ไทยมีผู้ป่วยเอชไอวี 1.2 ล้านราย พบวัยรุ่นมีแนวโน้มติดเอดส์สูง กรมควบคุมโรค เดินหน้ารณรงค์เจาะเลือด หวังรู้ผลเร็วป้องกันและรักษาได้ พร้อมจัดกิจกรรม CSR ในสถานประกอบการนำร่อง 50 แห่ง ในกรุงเทพฯ และนนทบุรี
วันนี้ (27 ก.พ.) ที่กรมควบคุมโรค นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดประชุมเชิงปฏิบัติการเตรียมความพร้อมการป้องกันและบริหารจัดการด้านเอดส์ในสถานประกอบกิจการ ว่า สถานการณ์ผู้ติดเชื้อเอชไอวีในประเทศไทย คาดว่าปัจจุบันมียอดสะสมรวมกว่า 1.2 ล้านราย และประมาณร้อยละ 85 ของผู้ป่วยโรคเอดส์ มีอายุระหว่าง 15-45 ปี ซึ่งเป็นวัยแรงงาน และเป็นทรัพยากรหลักในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ส่วนปัจจัยเสี่ยงของการติดเชื้อเอชไอวีเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ถึงร้อยละ 85 และในปัจจุบันก็พบว่าผู้ติดเชื้อเอชไอวีมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในกลุ่มอายุ 15-24 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มวัยรุ่น โดยเฉพาะในกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย ที่มีอัตราการติดเชื้อร้อยละ 8.83 ในด้านการดูแลรักษา รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการจัดสรรทรัพยากรเพื่อให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวีได้รับการดูแลรักษาด้วยยาต้านไวรัสฯ อย่างครอบคลุม และจัดโครงสร้างการบริหารยุทธศาสตร์ที่มีหน่วยงานภาครัฐ ภาคประชาสังคม และภาคเอกชน เข้ามาร่วมกันสนับสนุนการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวีต่อปีลดลงจากเดิมปีละประมาณ 30,000 ราย เป็นต่ำกว่าปีละ 10,000 รายแล้ว
นพ.พรเทพ กล่าวอีกว่า คร.จึงร่วมจัดทำกิจกรรม CSR หรือความรับผิดชอบทางสังคมในสถานประกอบการภาคธุรกิจ ร่วมกับมูลนิธิศาสตราจารย์นายแพทย์สมบูรณ์ วัชโรทัย กระทรวงแรงงาน สมาคมแนวร่วมภาคธุรกิจไทยต้านภัยเอดส์ และได้รับการสนับสนุนจากกองทุนโลก ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นให้สถานประกอบกิจการมีความพร้อมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์อย่างมีประสิทธิภาพ รณรงค์ให้มีการเจาะเลือดตรวจ ซึ่งจะสามารถรู้ผลเบื้องต้นใน 1 ชั่วโมง เพราะหากแรงงานได้ทราบสถานะการติดเชื้อของตนเองในรายที่ไม่ติดเชื้อจะได้ป้องกันตนเองไม่ให้ติดเชื้อ ส่วนในรายที่ติดเชื้อจะได้รับการดูแลรักษาแต่เนินๆ และเป็นการป้องกันไม่ให้ส่งต่อเชื้อไปยังคนอื่น ซึ่งเป็นการลดการแพร่กระจายของเชื้อตั้งแต่แรกเริ่ม ดังสโลแกน “เอดส์ รู้ก่อน รู้ทัน ป้องกันและรักษาได้” นอกจากนี้ ยังส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ใช้แรงงาน และเป็นประโยชน์ต่อการก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน AEC รวมถึงสังคมประเทศชาติส่วนรวม ซึ่งเป็นการให้ข้อมูลความรู้ที่ทันสมัยในเรื่องเอดส์ เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจที่ชัดเจน โดยนำร่องในสถานประกอบกิจการภายในกรุงเทพมหานครและจังหวัดนนทบุรี ประมาณ 50 แห่ง
“สำหรับประชาชน ขอให้ทุกคนหันมาป้องกันตนเอง และรับผิดชอบเมื่อมีเพศสัมพันธ์ด้วยการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งกับทุกกลุ่ม ถ้าต้องการคำปรึกษาเรื่องสุขภาพทางเพศ สามารถเข้ารับบริการได้ที่สถานพยาบาลและเครือข่ายบริการที่เป็นมิตรใกล้บ้าน ซึ่งการติดเชื้อเอชไอวี(เอดส์) ทำให้ภูมิคุ้มกันบกพร่อง จึงควรเข้ารับการตรวจหาเชื้อเอชไอวี ซึ่งปัจจุบันคนไทยทุกคนสามารถเจาะเลือดตรวจหาเชื้อเอชไอวีได้ฟรีปีละ 2 ครั้ง หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถโทรสายด่วนปรึกษาเอดส์แห่งชาติ 1663, 02-253-0996 เว็บไซต์ www.adamslove.org หรือศูนย์บริการข้อมูลฮ็อตไลน์ กระทรวงสาธารณสุข โทรศัพท์ 1422” อธิบดี คร.กล่าว
