กรมควบคุมโรค เซ็น MOU ร่วม “สบรส.-สรพ.-TUC” ขับเคลื่อนการทำงานพัฒนาคุณภาพการให้บริการ ป้องกัน และดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
วันนี้ (30 ม.ค.) ที่โรงแรมเอเชีย แอร์พอร์ต จ.ปทุมธานี นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) พร้อม นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร ผู้อำนวยการสำนักบริหารการสาธารณสุข (สบรส.) นพ.อนุวัฒน์ ศุภชุติกุล ผู้อำนวยการสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) หรือ สรพ.และ นพ.มิชเชลล์ โวฟท์ ผู้อำนวยการศูนย์ความร่วมมือไทย-สหรัฐฯ ด้านสาธารณสุข (TUC) ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนการทำงานพัฒนาคุณภาพของการให้บริการ การป้องกัน การดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ประเทศไทยเริ่มดำเนินโครงการพัฒนาคุณภาพบริการการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ในผู้ใหญ่และเด็ก มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2552 มีการขยายงานครอบคลุมทั้งประเทศ มีโรงพยาบาลเข้าร่วมส่งผลงานวัดคุณภาพงานบริการอย่างต่อเนื่อง โดยในปี พ.ศ.2555 มีโรงพยาบาลทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการแล้ว 751 แห่ง ซึ่งได้รับความร่วมมือจาก สรพ. และ TUC โดยอาศัยการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ที่ดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้แนวคิด “การดูแลคนไข้ HIV เป็นองค์รวม” ผสมผสานให้มีความครอบคลุมตามขั้นตอนในเชิงระบาดวิทยาที่มีกระบวนการของการค้นหาผู้ติดเชื้อ เพื่อการเฝ้าระวัง ป้องกัน เมื่อพบก็วางแผนและดูแลรักษา โดยกำหนดกิจกรรมส่งเสริมและฟื้นฟูสภาพผู้ป่วยและครอบครัวในการให้บริการ และเพื่อให้การเกิดความร่วมมือ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ในการพัฒนาการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
นพ.สมศักดิ์ กล่าวอีกว่า การดำเนินงานดังกล่าวถือเป็นประเด็นสำคัญ สธ.โดย คร.และสำนักบริหารการสาธารณสุข จึงร่วมกับ สรพ.และ TUC จัดทำบันทึกความร่วมมือการขับเคลื่อนการทำงานพัฒนาคุณภาพบริการการดูแลรักษาการติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เพื่อส่งเสริม สนับสนุน และขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพของระบบบริการสุขภาพ ซึ่งจะส่งผลต่อการรับบริการของผู้ป่วยและครอบครัวไปในทางที่ดีขึ้น
“อยากขอเชิญชวนให้ทุกคนหันมาป้องกันตนเองเมื่อมีเพศสัมพันธ์ โดยใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งกับทุกกลุ่ม ถ้าต้องการคำปรึกษาเรื่องสุขภาพทางเพศ ขอให้วางใจให้สถานพยาบาลและเครือข่ายบริการที่เป็นมิตรของเราได้ดูแลทุกคนอย่างมีคุณภาพ ที่สำคัญในปัจจุบันประเทศไทยมีกองทุนสำหรับให้คนไทยทุกคนสามารถเจาะเลือดตรวจการติดเชื้อเอชไอวีได้ฟรีปีละ 2 ครั้ง เพื่อให้ผู้ติดเชื้อฯ เข้าสู่การรักษาด้วยยาต้านไวรัสฯ ที่เร็วขึ้น” รองอธิบดี คร.กล่าว
วันนี้ (30 ม.ค.) ที่โรงแรมเอเชีย แอร์พอร์ต จ.ปทุมธานี นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) พร้อม นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร ผู้อำนวยการสำนักบริหารการสาธารณสุข (สบรส.) นพ.อนุวัฒน์ ศุภชุติกุล ผู้อำนวยการสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) หรือ สรพ.และ นพ.มิชเชลล์ โวฟท์ ผู้อำนวยการศูนย์ความร่วมมือไทย-สหรัฐฯ ด้านสาธารณสุข (TUC) ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนการทำงานพัฒนาคุณภาพของการให้บริการ การป้องกัน การดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ประเทศไทยเริ่มดำเนินโครงการพัฒนาคุณภาพบริการการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ในผู้ใหญ่และเด็ก มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2552 มีการขยายงานครอบคลุมทั้งประเทศ มีโรงพยาบาลเข้าร่วมส่งผลงานวัดคุณภาพงานบริการอย่างต่อเนื่อง โดยในปี พ.ศ.2555 มีโรงพยาบาลทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการแล้ว 751 แห่ง ซึ่งได้รับความร่วมมือจาก สรพ. และ TUC โดยอาศัยการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ที่ดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้แนวคิด “การดูแลคนไข้ HIV เป็นองค์รวม” ผสมผสานให้มีความครอบคลุมตามขั้นตอนในเชิงระบาดวิทยาที่มีกระบวนการของการค้นหาผู้ติดเชื้อ เพื่อการเฝ้าระวัง ป้องกัน เมื่อพบก็วางแผนและดูแลรักษา โดยกำหนดกิจกรรมส่งเสริมและฟื้นฟูสภาพผู้ป่วยและครอบครัวในการให้บริการ และเพื่อให้การเกิดความร่วมมือ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ในการพัฒนาการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
นพ.สมศักดิ์ กล่าวอีกว่า การดำเนินงานดังกล่าวถือเป็นประเด็นสำคัญ สธ.โดย คร.และสำนักบริหารการสาธารณสุข จึงร่วมกับ สรพ.และ TUC จัดทำบันทึกความร่วมมือการขับเคลื่อนการทำงานพัฒนาคุณภาพบริการการดูแลรักษาการติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เพื่อส่งเสริม สนับสนุน และขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพของระบบบริการสุขภาพ ซึ่งจะส่งผลต่อการรับบริการของผู้ป่วยและครอบครัวไปในทางที่ดีขึ้น
“อยากขอเชิญชวนให้ทุกคนหันมาป้องกันตนเองเมื่อมีเพศสัมพันธ์ โดยใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งกับทุกกลุ่ม ถ้าต้องการคำปรึกษาเรื่องสุขภาพทางเพศ ขอให้วางใจให้สถานพยาบาลและเครือข่ายบริการที่เป็นมิตรของเราได้ดูแลทุกคนอย่างมีคุณภาพ ที่สำคัญในปัจจุบันประเทศไทยมีกองทุนสำหรับให้คนไทยทุกคนสามารถเจาะเลือดตรวจการติดเชื้อเอชไอวีได้ฟรีปีละ 2 ครั้ง เพื่อให้ผู้ติดเชื้อฯ เข้าสู่การรักษาด้วยยาต้านไวรัสฯ ที่เร็วขึ้น” รองอธิบดี คร.กล่าว
