กทม.ลุยตรวจโรงฆ่าสัตว์ปีก พร้อมให้คำแนะนำแก่ผู้ประกอบการฆ่าสัตว์ เฝ้าระวังโรคไข้หวัดนกและสุขลักษณะของสถานประกอบการ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค ต้อนรับเทศกาลตรุษจีน
วันนี้ (5 ก.พ.) นายแพทย์ พีระพงษ์ สายเชื้อ รองปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) และคณะลงพื้นที่ตรวจโรงฆ่าสัตว์ปีกเลขที่ 60 หมู่ 5 ถ.ผดุงพันธ์ เขตหนองจอก เพื่อมอบนโยบายและให้คำแนะนำด้านสุขลักษณะที่ถูกต้องแก่ผู้ประกอบการ
รองปลัด กทม.กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลตรุษจีนซึ่งมีประชาชนซื้อเป็ด ไก่ ประกอบพิธีไหว้เจ้าและบริโภค และมีการเคลื่อนย้ายสัตว์ปีกเข้ามาใน กทม.จำนวนมาก จึงได้กำหนดมาตรการควบคุมอย่างเข้มงวด โดยได้กำชับให้เจ้าหน้าที่สำนักอนามัย และสำนักงานเขตลงพื้นที่ตรวจเฝ้าระวังโรค และสุขลักษณะของสถานประกอบการทั้งสถานที่เลี้ยงสัตว์ สถานประกอบการฆ่าสัตว์ และสถานที่จำหน่ายเนื้อสัตว์ เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้บริโภคอาหารที่สะอาดปลอดภัย ซึ่งแม้ประเทศไทยจะไม่มีการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนก แต่สถานการณ์ไม่อาจนิ่งนอนใจได้ เนื่องจากยังมีบางประเทศที่ยังประสบปัญหาโรคนี้อยู่จึงต้องมีการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง และสำหรับลงพื้นที่ในวันนี้ พบว่า โรงฆ่าสัตว์ปีกแห่งนี้ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน มีคุณภาพ และถูกสุขลักษณะ ทั้งในส่วนของขั้นตอนการประกอบการของพนักงาน ขั้นตอนการฆ่าและชำแหละ การขนส่ง การขนย้าย และการขายสัตว์ปีก
กทม.ได้มีการตรวจโรงฆ่าสัตว์ และมีสัตวแพทย์ลงพื้นที่ตรวจเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคต่างๆ ก่อนมีการฆ่าเป็นประจำอยู่แล้ว แต่สำหรับในช่วงเทศกาลตรุษจีนจะควบคุมเข้มงวดมากขึ้น ปัจจุบันกรุงเทพมหานครมีสถานที่ประกอบการฆ่าและชำแหละสัตว์ปีก จำนวน 39 แห่ง ซึ่งจากการส่งเจ้าหน้าที่ลงตรวจพบบางแห่ง มีข้อบกพร่องบางส่วนในขั้นตอนการประกอบการ ที่ไม่ถูกสุขลักษณะ เช่น การประกอบการที่พื้น พนักงานไม่สวมอุปกรณ์ป้องกัน ได้แก่ ผ้าปิดปาก ผ้ากันเปื้อน ถุงมือ แว่นตา เป็นต้น สำหรับสถานที่เลี้ยงสัตว์ปีกมีทั้งหมด 623 แห่ง โดยพื้นที่ที่มีการเลี้ยงสัตว์ปีกจำนวนมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ หนองจอก มีนบุรี และ บางบอน ส่วนใหญ่เป็นสัตว์ปีกประเภทไก่ ร้อยละ 91.78 ที่เหลือเป็นประเภท เป็ด และนก โดยผลการตรวจด้านสุขลักษณะพบว่าส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ดี ผ่านมาตรฐานกว่าร้อยละ 70
ทั้งนี้ กทม.ยังได้จัดสัปดาห์ “ตรุษจีน บริโภคเป็ด ไก่ ปลอดโรค ปลอดไข้หวัดนก” ระหว่างวันที่ 1-15 ก.พ.2556 โดยกำชับให้สำนักงานเขต รณรงค์ประชาสัมพันธ์สร้างความรู้และความเข้าใจแก่ประชาชนในการบริโภคสัตว์ปีกที่ถูกสุขลักษณะอนามัย เพื่อให้ปลอดภัยจากโรคไข้หวัดนก โดยควรบริโภคเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุก หลีกเลี่ยงการการสัมผัสสัตว์ปีกที่มีอาการป่วย หรือตาย ไม่นำสัตว์ปีกที่ป่วยตายไปให้สัตว์อื่นกิน หากต้องสัมผัสกับสัตว์ปีกให้สวมหน้ากากอนามัย สวมถุงมือ และล้างมือทุกครั้งหลังการสัมผัสสัตว์ปีก หากมีอาการเป็นไข้ ไอ โดยเฉพาะผู้มีอาชีพเลี้ยงสัตว์ ฆ่า ขนส่ง ขนย้าย และขายสัตว์ปีกหรือผู้เกี่ยวข้องกับสัตว์ปีกให้รีบพบแพทย์ทันที ซึ่งขณะนี้ กทม.ยังไม่พบการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนก อย่างไรก็ตามกทม.จะยังคงเฝ้าระวังโรคอย่างเข้มงวด ตรวจอย่างต่อเนื่อง โดยในวันที่ 6 ก.พ.2556 จะมีการตรวจสถานที่จำหน่ายเนื้อสัตว์ ณ ตลาดสามย่าน เขตปทุมวัน และสถานประกอบการฆ่าสัตว์ ณ ถนนมังกร เขตสัมพันธวงศ์