วันนี้ (27 ก.พ.) ที่กรมควบคุมโรค นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดประชุมเชิงปฏิบัติการเตรียมความพร้อมการป้องกันและบริหารจัดการด้านเอดส์ในสถานประกอบกิจการ ว่า สถานการณ์ผู้ติดเชื้อเอชไอวีในประเทศไทย คาดว่าปัจจุบันมียอดสะสมรวมกว่า 1.2 ล้านราย และประมาณร้อยละ 85 ของผู้ป่วยโรคเอดส์ มีอายุระหว่าง 15-45 ปี ซึ่งเป็นวัยแรงงาน และเป็นทรัพยากรหลักในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ส่วนปัจจัยเสี่ยงของการติดเชื้อเอชไอวีเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ถึงร้อยละ 85 และในปัจจุบันก็พบว่าผู้ติดเชื้อเอชไอวีมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในกลุ่มอายุ 15-24 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มวัยรุ่น โดยเฉพาะในกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย ที่มีอัตราการติดเชื้อร้อยละ 8.83 ในด้านการดูแลรักษา รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการจัดสรรทรัพยากรเพื่อให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวีได้รับการดูแลรักษาด้วยยาต้านไวรัสฯ อย่างครอบคลุม และจัดโครงสร้างการบริหารยุทธศาสตร์ที่มีหน่วยงานภาครัฐ ภาคประชาสังคม และภาคเอกชน เข้ามาร่วมกันสนับสนุนการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวีต่อปีลดลงจากเดิมปีละประมาณ 30,000 ราย เป็นต่ำกว่าปีละ 10,000 รายแล้ว
นพ.พรเทพ กล่าวอีกว่า คร.จึงร่วมจัดทำกิจกรรม CSR หรือความรับผิดชอบทางสังคมในสถานประกอบการภาคธุรกิจ ร่วมกับมูลนิธิศาสตราจารย์นายแพทย์สมบูรณ์ วัชโรทัย กระทรวงแรงงาน สมาคมแนวร่วมภาคธุรกิจไทยต้านภัยเอดส์ และได้รับการสนับสนุนจากกองทุนโลก ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นให้สถานประกอบกิจการมีความพร้อมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์อย่างมีประสิทธิภาพ รณรงค์ให้มีการเจาะเลือดตรวจ ซึ่งจะสามารถรู้ผลเบื้องต้นใน 1 ชั่วโมง เพราะหากแรงงานได้ทราบสถานะการติดเชื้อของตนเองในรายที่ไม่ติดเชื้อจะได้ป้องกันตนเองไม่ให้ติดเชื้อ ส่วนในรายที่ติดเชื้อจะได้รับการดูแลรักษาแต่เนินๆ และเป็นการป้องกันไม่ให้ส่งต่อเชื้อไปยังคนอื่น ซึ่งเป็นการลดการแพร่กระจายของเชื้อตั้งแต่แรกเริ่ม ดังสโลแกน “เอดส์ รู้ก่อน รู้ทัน ป้องกันและรักษาได้” นอกจากนี้ ยังส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ใช้แรงงาน และเป็นประโยชน์ต่อการก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน AEC รวมถึงสังคมประเทศชาติส่วนรวม ซึ่งเป็นการให้ข้อมูลความรู้ที่ทันสมัยในเรื่องเอดส์ เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจที่ชัดเจน โดยนำร่องในสถานประกอบกิจการภายในกรุงเทพมหานครและจังหวัดนนทบุรี ประมาณ 50 แห่ง
“สำหรับประชาชน ขอให้ทุกคนหันมาป้องกันตนเอง และรับผิดชอบเมื่อมีเพศสัมพันธ์ด้วยการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งกับทุกกลุ่ม ถ้าต้องการคำปรึกษาเรื่องสุขภาพทางเพศ สามารถเข้ารับบริการได้ที่สถานพยาบาลและเครือข่ายบริการที่เป็นมิตรใกล้บ้าน ซึ่งการติดเชื้อเอชไอวี(เอดส์) ทำให้ภูมิคุ้มกันบกพร่อง จึงควรเข้ารับการตรวจหาเชื้อเอชไอวี ซึ่งปัจจุบันคนไทยทุกคนสามารถเจาะเลือดตรวจหาเชื้อเอชไอวีได้ฟรีปีละ 2 ครั้ง หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถโทรสายด่วนปรึกษาเอดส์แห่งชาติ 1663, 02-253-0996 เว็บไซต์ www.adamslove.org หรือศูนย์บริการข้อมูลฮ็อตไลน์ กระทรวงสาธารณสุข โทรศัพท์ 1422” อธิบดี คร.กล่าว