xs
xsm
sm
md
lg

ใบสั่งการเมืองเพิ่มรองเลขาธิการ สปสช.แบบ “เหนือเมฆ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดย...คนชายขอบสุขภาพ

ไม่รู้ว่าจะมี “เหนือเมฆ 3” หรือไม่ แต่ “เหนือเมฆ 2” กลายเป็นละครที่โด่งดังทะลุเมฆไปเรียบร้อยแล้ว แม้ว่ายังฉายไม่จบ และไม่รู้ว่าจะได้เห็นฉากจบกันในชาตินี้หรือไม่ก็ตาม

บางครั้ง “ความเชื่อ” ก็มีอิทธิพลและสร้างแรงสะเทือนได้มากกว่า “ความจริง” และขณะนี้สังคมก็เชื่อไปแล้วโดยบริสุทธิ์ใจว่า “เหนือเมฆ 2” ไม่ได้มีความประสงค์จะลาจอไปเอง หากแต่มีใครที่มีอำนาจมากกว่าจอมขมังเวทย์บันดาลให้เป็น

คล้ายๆ กับการคัดเลือกรองเลขาธิการใหม่อีก 2 ตำแหน่งของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ องค์กรที่ดูแลงบประมาณด้านสุขภาพของคนไทยกว่า 48 ล้านคน เพราะแม้ว่าเหตุผลในการเพิ่มตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงคือภาระงานมากขึ้น ไหนจะต้องทำงานเพื่อสนองตอบนโยบายรัฐบาล ทั้งการบูรณาการฉุกเฉิน 3 กองทุน บูรณาการรักษาไต/เอดส์ บูรณาการมะเร็ง การรับเป็นศูนย์ในการบริหารค่ารักษาพยาบาลให้กับข้าราชการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การพัฒนาระบบหักบัญชีกลาง (National Clearing House) ของประเทศ ฯลฯ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นงานที่ไม่ง่าย และต้องฝ่าด่านอรหันต์อีกมากก็ตาม

แต่ด้วยเม็ดเงินงบประมาณที่มากกว่า 140,000 ล้านบาทต่อปี ทำให้คนในสังคมส่วนใหญ่ มีความเคลือบแคลง และอดคิดไม่ได้ว่า “การเมือง” คือ ผู้อยู่เบื้องหลังการผลักดันให้เกิดการเปิดตำแหน่งใหม่หรือไม่ โดยใช้อำนาจที่มองไม่เห็นไปกดดันเลขาธิการให้เป็นผู้เสนอวาระนี้เข้าไปในบอร์ด (แหล่งข่าวระบุว่ากรรมการบอร์ดที่มาจากสายการเมือง ยกมือเห็นชอบพร้อมอ้างข้อดีกันสลอน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยจะเห็นด้วยกับสำนักงานนักก็ตาม) จากนั้นการเมืองก็ให้สัมภาษณ์ยืนกระต่ายขาเดียวมาโดยตลอดว่า ไม่เกี่ยวข้อง ไม่ได้อยู่เบื้องหลัง ไม่รู้ไม่เห็น เป็นเรื่องที่สำนักงานขอเพิ่มตำแหน่งเอง ลอยตัวไปสบายๆ

มิไยที่นักเคลื่อนไหวภาคประชาชนและภาคส่วนต่างๆ จะออกมาแสดงความไม่เห็นด้วย แต่ฝ่ายการเมืองกลับไม่สนใจ อาจด้วยเพราะประธานบอร์ดที่มาจากฝ่ายการเมือง ไม่เคยเป็น ส.ส.ไม่มี ส.ส.ในสังกัด จึงไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะต้องฟังเสียงประชาชน เพราะการที่ส้มหล่นได้เป็นรัฐมนตรี โดยข้ามหัว ส.ส.มากฝีมือในพรรคมากมายก็เกินคุ้ม ขอเพียงแค่สมัยเดียวก็ถือว่าไกลเกินกว่าที่ฝันไว้มากแล้ว

ถ้าคิดเพียงแค่นี้ ผลเสียระยะยาวอาจตกอยู่กับรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีอย่างหลีกไม่พ้น 10 ปีที่ผ่านมาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคเป็นนโยบายของพรรคไทยรักไทยที่ประสบความสำเร็จสูงสุด ได้รับความนิยมจากประชาชนมาโดยตลอดไม่ว่าจะสำรวจความคิดเห็นเมื่อใด เพราะทำให้คนไทยทุกคนได้เข้าถึงบริการรักษาพยาบาลได้โดยไม่มีภาระค่าใช้จ่ายไม่ต้องกู้หนี้ ยืมสิน ขายไร่ขายนาเพื่อนำเงินไปรักษาตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนรากหญ้าที่เป็นฐานเสียงสำคัญ ทั้งนี้ก็ด้วยการดำเนินงานจากบุคลากรที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขและใจอาสา สืบก่อต่อเนื่องจากปณิธานของ นายแพทย์ สงวน นิตยารัมพงศ์ เลขาธิการ สปสช.คนแรก

ต้นไม้หลักประกันสุขภาพได้ยืนต้น ผลิใบ ให้ดอกผลกับประชาชนไทยมายาวนานกว่า 1 ทศวรรษ ช่วยป้องกันไม่ให้คนไทย “ล้มละลาย” จากค่ารักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วยมาแล้วหลายล้านคน สร้างคะแนนเสียงให้กับพรรคการเมืองมาอย่างต่อเนื่อง

ฝาก ส.ส.ที่มาจากการสนับสนุนจากประชาชน มาจากเสียงที่พวกเรากากบาทให้ท่าน ไปบอกรัฐมนตรีเด็กเส้นด้วยว่า เคารพความคิดเห็นของประชาชน อย่าใช้อำนาจบาตรใหญ่ อย่าทำอะไรตามอำเภอใจ ให้ฟังเสียงประชาชนที่ท่านอ้างมาตลอดบ้าง ก่อนทุกอย่างจะพังมากไปกว่านี้
กำลังโหลดความคิดเห็น