ศึกปรับค่าตอบแทนบุคลากรสาธารณสุข สพศท.เห็นควรลดค่าตอบแทน รพช.ขนาดเล็กที่ไม่ได้อยู่พื้นที่เสี่ยง ขณะที่ชมรมแพทย์ชนบทเสนอ สธ.ไม่ควรลดอัตราค่าตอบแทนเชิงพื้นที่ พร้อมขอปรับ รพ.บางบัวทอง เป็น รพช.ขนาดใหญ่ เหตุรองรับประชากรในพื้นที่สูงขึ้นเตรียมระดมความเห็นประชุมใหญ่ รพช.ทั่วประเทศ ด้าน สธ.หารือเรื่องนี้ 22 ม.ค.
นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวถึงกรณีกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เตรียมหารือแนวทางการปรับปรุงอัตราค่าตอบแทนของบุคลากรสาธารณสุข ในวันที่ 22 ม.ค.นี้ ว่า ตนเห็นด้วยหากจะมีการปรับอัตราค่าตอบแทนในกรอบที่เท่าเทียมกัน โดยเฉพาะในระดับพื้นที่ ซึ่งหากพื้นที่ใดอยู่ในพื้นที่ห่างไกลหรือเสี่ยงภัย เช่น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็ควรได้ในอัตราเดิม แต่พื้นที่ใดไม่อยู่ในกรอบดังกล่าว ก็ควรได้รับอัตราค่าตอบแทนตามความเป็นจริง สำหรับกรณีมีบางกลุ่มออกมาเสนอให้ปรับลดค่าตอบแทนลงในส่วนของโรงพยาบาลชุมชน (รพช.) บางแห่งซึ่งอยู่ในพื้นที่ชุมชน แต่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ทุรกันดารนั้น มองว่า โรงพยาบาลบางแห่งอาจไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ยกตัวอย่าง รพช.บางบัวทอง ซึ่งเป็น รพช.ขนาดเล็กเพียง 60 เตียง มีแพทย์ 7-8 คน แต่ต้องให้บริการประชากร 2-3 แสนคน ซึ่งเป็นภาระหนัก หากปรับลดอัตราค่าตอบแทนตามพื้นที่อาจไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง จึงเสนอ สธ.ให้ยกระดับ รพ.บางบัวทอง จาก รพช.ขนาดเล็ก เป็นรพช.ขนาดใหญ่ 150-200 เตียง เพื่อรองรับกับประชากรที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะก่อประโยชน์ในแง่การให้บริการมากกว่า
นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ สธ.จะมีการหารือในเรื่องค่าตอบแทนที่สอดคล้องกับภาระงาน หรือการจ่ายค่าตอบแทนตามผลปฏิบัติงาน (Pay for Performance : P4P) ด้วย กล่าวคือ ทำงานมากได้รับเงินมาก เรื่องนี้ชมรมแพทย์ชนบทเห็นด้วย แต่ขอให้แยกออกจากค่าตอบแทนเชิงพื้นที่ เนื่องจากเป็นคนละส่วน เพราะหากมีการปรับค่าตอบแทนเชิงพื้นที่จะทำให้แพทย์ที่ทำงานในพื้นที่ชนบทห่างไกล หรือ 3 จังหวัดชายแดนใต้ หมดกำลังใจ และไหลออกจนหมด
“เรื่องนี้อยากให้ผู้บริหาร สธ.ปรับแก้อย่างถี่ถ้วน หากปรับระเบียบค่าตอบแทนในเชิงพื้นที่ที่เน้นพื้นที่ห่างไกล พื้นที่เสี่ยงภัยจริงๆ ไม่มีใครคัดค้าน แต่ขออย่านำอัตราค่าตอบแทนเชิงพื้นที่ไปรวมกับประสิทธิภาพการทำงาน เพราะอย่างแพทย์พยาบาลใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พวกเขาควรได้รับค่าเสี่ยงภัยตรงนี้อยู่แล้ว ส่วนเรื่องภาระงานมากจะได้รับค่าตอบแทนสูงขึ้น ขอให้ไปอยู่ในเงินเดือนต่างหากดีกว่า” ปธ.ชมรมแพทย์ชนบท กล่าว
นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผู้อำนวยการ รพ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช และอดีตประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า ในวันที่ 24 ม.ค.นี้ จะมีการประชุมประจำปีของ รพช.ทั่วประเทศ ที่โรงแรมเอเชียแอร์พอร์ต ซึ่งจะมีการหารือในประเด็นการปรับแก้ค่าตอบแทนในภาพรวม และจะมีการทำประชามติเกี่ยวกับเรื่องนี้เพื่อเสนอ สธ.ต่อไป
พญ.ประชุมพร บูรณ์เจริญ ประธานสมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป (สพศท.) กล่าวว่า สพศท.จะมีการประชุมใหญ่ประจำปีในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ที่โรงแรมเซ็นทราศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ ซึ่งจะหารือในเรื่องค่าตอบแทนของบุคลากรสาธารณสุข เนื่องจากทุกวันนี้การคำนวณอัตราค่าตอบแทนอาจไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงในบางพื้นที่ อย่างบางพื้นที่ไม่ได้อยู่ในที่ทุรกันดาร เป็นโรงพยาบาลขนาดเล็กก็ควรจะปรับอัตราค่าตอบแทนไม่ให้สูงเกินไปเมื่อเทียบกับแพทย์ พยาบาลที่อยู่ในพื้นที่ทุรกันดาร หรือ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งกลุ่มนี้หากได้รับอัตราค่าตอบแทนสูงถึงแสนบาท สพศท.ก็ไม่เคยคัดค้าน แต่ในบางกลุ่มไม่ได้อยู่ในพื้นที่ขนาดนั้น ได้มากถึงเดือนละ 50,000 ก็มากเกินไป
นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวถึงกรณีกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เตรียมหารือแนวทางการปรับปรุงอัตราค่าตอบแทนของบุคลากรสาธารณสุข ในวันที่ 22 ม.ค.นี้ ว่า ตนเห็นด้วยหากจะมีการปรับอัตราค่าตอบแทนในกรอบที่เท่าเทียมกัน โดยเฉพาะในระดับพื้นที่ ซึ่งหากพื้นที่ใดอยู่ในพื้นที่ห่างไกลหรือเสี่ยงภัย เช่น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็ควรได้ในอัตราเดิม แต่พื้นที่ใดไม่อยู่ในกรอบดังกล่าว ก็ควรได้รับอัตราค่าตอบแทนตามความเป็นจริง สำหรับกรณีมีบางกลุ่มออกมาเสนอให้ปรับลดค่าตอบแทนลงในส่วนของโรงพยาบาลชุมชน (รพช.) บางแห่งซึ่งอยู่ในพื้นที่ชุมชน แต่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ทุรกันดารนั้น มองว่า โรงพยาบาลบางแห่งอาจไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ยกตัวอย่าง รพช.บางบัวทอง ซึ่งเป็น รพช.ขนาดเล็กเพียง 60 เตียง มีแพทย์ 7-8 คน แต่ต้องให้บริการประชากร 2-3 แสนคน ซึ่งเป็นภาระหนัก หากปรับลดอัตราค่าตอบแทนตามพื้นที่อาจไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง จึงเสนอ สธ.ให้ยกระดับ รพ.บางบัวทอง จาก รพช.ขนาดเล็ก เป็นรพช.ขนาดใหญ่ 150-200 เตียง เพื่อรองรับกับประชากรที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะก่อประโยชน์ในแง่การให้บริการมากกว่า
นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ สธ.จะมีการหารือในเรื่องค่าตอบแทนที่สอดคล้องกับภาระงาน หรือการจ่ายค่าตอบแทนตามผลปฏิบัติงาน (Pay for Performance : P4P) ด้วย กล่าวคือ ทำงานมากได้รับเงินมาก เรื่องนี้ชมรมแพทย์ชนบทเห็นด้วย แต่ขอให้แยกออกจากค่าตอบแทนเชิงพื้นที่ เนื่องจากเป็นคนละส่วน เพราะหากมีการปรับค่าตอบแทนเชิงพื้นที่จะทำให้แพทย์ที่ทำงานในพื้นที่ชนบทห่างไกล หรือ 3 จังหวัดชายแดนใต้ หมดกำลังใจ และไหลออกจนหมด
“เรื่องนี้อยากให้ผู้บริหาร สธ.ปรับแก้อย่างถี่ถ้วน หากปรับระเบียบค่าตอบแทนในเชิงพื้นที่ที่เน้นพื้นที่ห่างไกล พื้นที่เสี่ยงภัยจริงๆ ไม่มีใครคัดค้าน แต่ขออย่านำอัตราค่าตอบแทนเชิงพื้นที่ไปรวมกับประสิทธิภาพการทำงาน เพราะอย่างแพทย์พยาบาลใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พวกเขาควรได้รับค่าเสี่ยงภัยตรงนี้อยู่แล้ว ส่วนเรื่องภาระงานมากจะได้รับค่าตอบแทนสูงขึ้น ขอให้ไปอยู่ในเงินเดือนต่างหากดีกว่า” ปธ.ชมรมแพทย์ชนบท กล่าว
นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผู้อำนวยการ รพ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช และอดีตประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า ในวันที่ 24 ม.ค.นี้ จะมีการประชุมประจำปีของ รพช.ทั่วประเทศ ที่โรงแรมเอเชียแอร์พอร์ต ซึ่งจะมีการหารือในประเด็นการปรับแก้ค่าตอบแทนในภาพรวม และจะมีการทำประชามติเกี่ยวกับเรื่องนี้เพื่อเสนอ สธ.ต่อไป
พญ.ประชุมพร บูรณ์เจริญ ประธานสมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป (สพศท.) กล่าวว่า สพศท.จะมีการประชุมใหญ่ประจำปีในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ที่โรงแรมเซ็นทราศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ ซึ่งจะหารือในเรื่องค่าตอบแทนของบุคลากรสาธารณสุข เนื่องจากทุกวันนี้การคำนวณอัตราค่าตอบแทนอาจไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงในบางพื้นที่ อย่างบางพื้นที่ไม่ได้อยู่ในที่ทุรกันดาร เป็นโรงพยาบาลขนาดเล็กก็ควรจะปรับอัตราค่าตอบแทนไม่ให้สูงเกินไปเมื่อเทียบกับแพทย์ พยาบาลที่อยู่ในพื้นที่ทุรกันดาร หรือ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งกลุ่มนี้หากได้รับอัตราค่าตอบแทนสูงถึงแสนบาท สพศท.ก็ไม่เคยคัดค้าน แต่ในบางกลุ่มไม่ได้อยู่ในพื้นที่ขนาดนั้น ได้มากถึงเดือนละ 50,000 ก็มากเกินไป
