทุ่งนา ที่ชาวบ้านนำรถไถนาออกไปตั้งเครื่องยนต์สูบน้ำเข้านาปรัง ทิ้งไว้ พอถึงช่วงกลางคืนจะพากันขับขี่รถจักรยานยนต์ออกหาขโมยรถไถนาพร้อมเครื่องยนต์ตามที่ได้วางแผนไว้ โดยการขับขี่รถไถนาแบบเดินตามที่ขโมยมาลัดเลาะไปตามหมู่บ้านต่างๆ จนกระทั่งถึงบ้านที่ อ.สุวรรณภูมิ ก่อนเร่งนำออกขายในราคาคันละ 16,000-30,000 บาท แล้วแต่สภาพรถที่ขโมยมาได้ แล้วนำเงินไปใช้จ่ายในครอบครัวเพราะฐานะยากจน ซึ่งได้ก่อเหตุขโมยรถไถนามาแล้ว 4 คัน ในพื้นที่ ต.เพี้ยราม และ ต.เมืองลีง จ.สุรินทร์
พ.ต.ท.เทิดชัย สายแสงจันทร์ พนักงานสอบสวน สภ.เพี้ยราม กล่าวว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 3 คน รับสารภาพว่า ยังมีตัวกลางที่รับชื้อรถไถนาไปขายอีกทอดหนึ่ง คือ นายสุนทรีย์ จุลเสริม บ้านโพนม่วง ต.ทุ่งกุลา อ.สุวรรณภูมิ และนายพรม อุปเสริฐ บ้านกู่พระโกนา ต.สระคู อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งขณะนี้ได้ควบคุมตัวทั้ง 2 คน มาสอบปากคำเพิ่มเติมเพื่อหารถไถนาที่ขโมยไปว่า นำไปขายต่อให้กับใคร เพราะคดีนี้แม้ไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่สร้างความทุกข์เดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านเป็นอย่างมาก ทำให้ขาดอุปกรณ์เครื่องจักรกลการเกษตรเท่ากับตัดแข้งตัดขาชาวนา ซึ่งจะขยายผลดำเนินคดีต่อผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดให้ถึงที่สุด