วันนี้ (5 ก.พ.) นายแพทย์ พีระพงษ์ สายเชื้อ รองปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) และคณะลงพื้นที่ตรวจโรงฆ่าสัตว์ปีกเลขที่ 60 หมู่ 5 ถ.ผดุงพันธ์ เขตหนองจอก เพื่อมอบนโยบายและให้คำแนะนำด้านสุขลักษณะที่ถูกต้องแก่ผู้ประกอบการ
รองปลัด กทม.กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลตรุษจีนซึ่งมีประชาชนซื้อเป็ด ไก่ ประกอบพิธีไหว้เจ้าและบริโภค และมีการเคลื่อนย้ายสัตว์ปีกเข้ามาใน กทม.จำนวนมาก จึงได้กำหนดมาตรการควบคุมอย่างเข้มงวด โดยได้กำชับให้เจ้าหน้าที่สำนักอนามัย และสำนักงานเขตลงพื้นที่ตรวจเฝ้าระวังโรค และสุขลักษณะของสถานประกอบการทั้งสถานที่เลี้ยงสัตว์ สถานประกอบการฆ่าสัตว์ และสถานที่จำหน่ายเนื้อสัตว์ เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้บริโภคอาหารที่สะอาดปลอดภัย ซึ่งแม้ประเทศไทยจะไม่มีการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนก แต่สถานการณ์ไม่อาจนิ่งนอนใจได้ เนื่องจากยังมีบางประเทศที่ยังประสบปัญหาโรคนี้อยู่จึงต้องมีการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง และสำหรับลงพื้นที่ในวันนี้ พบว่า โรงฆ่าสัตว์ปีกแห่งนี้ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน มีคุณภาพ และถูกสุขลักษณะ ทั้งในส่วนของขั้นตอนการประกอบการของพนักงาน ขั้นตอนการฆ่าและชำแหละ การขนส่ง การขนย้าย และการขายสัตว์ปีก
กทม.ได้มีการตรวจโรงฆ่าสัตว์ และมีสัตวแพทย์ลงพื้นที่ตรวจเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคต่างๆ ก่อนมีการฆ่าเป็นประจำอยู่แล้ว แต่สำหรับในช่วงเทศกาลตรุษจีนจะควบคุมเข้มงวดมากขึ้น ปัจจุบันกรุงเทพมหานครมีสถานที่ประกอบการฆ่าและชำแหละสัตว์ปีก จำนวน 39 แห่ง ซึ่งจากการส่งเจ้าหน้าที่ลงตรวจพบบางแห่ง มีข้อบกพร่องบางส่วนในขั้นตอนการประกอบการ ที่ไม่ถูกสุขลักษณะ เช่น การประกอบการที่พื้น พนักงานไม่สวมอุปกรณ์ป้องกัน ได้แก่ ผ้าปิดปาก ผ้ากันเปื้อน ถุงมือ แว่นตา เป็นต้น สำหรับสถานที่เลี้ยงสัตว์ปีกมีทั้งหมด 623 แห่ง โดยพื้นที่ที่มีการเลี้ยงสัตว์ปีกจำนวนมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ หนองจอก มีนบุรี และ บางบอน ส่วนใหญ่เป็นสัตว์ปีกประเภทไก่ ร้อยละ 91.78 ที่เหลือเป็นประเภท เป็ด และนก โดยผลการตรวจด้านสุขลักษณะพบว่าส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ดี ผ่านมาตรฐานกว่าร้อยละ 70
ทั้งนี้ กทม.ยังได้จัดสัปดาห์ “ตรุษจีน บริโภคเป็ด ไก่ ปลอดโรค ปลอดไข้หวัดนก” ระหว่างวันที่ 1-15 ก.พ.2556 โดยกำชับให้สำนักงานเขต รณรงค์ประชาสัมพันธ์สร้างความรู้และความเข้าใจแก่ประชาชนในการบริโภคสัตว์ปีกที่ถูกสุขลักษณะอนามัย เพื่อให้ปลอดภัยจากโรคไข้หวัดนก โดยควรบริโภคเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุก หลีกเลี่ยงการการสัมผัสสัตว์ปีกที่มีอาการป่วย หรือตาย ไม่นำสัตว์ปีกที่ป่วยตายไปให้สัตว์อื่นกิน หากต้องสัมผัสกับสัตว์ปีกให้สวมหน้ากากอนามัย สวมถุงมือ และล้างมือทุกครั้งหลังการสัมผัสสัตว์ปีก หากมีอาการเป็นไข้ ไอ โดยเฉพาะผู้มีอาชีพเลี้ยงสัตว์ ฆ่า ขนส่ง ขนย้าย และขายสัตว์ปีกหรือผู้เกี่ยวข้องกับสัตว์ปีกให้รีบพบแพทย์ทันที ซึ่งขณะนี้ กทม.ยังไม่พบการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนก อย่างไรก็ตามกทม.จะยังคงเฝ้าระวังโรคอย่างเข้มงวด ตรวจอย่างต่อเนื่อง โดยในวันที่ 6 ก.พ.2556 จะมีการตรวจสถานที่จำหน่ายเนื้อสัตว์ ณ ตลาดสามย่าน เขตปทุมวัน และสถานประกอบการฆ่าสัตว์ ณ ถนนมังกร เขตสัมพันธวงศ์