สธ.เผยความคืบหน้าการบรรจุลูกจ้างชั่วคราวสายสนับสนุนกว่า 100,000 คน เป็นพนักงานกระทรวงสาธารณสุข มีความมั่นคงในอาชีพ มีสิทธิสวัสดิการใกล้เคียงกับข้าราชการ คาดจะประกาศใช้ในเร็วๆ นี้
วันนี้ (9 ก.พ.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.สุวัช เซียศิริวัฒนา ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พร้อมมอบนโยบายการดำเนินงานแก่แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และสมาชิกสมาพันธ์สมาคมลูกจ้างของรัฐแห่งประเทศไทย ในพื้นที่ภาคใต้ จำนวน 400 คน เพื่อชี้แจงมาตรการบริหารจัดการกำลังคนของกระทรวงสาธารณสุข ที่มีความเสถียรภาพ
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ปี 2556 เป็นต้นไป สธ.ได้วางยุทธศาสตร์กำลังคน ด้านสุขภาพให้สอดคล้องกับแนวทางการทบทวนโครงสร้างการจัดระบบบริการสุขภาพ และแผนพัฒนา ตามระบบเครือข่ายบริการสุขภาพ (Service plan) ซึ่งมี 12 เครือข่าย ครอบคลุม 76 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อให้ได้รับค่าตอบแทน สวัสดิการที่เหมาะสมและเป็นธรรม มีความมั่นคงในอาชีพ ตามยุทธศาสตร์นี้ นอกจากจะมีกำลังคนที่เป็นข้าราชการแล้ว ยังมีการจ้างงานรูปแบบใหม่ ตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2555 เรียกว่า พนักงานกระทรวงสาธารณสุข เพื่อรองรับลูกจ้างชั่วคราวสายวิชาชีพที่ไม่ได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการในปีนี้ และสายงานสนับสนุนอื่นๆ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงนามถือปฏิบัติได้ทันที ซึ่งระบบนี้จะช่วยบริหารกำลังคนด้านสุขภาพได้อย่างสมเหตุสมผล
ซึ่งปัจจุบันนี้ สธ.มีอัตรากำลังคนทั้งหมด 362,860 คน เป็นข้าราชการ 183,624 คน ที่เหลือ179,23 คน เป็นลูกจ้างชั่วคราวทั้งสายวิชาชีพและสายสนับสนุน พนักงานราชการ และลูกจ้างประจำ การวางมาตรการรองรับเพื่อให้เกิดขวัญกำลังใจและความมั่นคงในอาชีพ โดยพัฒนาระบบการจ้างงานแนวใหม่ที่เรียกว่าพนักงานกระทรวงสาธารณสุข ขณะนี้อยู่ระหว่างรอหนังสืออย่างเป็นทางการจากคณะกรรมการกฤษฎีกา หลังได้รับหนังสือตอบกลับอย่างเป็นทางการแล้ว จะออกระเบียบว่าด้วยพนักงานกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งลงนามโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และจดทะเบียนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพพนักงานกระทรวงสาธารณสุข กับกระทรวงการคลังต่อไป
ด้าน นพ.สุพรรณ กล่าวว่า ระเบียบว่าด้วยพนักงานกระทรวงสาธารณสุข แบ่งพนักงานออกเป็น 2 ประเภท คือ ประเภททั่วไป มี 3 กลุ่มงาน ได้แก่ 1.กลุ่มเทคนิคบริการ และบริหารทั่วไป 2.กลุ่มวิชาชีพเฉพาะ 3.กลุ่มเชี่ยวชาญ และประเภทพิเศษ ได้แก่ กลุ่มที่ต้องใช้ความสามารถสูง และเป็นความจำเป็นของหน่วยงาน จะได้รับค่าจ้างสูงกว่าข้าราชการ 1.2 เท่า พิจารณาเลื่อนค่าจ้างปีละ 1 ครั้ง ในวงเงินร้อยละ 6 ต่อปีเท่าข้าราชการ มีสิทธิการศึกษา ฝึกอบรม ดูงาน ที่สำคัญ มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพสำหรับพนักงาน พร้อมทั้ง จัดเต็มสิทธิสวัสดิการต่างๆ ทั้งค่ารักษาพยาบาลตัวเอง และทายาทสายตรง สิทธิการกู้ยืมเงินจากธนาคารออมสิน สินเชื่อที่อยู่อาศัยจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ และสินเชื่อบัตรเครดิตธนาคารกรุงไทย