ศิริราชพ้อ! นโยบายเพิ่มค่าแรง 300 บาทของรัฐบาลปูแดง ทำสถานะการเงินย่ำแย่ ชี้ ให้งบปรับเงินเดือนครอบคลุมแค่กลุ่ม ขรก.-พนักงานมหาวิทยาลัย ทำให้ต้องจ่ายเงินเดือนที่เพิ่มขึ้นของพนักงานที่จ้างเองถึง 800 ล้านบาท แถมนโยบายลดค่าใช้จ่ายด้านยา ทำให้ขาดรายได้อีกว่า 1,000 ล้านบาท เล็งปรับอัตราค่าบริการเพิ่มขึ้นภายในปี 56 แก้ปัญหา
ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า นโยบายการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน และเงินเดือนเริ่มต้นระดับปริญญาตรีที่ 15,000 บาท ของรัฐบาล ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 1 ม.ค.2556 นั้น ส่งผลกระทบต่อ รพ.ศิริราช เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะด้านการเงินของโรงพยาบาล เนื่องจากงบประมาณที่รัฐบาลให้มาเพื่อใช้ในการปรับฐานเงินเดือนนั้น ครอบคลุมเพียงแค่บุคลากรกลุ่มข้าราชการและพนักงานมหาวิทยาลัยเท่านั้น ไม่รวมกลุ่มพนักงานที่ รพ.ศิริราช จ้างเอง ซึ่งมีอยู่ประมาณ 4-5 พันคน ดังนั้น เมื่อมีการปรับเงินเดือนพื้นฐานให้แก่กลุ่มข้าราชการและพนักงานมหาวิทยาลัย พนักงานที่ศิริราชจ้างเอง ก็ต้องมีการปรับฐานเงินเดือนด้วยเช่นกันเพื่อความเท่าเทียม ซึ่งแต่ละปีจะต้องใช้งบประมาณเพิ่ม 700-800 ล้านบาท โดยที่ รพ.ศิริราช ต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายตรงนี้เอง นอกจากนี้ นโยบายการลดค่าใช้จ่ายทางด้านยาที่ให้หันมาใช้ยาชื่อสามัญที่ผลิตเองภายในประเทศแทนการใช้ยาชื่อสามัญจากต่างประเทศนั้น ก็ส่งผลให้โรงพยาบาลขาดรายได้จากส่วนนี้ไป 900-1,000 ล้านบาท
“แม้จะต้องแบกรับค่าใช้จ่ายเพิ่มเป็นจำนวนมาก แต่ รพ.ศิริราช ก็จะดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล และขอยืนยันว่า รพ.ศิริราช ไม่มีนโยบายการเลย์ออฟคนออกอย่างแน่นอน แต่จะดูแลบุคลากรไปจนถึงหลังวัยเกษียณในทุกๆ ด้าน ซึ่งแต่ละปีต้องใช้งบประมาณ 2-3 ล้านบาท” ศ.คลินิก นพ.อุดม กล่าว
ศ.คลินิก นพ.อุดม กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม รพ.ศิริราชได้แก้ปัญหาดังกล่าวโดยการปรับอัตราค่าบริการ อาทิ ค่าเตียง ค่ารักษาพยาบาล เพิ่มขึ้น เนื่องจาก รพ.ศิริราช ไม่ได้มีการปรับอัตราค่าบริการตามภาวะเงินเฟ้อมานานหลายปีแล้ว แต่จะปรับเพิ่มกี่เปอร์เซ็นต์นั้น ขณะนี้กำลังทำการศึกษาการเพิ่มอัตราค่าบริการของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ซึ่งประกาศออกมาก่อนหน้านี้ โดยคาดว่าจะปรับอัตราค่าบริการเพิ่มขึ้นภายในปี 2556 นอกจากนี้ รพ.ศิริราช จะพยายามประหยัดค่าใช้จ่ายและลดต้นทุนต่างๆ เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายลง และหารายได้เพิ่มขึ้น เช่น เป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกับเอกชนในการทำวิจัยต่างๆ
ด้าน นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัด สธ.กล่าวว่า การปรับอัตราค่าบริการของโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขนั้น มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาเรื่องดังกล่าวอยู่นานแล้ว แต่ยังไม่มีการประกาศใดๆ ทั้งสิ้น เนื่องจากขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการทบทวนการปรับอัตราค่าบริการ อาทิ ค่าบริการผ่าตัดต่างๆ โดยอาศัยการพิจารณาจากราคาต้นทุน ส่วนจะปรับอัตราค่าบริการเป็นอย่างไรนั้นตนยังไม่ทราบ แต่เชื่อว่าคณะทำงานน่าจะสรุปผลได้ในเร็วๆ นี้
ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า นโยบายการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน และเงินเดือนเริ่มต้นระดับปริญญาตรีที่ 15,000 บาท ของรัฐบาล ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 1 ม.ค.2556 นั้น ส่งผลกระทบต่อ รพ.ศิริราช เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะด้านการเงินของโรงพยาบาล เนื่องจากงบประมาณที่รัฐบาลให้มาเพื่อใช้ในการปรับฐานเงินเดือนนั้น ครอบคลุมเพียงแค่บุคลากรกลุ่มข้าราชการและพนักงานมหาวิทยาลัยเท่านั้น ไม่รวมกลุ่มพนักงานที่ รพ.ศิริราช จ้างเอง ซึ่งมีอยู่ประมาณ 4-5 พันคน ดังนั้น เมื่อมีการปรับเงินเดือนพื้นฐานให้แก่กลุ่มข้าราชการและพนักงานมหาวิทยาลัย พนักงานที่ศิริราชจ้างเอง ก็ต้องมีการปรับฐานเงินเดือนด้วยเช่นกันเพื่อความเท่าเทียม ซึ่งแต่ละปีจะต้องใช้งบประมาณเพิ่ม 700-800 ล้านบาท โดยที่ รพ.ศิริราช ต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายตรงนี้เอง นอกจากนี้ นโยบายการลดค่าใช้จ่ายทางด้านยาที่ให้หันมาใช้ยาชื่อสามัญที่ผลิตเองภายในประเทศแทนการใช้ยาชื่อสามัญจากต่างประเทศนั้น ก็ส่งผลให้โรงพยาบาลขาดรายได้จากส่วนนี้ไป 900-1,000 ล้านบาท
“แม้จะต้องแบกรับค่าใช้จ่ายเพิ่มเป็นจำนวนมาก แต่ รพ.ศิริราช ก็จะดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล และขอยืนยันว่า รพ.ศิริราช ไม่มีนโยบายการเลย์ออฟคนออกอย่างแน่นอน แต่จะดูแลบุคลากรไปจนถึงหลังวัยเกษียณในทุกๆ ด้าน ซึ่งแต่ละปีต้องใช้งบประมาณ 2-3 ล้านบาท” ศ.คลินิก นพ.อุดม กล่าว
ศ.คลินิก นพ.อุดม กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม รพ.ศิริราชได้แก้ปัญหาดังกล่าวโดยการปรับอัตราค่าบริการ อาทิ ค่าเตียง ค่ารักษาพยาบาล เพิ่มขึ้น เนื่องจาก รพ.ศิริราช ไม่ได้มีการปรับอัตราค่าบริการตามภาวะเงินเฟ้อมานานหลายปีแล้ว แต่จะปรับเพิ่มกี่เปอร์เซ็นต์นั้น ขณะนี้กำลังทำการศึกษาการเพิ่มอัตราค่าบริการของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ซึ่งประกาศออกมาก่อนหน้านี้ โดยคาดว่าจะปรับอัตราค่าบริการเพิ่มขึ้นภายในปี 2556 นอกจากนี้ รพ.ศิริราช จะพยายามประหยัดค่าใช้จ่ายและลดต้นทุนต่างๆ เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายลง และหารายได้เพิ่มขึ้น เช่น เป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกับเอกชนในการทำวิจัยต่างๆ
ด้าน นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัด สธ.กล่าวว่า การปรับอัตราค่าบริการของโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขนั้น มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาเรื่องดังกล่าวอยู่นานแล้ว แต่ยังไม่มีการประกาศใดๆ ทั้งสิ้น เนื่องจากขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการทบทวนการปรับอัตราค่าบริการ อาทิ ค่าบริการผ่าตัดต่างๆ โดยอาศัยการพิจารณาจากราคาต้นทุน ส่วนจะปรับอัตราค่าบริการเป็นอย่างไรนั้นตนยังไม่ทราบ แต่เชื่อว่าคณะทำงานน่าจะสรุปผลได้ในเร็วๆ นี้