“พงศ์เทพ” ฝาก คณะศึกษาศาสตร์/ครุศาสตร์ ร่วมถกข้อดี-เสียโครงการครูมืออาชีพ ก่อนตัดสินใจจำเป็นต้องคงไว้หรือยุบทิ้ง ชี้เพื่อนำมาวางแผนผลิตครูภาพรวมได้ ขณะที่ สกอ.เผยข้อมูล มหา’ลัย 77 แห่งเปิดสอนหลักสูตรศึกษาฯ/ครุฯ มี นศ.รวมกว่า 2 แสนคน ซึ่งสัดส่วนรับ นศ.ปี 51-55 พบ ราชภัฏ รับมากสุดกว่า 1.5 แสนคน ขณะที่ยอดรับ นศ.ใหม่ปีอยู่ที่กว่า 3-6 หมื่นคน โดยสาขาพลศึกษา/สุขศึกษา และมวยไทย มีจำนวนรับมากสุด รองลงมา ปฐมวัย อังกฤษ สังคม
รศ.นพ.กำจร ตติยกวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (รองเลขาธิการ กกอ.) เปิดเผยว่า จากที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.)ได้รวบรวมข้อมูลสถาบันการศึกษาที่มีการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรการศึกษาบัณฑิต/ครุศาสตร์บัณฑิต/ศึกษาศาสตร์บัณฑิต/ครุศาสตร์อุตสาหกรรมบัณฑิต ทุกสาขาวิชาในภาพรวมช่วงปี 2551-2555 พบว่ามีสถาบันที่จัดการเรียนการสอนหลักสูตรดังกล่าว 77 แห่ง มีนักศึกษาจำนวน 240,557 คน โดยสัดส่วนและจำนวนการรับนิสิตนักศึกษาของสถาบันการศึกษาปี 2551-2555 กลุ่มมหาวิทยาลัยราชภัฏ 40 แห่งรับนักศึกษามากที่สุด 150,092 คน คิดเป็น 62.4% รองลงมา มหาวิทยาลัยของรัฐเดิม 18 แห่ง 36,221 คน คิดเป็น 15.1% สถาบันนอกสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ 4 แห่ง จำนวน 23,458 คน คิดเป็น 9.8% มหาวิทยาลัยไม่จำกัดรับ 1 แห่ง จำนวน 21,607 คน คิดเป็น 9% มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล 12 แห่ง จำนวน 8,975 คน คิดเป็น 3.7% และสถาบันอุดมศึกษาเอกชน จำนวน 204 คน คิดเป็น 0.1% ขณะที่มีการรับนักศึกษาเข้าใหม่ปีละ 36,000- 66,000 คน
อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบจำนวนนิสิตนักศึกษาเข้าใหม่ในแต่ละปีพบว่าปีการศึกษา 2552-2554 การรับนิสิตนักศึกษาเพิ่มประมาณปีละ 26-42% แต่ปีการศึกษา 2555 จำนวนการรับนิสิตนักศึกษาลดลง 13% และหากนำจำนวนรับนิสิตนักศึกษาในปีการศึกษา 2551 เปรียบเทียบกับการรับนิสิตนักศึกษาปีการศึกษา 2555 พบว่าเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว หรือประมาณ 114.3% สำหรับกลุ่มสาขาวิชาที่มีการรับนิสิตนักศึกษามากที่สุด 10 สาขาวิชา ดังนี้ กลุ่มสาขาวิชาพลศึกษา และสุขศึกษา และมวยไทยศึกษา สาขาการศึกษาปฐมวัย สาขาภาษาอังกฤษ สาขาสังคมศึกษา สาขาคณิตศาสตร์ สาขาภาษาไทย สาขาวิทยาศาสตร์ สาขาคอมพิวเตอร์ศึกษา สาขาการประถมศึกษา และสาขาศิลปศึกษาและทัศนศิลป์ศึกษา
ด้าน นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ที่ผ่านมาฝ่ายผู้บริหาร ศธ.และฝ่ายรัฐบาลได้หารือกันว่าจะทำอย่างไรให้การผลิตกำลังคนโดยเฉพาะสายผู้สอนให้สอดคล้องกับความต้องการ และจากข้อมูลพบว่าครูบางสาขาเกิน บางสาขาขาด ดังนั้นคณะครุศาสตร์ศึกษาศาสตร์ซึ่งทำงานพื้นที่จะต้องช่วยกันดูว่าการผลิตครูภาพรวมควรจะอย่างไรและให้เหมาะสมกับความต้องการจริงๆ รวมถึงต้องดูโครงการครูมืออาชีพด้วยว่าที่ผ่านมาโครงการบรรลุวัตถุประสงค์หรือมีประโยชน์ตามที่ตั้งไว้หรือไม่ มีเงื่อนไขหรือปัญหาอะไรที่ต้องแก้ไขบ้าง หรือจำเป็นจะต้องยุบโครงการนี้หรือไม่อย่างไร และเมื่อได้ข้อมูลที่ชัดเจนต้องเสนอให้ตนรับทราบเพื่อจะได้พิจารณาว่าจะกำหนดการผลิตครูของประเทศว่าควรจะไปในทิศทางใดต่อไป
