บช.น.แถลงผลจับกุมแก๊งปล้นทรัพย์ในหลายพื้น ได้ตัวผู้ต้องหา 1 ราย สารภาพก่อเหตุมาแล้ว 6 ครั้ง ภายในระยะ 2 สัปดาห์ ชี้พฤติการณ์มักเลือกเหยื่อที่ขับรถกระบะก่อนปลดทรัพย์และนำรถไปขายนำเงินมาใช้ในการรักษาไต
วันนี้ (29 ส.ค.) ที่ บช.น. พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พ.ต.อ.ศักดา ดามาพงศ์ ผกก.สน.ภาษีเจริญ พ.ต.อ.เมธี รักพันธุ์ ผกก.สส.บก.น.7 พ.ต.ท.สวัสดิ์ ภักดี สว.กก.สส.บก.น.7 และ พ.ต.ท.คงศักดิ์ ปานน้อย สว.สส.สน.ภาษีเจริญ ได้แถลงผลการจับกุมตัว นายจรินทร์ หรือต่าย เนียมคง อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาร่วมกันกับพวกก่อเหตุปล้นทรัพย์, ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น, ร่วมกันครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันพกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมืองและที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร โดยสามารถจับกุมตัวได้จากการขยายผลตามพฤติกรรมของผู้ต้องหาที่ก่อเหตุในลักษณะเป็นเครือข่าย
พ.ต.อ.ศักดาเปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 22.45 น.วันที่ 6 ก.พ. 2553 นายจรินทร์ ได้ร่วมกันกับพวกที่ยังหลบหนีก่อเหตุใช้อาวุธปืนจำนวน 2 กระบอก ยิงใส่ผู้เสียหายจนได้รับบาดเจ็บ บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 905/21 แขวงคูหาสวรรค์ เขตภาษีเจริญ กทม. ภายหลังฝ่ายสืบสวน สน.ภาษีเจริญ สืบทราบว่า นายจรินทร์ก็เพิ่งถูกคู่อริย่านมหาชัยยิงได้รับบาดเจ็บเช่นเดียวกัน จึงติดตามไปจับกุมตัวตามหมายจับคดีร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นฯ ระหว่างกำลังรักษาตัวที่ รพ.มหาชัย จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ชุดสืบสวนของ พ.ต.อ.เมธี รักพันธุ์ ผกก.สส.บก.น.7 สามารถจับกุมนายประสาร และนายประสงค์ สองพี่น้องเอาไว้ได้ในคดีปล้นรถ เมื่อสอบปากคำทั้งพี่และน้อง พบว่าพฤติกรรมการก่อเหตุปล้นรถมีลักษณะเชื่อมโยงกับ นายจรินทร์ ทำกันเป็นขบวนการ หนำซ้ำยังร่วมกันกับพวกที่เหลือกระทำความผิดมาแล้วหลายหน จึงนำตัวมาสอบสวนขยายผลเพื่อติดตามจับกุมตัวพวกที่ยังหลบหนีมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
สอบสวนนายจรินทร์ให้การรับสารภาพว่า เมื่อ 2 ปีก่อนเคยใช้อาวุธปืนยิงคู่อริได้รับบาดเจ็บในท้องที่ สน.ภาษีเจริญจริง แต่เมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมาตนก็เพิ่งถูกคู่อริยิงได้รับบาดเจ็บต้องตัดไตไป 1 ข้างเช่นกัน ที่สำคัญจำเป็นต้องใช้เงินค่ารักษาพยาบาลจำนวนมากเพราะอาการสาหัสต้องเดินทางไปพบแพทย์ตลอด เมื่อเงินขาดมือจึงปรึกษากับเพื่อนคือ นายประสาร นายประสงค์ และนายเตี้ย (ไม่ทราบชื่อนามสกุล) ซึ่งยังหลบหนีออกตระเวนก่อเหตุปล้นรถกระบะของผู้เสียหายในพื้นที่ สน.ท่าข้าม สน.บางเสาธง สน.ตลิ่งชัน และสภ.บางกรวย นำไปขายหาเงินมาแบ่งกันใช้ โดยระยะเวลา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาก่อเหตุสำเร็จไปแล้ว จำนวน 6 คัน ตนยอมลงทุนขอซื้ออาวุธปืนขนาด 9 มม.ต่อจากเพื่อนย่าน จ.นนทบุรี มากระบอกละ 35,000 บาท
จากนั้นจะพาพวกอีก 3 คน ขับขี่รถ จยย.ซ้อนท้ายไปตระเวนดักหาเหยื่อที่ขับรถกระบะอีซูซุดีแมคซ์ หรือโตโยต้าวีโก้ เมื่อเห็นเหยื่อกำลังลงจากรถก็จะปรี่เข้าไปใช้อาวุธปืนจ่อศีรษะบังคับขอกุญแจ โดยตนจะทำหน้าที่ถือปืนคุมเหยื่อไว้ในที่เกิดเหตุเพื่อปลดทรัพย์จำพวกโทรศัพท์มือถือ และเครื่องประดับออกจากตัวป้องกันไม่ให้เหยื่อโทร.แจ้งตำรวจ
นายจรินทร์กล่าวอีกว่า ส่วนนายเตี้ย ผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีรับหน้าที่ขับรถของเหยื่อออกไปจากจุดที่ลงมือปล้นทรัพย์ เมื่อคำนวณเวลาว่ารถกระบะถูกขับออกไปได้ไกลพอสมควรแล้ว ตนก็จะกระโดดขึ้นซ้อนท้ายรถ จยย.พากันหลบหนีตามออกมาอย่างรวดเร็ว และตนไม่ทราบว่านายเตี้ยนำรถไปขายให้ลูกค้าที่ไหน รู้เพียงว่าจะได้เงินค่าตอบแทนกลับมาคันละ 50,000 บาท ซึ่งสามารถนำเงินมาแบ่งกันได้คนละหมื่นกว่าบาท ส่วนทรัพย์สินประเภทเงินสด ทองรูปพรรณ หรือโทรศัพท์มือถือ ที่ปล้นได้จากตัวเหยื่อจะนำไปขายแลกเงินมาแบ่งกันใช้อีกที โดยขอยืนยันว่าที่ผ่านมาพวกตนเอาแต่ทรัพย์สินและรถเท่านั้น ไม่เคยลงมือทำร้ายร่างเหยื่อแม้แต่รายเดียว