พันธมิตรฯร่วมสันติอโศก จัดอบรมหลักสูตรล้างพิษตับพระสงฆ์

พันธมิตรฯร่วมสันติอโศก จัดอบรมหลักสูตรล้างพิษตับสำหรับพระสงฆ์ เน้นเปลี่ยนพฤติกรรมการฉันอาหาร หันดื่มน้ำด่างทำดีท็อกซ์ลดพิษในร่างกาย หวังลดปัญหาสุขภาพพระสงฆ์หลังพบอาพาธทั้งโรคเบาหวาน ความดัน และไขมันในเลือดสูง

วันนี้ (4 ก.พ.) ที่มูลนิธิวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ ซอยวัดเทพลีลา 7 กรุงเทพฯ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดเผยถึงโครงการฟื้นฟูดูแลสุขภาพพระสงฆ์ ว่า ปัจจุบันพระสงฆ์จำนวนมากมีปัญหาสุขภาพและอาพาธด้วยโรคต่างๆ ทั้งโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ภาวะไขมันในเลือดสูง โรคอ้วน ฯลฯ เนื่องจากสถานภาพของพระสงฆ์ไม่เอื้อต่อการออกกำลังกาย และการดูแลสุขภาพ ที่สำคัญ พระสงฆ์ มีทางเลือกในการฉันน้อย ต้องฉันอาหารตามที่ญาติโยม หรือพุทธศาสนิกชนนำมาถวายหรือใส่บาตร โดยส่วนมากมักจะเลือกอาหารที่คิดว่าอร่อย มีเนื้อสัตว์ หรือมีไขมันเยอะ ซึ่งเป็นบ่อเกิดของโรคต่างๆ ตามมา ด้วยเหตุนี้ ตนและกลุ่มพันธมิตรฯ อาทิ คุณจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ คุณอ๊อด คีริบูน จึงปรึกษากันในการจัดทำหลักสูตรล้างพิษตับเฉพาะพระสงฆ์ขึ้น โดยร่วมกับชาวสันติอโศก ซึ่งเป็นผู้นำในการจัดหลักสูตรล้างพิษตับขึ้น เป็น “โครงการฟื้นฟูดูแลสุขภาพพระสงฆ์” โดยหวังให้พระสงฆ์มีสุขภาพที่ดี เมื่อกลับวัดแล้วสามารถดูแลสุขภาพของตนให้ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บได้

นายปานเทพ กล่าวอีกว่า สำหรับโครงการฟื้นฟูสุขภาพพระสงฆ์ในรุ่นแรกนั้น พระราชรัตนรังษี เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยาอินเดีย ได้เอื้อเฟื้อให้ใช้มูลนิธิวัดไทยกุสินาราฯ เป็นสถานที่ในการจัดอบรมพระสงฆ์ เนื่องจากเป็นสถานที่ที่พระธรรมทูตมาพักก่อนเดินทางไปยังต่างประเทศ ทำให้เป็นสถานที่ที่มีความพร้อมในการจัดอบรม โดยมีพระสงฆ์ร่วมหลักสูตรทั้งหมด 13 รูป เป็นพระสงฆ์จากวัดต่างๆ 8 รูป และสมณะจากสันติอโศกอีก 5 รูป จัดอบรมเป็นเวลา 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 2-4 ก.พ.2556 โดยเนื้อหาในการอบรมจะเน้นในเรื่องของการล้างพิษ เช่น การทานยาดอกบัว ชำระเมือกมัน แช่เท้าล้างพิษ พอกหน้าล้างพิษ การดีท็อกซ์สวนทวารล้างลำไส้ การดื่มน้ำมันมะกอกล้างสารพิษในตับ นอกจากนี้ ยังมีการจัดกระดูก การทำกายบริหาร และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านสุขภาพต่างๆ ทั้งการใช้ปัสสาวะบำบัด การโภชนาการบำบัด การวินิจฉัยพิษ การเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค เพื่อให้พระสงฆ์นำไปปฏิบัติในอนาคต เพื่อลดสารพิษในร่างกาย

“โรคบางอย่างเกิดจากพฤติกรรม ไม่สามารถรักษาด้วยยาได้ แต่ต้องรักษาด้วยการเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น การฉันอาหาร การดื่มน้ำด่างทำดีท็อกซ์เพื่อลดสารพิษต่างๆ ในร่างกาย อย่างไรก็ตาม พุทธศาสนิกชนต้องร่วมมือด้วยการเลือกถวายอาหารพระหรือใส่บาตรที่คำนึงถึงสุขภาพของพระสงฆ์เป็นสำคัญมากกว่าความอร่อยด้วย ทั้งนี้ หากต้องการจะปฏิรูปประเทศต้องมีการปฏิรูปสุขภาพก่อน โดยเฉพาะสุขภาพพระสงฆ์ เพราะหากพระสงฆ์เข้าใจในการดูแลสุขภาพก็สามารถเป็นศูนย์กลางในการแนะนำประชาชนในการดูแลสุขภาพของตนเองได้” นายปานเทพ กล่าว