รศ.นพ.กำจร ตติยกวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (รองเลขาธิการ กกอ.) เปิดเผยว่า จากที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.)ได้รวบรวมข้อมูลสถาบันการศึกษาที่มีการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรการศึกษาบัณฑิต/ครุศาสตร์บัณฑิต/ศึกษาศาสตร์บัณฑิต/ครุศาสตร์อุตสาหกรรมบัณฑิต ทุกสาขาวิชาในภาพรวมช่วงปี 2551-2555 พบว่ามีสถาบันที่จัดการเรียนการสอนหลักสูตรดังกล่าว 77 แห่ง มีนักศึกษาจำนวน 240,557 คน โดยสัดส่วนและจำนวนการรับนิสิตนักศึกษาของสถาบันการศึกษาปี 2551-2555 กลุ่มมหาวิทยาลัยราชภัฏ 40 แห่งรับนักศึกษามากที่สุด 150,092 คน คิดเป็น 62.4% รองลงมา มหาวิทยาลัยของรัฐเดิม 18 แห่ง 36,221 คน คิดเป็น 15.1% สถาบันนอกสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ 4 แห่ง จำนวน 23,458 คน คิดเป็น 9.8% มหาวิทยาลัยไม่จำกัดรับ 1 แห่ง จำนวน 21,607 คน คิดเป็น 9% มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล 12 แห่ง จำนวน 8,975 คน คิดเป็น 3.7% และสถาบันอุดมศึกษาเอกชน จำนวน 204 คน คิดเป็น 0.1% ขณะที่มีการรับนักศึกษาเข้าใหม่ปีละ 36,000- 66,000 คน
อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบจำนวนนิสิตนักศึกษาเข้าใหม่ในแต่ละปีพบว่าปีการศึกษา 2552-2554 การรับนิสิตนักศึกษาเพิ่มประมาณปีละ 26-42% แต่ปีการศึกษา 2555 จำนวนการรับนิสิตนักศึกษาลดลง 13% และหากนำจำนวนรับนิสิตนักศึกษาในปีการศึกษา 2551 เปรียบเทียบกับการรับนิสิตนักศึกษาปีการศึกษา 2555 พบว่าเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว หรือประมาณ 114.3% สำหรับกลุ่มสาขาวิชาที่มีการรับนิสิตนักศึกษามากที่สุด 10 สาขาวิชา ดังนี้ กลุ่มสาขาวิชาพลศึกษา และสุขศึกษา และมวยไทยศึกษา สาขาการศึกษาปฐมวัย สาขาภาษาอังกฤษ สาขาสังคมศึกษา สาขาคณิตศาสตร์ สาขาภาษาไทย สาขาวิทยาศาสตร์ สาขาคอมพิวเตอร์ศึกษา สาขาการประถมศึกษา และสาขาศิลปศึกษาและทัศนศิลป์ศึกษา
ด้าน นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ที่ผ่านมาฝ่ายผู้บริหาร ศธ.และฝ่ายรัฐบาลได้หารือกันว่าจะทำอย่างไรให้การผลิตกำลังคนโดยเฉพาะสายผู้สอนให้สอดคล้องกับความต้องการ และจากข้อมูลพบว่าครูบางสาขาเกิน บางสาขาขาด ดังนั้นคณะครุศาสตร์ศึกษาศาสตร์ซึ่งทำงานพื้นที่จะต้องช่วยกันดูว่าการผลิตครูภาพรวมควรจะอย่างไรและให้เหมาะสมกับความต้องการจริงๆ รวมถึงต้องดูโครงการครูมืออาชีพด้วยว่าที่ผ่านมาโครงการบรรลุวัตถุประสงค์หรือมีประโยชน์ตามที่ตั้งไว้หรือไม่ มีเงื่อนไขหรือปัญหาอะไรที่ต้องแก้ไขบ้าง หรือจำเป็นจะต้องยุบโครงการนี้หรือไม่อย่างไร และเมื่อได้ข้อมูลที่ชัดเจนต้องเสนอให้ตนรับทราบเพื่อจะได้พิจารณาว่าจะกำหนดการผลิตครูของประเทศว่าควรจะไปในทิศทางใดต่อไป
