xs
xsm
sm
md
lg

ในหลวง เสด็จฯเปิดสถาบันการแพทย์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯเปิดสถาบันการแพทย์สยามินทราธิราช วันที่ 1 ก.พ.นี้ คณบดีแพทยศาสตร์ศิริราชฯ เผย เตรียมเดินหน้างานสำคัญ 5 โครงการ ทั้งการรักษาพยาบาลและการวิจัย พร้อมปรับระบบบริการใหม่ ลั่นสู้สิงคโปร์-มาเลเซีย หลังเปิดเออีซีได้
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า ในวันที่ 1 ก.พ.นี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อทรงเปิดพระราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ในอิริยาบถทรงอุ้มสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ และทรงเปิดสถาบันการแพทย์สยามินทราธิราช อย่างเป็นทางการ ซึ่งสถาบันดังกล่าวจะดำเนินงานสำคัญ 5 โครงการ คือ 1.โรงพยาบาลศิริราชปิยมหาการุณย์ 2.ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการวิจัย “อาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550” 3.งานบริการแพทย์แผนไทยประยุกต์ 4.สวนสมุนไพรเฉลิมพระเกียรติ และ 5.พิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถาน

ศ.คลินิก นพ.อุดม กล่าวอีกว่า สถาบันการแพทย์สยามินทราธิราช ตั้งอยู่บนพื้นที่ 33 ไร่ ของสถานีรถไฟธนบุรีเดิม แบ่งเป็นการสร้างอาคาร 2 หลังบนพื้นที่ 20 ไร่ คือ อาคารปิยมหาราชการุณย์ สูง 14 ชั้น และอาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา สูง 12 ชั้น ส่วนพื้นที่อีก 13 ไร่ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้ปรับให้เป็นพิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถานแทน ส่วนพื้นที่โดยรอบก็มีการปรับปรุงและขยายสวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษาเดิมที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และปากคลองบางกอกน้อย โดยการปลูกสมุนไพรนานาพันธุ์พร้อมทำทางเดินบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย

ศ.คลินิก นพ.อุดม กล่าวด้วยว่า ภายหลังการเปิดสถาบันการแพทย์สยามินทราธิราชแล้ว จะเป็นการยกระดับมาตรฐานการรักษาสู่ระดับนานาชาติ เพราะมีศูนย์ความเป็นเลิศหลายด้านตั้งอยู่บริเวณนี้ อาทิ ศูนย์โรคหัวใจ ศูนย์กระดูกและข้อ ศูนย์มะเร็ง และศูนย์ไตเทียม ซึ่งจะช่วยให้ไทยสามารถแข่งขันกับสิงคโปร์และมาเลเซียได้ เมื่อเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

เราไม่ได้ด้อยกว่าเขาเลย เพราะเราไม่ได้มีแค่บริการรักษาคนไข้เท่านั้น แต่เรายังมีการวิจัย เพราะว่าในการดูแลรักษาคนไข้จะต้องมีองค์ความรู้ และองค์ความรู้ใหม่ ไม่ใช่ตามก้นฝรั่ง เอาข้อมูลจากฝรั่งมาอย่างเดียว เราต้องการความรู้เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานในการดูแลคนไข้ของเราเอง และถือเป็นโอกาสที่เราจะมีการวิจัยต่างๆ ที่เทียบเคียงกับนานาชาติได้” ศ.คลินิก นพ.อุดม กล่าว

ศ.คลินิก นพ.อุดม กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา แม้ รพ.ศิริราช จะมีมาตรฐานการรักษาที่ดีกว่าเอกชน แต่ยังคงมีปัญหาเรื่องความรวดเร็วในการบริการ ซึ่งสถาบันการแพทย์สยามินทราธิราชจะมีการแก้ระบบตรงนี้ โดยการใส่ระบบเข้าไปใหม่ เน้นเรื่องบริการที่เป็นมิตรมากขึ้น ถ้าปรับตรงนี้ถือว่ามีมาตรฐานที่ใกล้เคียงกับนานาชาติ ส่วน รพ.ศิริราช เองนั้นก็จะพยายามปรับระบบบริการเช่นกัน แต่ต้องใช้เวลา เพราะมีเจ้าหน้าที่เป็นหมื่นคน สถาบันการแพทย์ฯจึงเป็นโครงการเริ่มต้น เนื่องจากเป็นพื้นที่ใหม่ เป็นคนใหม่ จะสามารถเห็นผลได้เร็วกว่า เราก็จะเรียนรู้จากตรงนี้มาพัฒนา รพ.ศิริราช อีกที

เราต้องการให้ศิริราชเป็นเลิศไปทั้งองค์กร ทั้งส่วนใหม่และส่วนเก่าต้องเป็นเลิศทั้งในแง่ของวิชาการ และการวิจัย การดูแลรักษา ต่อไประบบจะเป็นระบบเดียวกันทั้งหมด เพียงแต่ไปเริ่มตรงสถาบันการแพทย์ฯให้ประสบความสำเร็จก่อน เพื่อให้มีกำลังใจที่จะทำต่อไปข้างหน้า” ศ.คลินิก นพ.อุดมกล่าว

เมื่อถามถึงการย้ายผู้ป่วยจาก รพ.ศิริราช ไปยังตึกใหม่ ศ.คลินิก นพ.อุดม กล่าวว่า ผู้ป่วยจะย้ายไปเองด้วยความสมัครใจประมาณร้อยละ 10-20 ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีกำลังจ่าย เพราะตรงสถาบันการแพทย์ฯจะมีค่ารักษาพยาบาลที่แพงกว่า แต่มีการให้บริการดีขึ้น สะดวกสะบายขึ้น แต่ไม่ได้หมายความจะรับเฉพาะผู้ป่วยที่รวย แต่ไม่ดูแลคนจน แต่คนที่อยู่ตามสิทธิ์การรักษาพยาบาลต่างๆ ก็มี รพ.ศิริราชรองรับอยู่แล้ว เพียงแต่ปรับบริการต่างๆ เท่านั้นเอง ซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการเก็บค่าบริการที่แพงกว่าก็จะกลับมาจุนเจือ รพ.ศิริราช เพราะสถาบันการแพทย์ฯไม่ได้เป็นอิสระ แต่เป็นโรงพยาบาลในศิริราชพยาบาล มีคณบดีเป็นผู้ดูแล เพราะฉะนั้นรายได้ทั้งหมดและความรู้ที่ได้ก็จะกลับมาพัฒนาโรงพยาบาลศิริราชเป็นหลัก
กำลังโหลดความคิดเห็น