เอฟทีเอ ว็อทช์ จี้กรมเจรจาฯ เปิดรับฟังความคิดเห็นร่างกรอบเจรจาเอฟทีเอไทย-อียู ตั้งข้อสงสัยอยากเริ่มเจรจาให้ได้ภายในเดือนนี้ แต่ไม่ยอมเปิดเผยร่างกรอบฯ
วันนี้ (7 ม.ค.) นายจักรชัย โฉมทองดี ผู้ประสานงานกลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (เอฟทีเอ ว็อทช์) กล่าวถึงกรณีที่ นางพิรมล เจริญเผ่า อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ระบุว่า ในเดือน ม.ค.นี้ ฝ่ายไทยจะสามารถประกาศเปิดการเจรจาเอฟทีเอ ไทย-อียู อย่างเป็นทางการ หลังจากที่ได้จัดทำกรอบการเจรจาในการเปิดเสรีเสร็จแล้ว เพื่อให้การเจรจาแล้วภายใน 2ปี มีผลบังคับใช้ปี 2558 จะได้ช่วยทดแทน หากไทยถูกตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) ในปี 2557 ว่า เมื่อกรมเจรจาฯชี้แจงว่า กรอบเจรจาฯเสร็จสิ้นแล้ว ก็ควรเปิดเผยต่อสาธารณชน เพราะตั้งแต่ผ่านคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา ร่างกรอบเจรจาฯดังกล่าวยังถูกปิดเป็นความลับ หากยังปิดเป็นความลับเช่นนี้ ใครจะไปให้ความเห็นหรือข้อกังวลตามที่กรมเจรจาฯประกาศได้
“เมื่อมีกรอบเจรจาฯแล้ว ก็ควรจัดรับฟังความคิดเห็นในส่วนกลาง 1 ครั้งก่อนนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาตามมาตรา 190 เพราะไม่ใช่ทุกภาคส่วนจะสามารถเข้าถึงผู้ใหญ่ในกรมเจรจาฯได้ จึงควรจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นต่อร่างกรอบเจรจาฯ ไม่ควรห่วงแต่ภาคธุรกิจ หากกรมเจรจาฯไม่เปิดเผยกรอบ ก็ไม่สามารถแสดงความกังวล-ข้อคิดเห็นที่จะนำไปสู่การเตรียมความพร้อมและพัฒนาท่าทีการเจรจาอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ สมาชิกรัฐสภาควรมีเวลาเพียงพอที่จะศึกษาร่างกรอบเจรจาและการศึกษาที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากเอฟทีเอกับสหภาพยุโรปนี้ ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจสังคมของประเทศอย่างกว้างขวาง”
ด้าน น.ส.กรรณิการ์ กิจติเวชกุลสมาชิก เอฟทีเอ ว็อทช์ เปิดเผยว่า วันนี้ กลุ่ม 14 องค์กรภาคประชาสังคมที่ติดตามเรื่องการเจรจาการค้าระหว่างประเทศที่ส่งผลกระทบด้านต่างๆได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ขอให้ตรวจสอบกระบวนการจัดทำการเจรจาเขตการค้าเสรีระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป (Thai-EU FTA)
“เครือข่ายประชาชน ได้ติดตามตรวจสอบเรื่องดังกล่าวมาตลอด และพบว่า กระบวนการจัดทำ (Thai-EU FTA) ที่ดำเนินการโดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ไม่เป็นไปตามขั้นตอนการเจรจาหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ ที่กำหนดไว้ใน มาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญ ที่ระบุให้คณะรัฐมนตรีจะต้องให้ข้อมูลและจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนก่อนเสนอกรอบการเจรจาต่อรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบ อีกทั้งร่างกรอบเจรจาฯไม่เป็นไปตามนโยบายที่รัฐบาลประกาศต่อรัฐสภา นอกจากนี้ ยังไม่มีการวางแนวป้องกันผลกระทบที่จะเกิดกับระบบสาธารณสุขของไทยดังที่งานวิจัยของสถาบันวิจัยหลายสำนักที่หน่วยราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กรมทรัพย์สินทางปัญญา และ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา อนุมัติให้จัดทำได้เคยเสนอแนะไว้ การกระทำดังกล่าว ถือได้ว่ากรมเจรจาการค้าฯ กำลังกระทำการที่เข้าข่ายเป็นการกระทำที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มาตรา190 และเป็นการกระทำที่ขาดธรรมาภิบาลที่ข้าราชการพึงมี” น.ส.กรรณิการ์ กล่าว
น.ส.กรรณิการ์ กล่าวต่อว่า ดังนั้น เครือข่ายประชาชน จึงขอให้คณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ดำเนินการตรวจสอบกรณีดังกล่าว โดยเฉพาะพฤติกรรมและธรรมาภิบาลของกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศในฐานะเลขานุการการประชุมระดับสูงเพื่อพิจารณาเตรียมเปิดการเจรจาการค้าเสรีของไทยและตรวจสอบผลกระทบของการจัดทำการเจรจาเขตการค้าเสรีระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป (Thai-EU FTA) ต่อระบบสาธารณสุขไทย รวมทั้งให้ข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลและรัฐสภาในการปรับปรุงร่างกรอบเพื่อวางแนวป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
อนึ่ง เครือข่ายประชาชน ที่ทำหนังสือถึงคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ ประกอบไปด้วยเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย, คณะกรรมการองค์การพัฒนาเอกชนด้านเอดส์,มูลนิธิเข้าถึงเอดส์, มูลนิธิศูนย์คุ้มครองสิทธิด้านเอดส์, เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก, ชมรมเพื่อนโรคไต, เครือข่ายเพื่อนมะเร็ง, มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค, มูลนิธิเภสัชชนบท, กลุ่มศึกษาปัญหายา, มูลนิธิชีววิถี, มูลนิธิบูรณะนิเวศ, มูลนิธิสุขภาพไทย และกลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (FTA Watch)
วันนี้ (7 ม.ค.) นายจักรชัย โฉมทองดี ผู้ประสานงานกลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (เอฟทีเอ ว็อทช์) กล่าวถึงกรณีที่ นางพิรมล เจริญเผ่า อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ระบุว่า ในเดือน ม.ค.นี้ ฝ่ายไทยจะสามารถประกาศเปิดการเจรจาเอฟทีเอ ไทย-อียู อย่างเป็นทางการ หลังจากที่ได้จัดทำกรอบการเจรจาในการเปิดเสรีเสร็จแล้ว เพื่อให้การเจรจาแล้วภายใน 2ปี มีผลบังคับใช้ปี 2558 จะได้ช่วยทดแทน หากไทยถูกตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) ในปี 2557 ว่า เมื่อกรมเจรจาฯชี้แจงว่า กรอบเจรจาฯเสร็จสิ้นแล้ว ก็ควรเปิดเผยต่อสาธารณชน เพราะตั้งแต่ผ่านคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา ร่างกรอบเจรจาฯดังกล่าวยังถูกปิดเป็นความลับ หากยังปิดเป็นความลับเช่นนี้ ใครจะไปให้ความเห็นหรือข้อกังวลตามที่กรมเจรจาฯประกาศได้
“เมื่อมีกรอบเจรจาฯแล้ว ก็ควรจัดรับฟังความคิดเห็นในส่วนกลาง 1 ครั้งก่อนนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาตามมาตรา 190 เพราะไม่ใช่ทุกภาคส่วนจะสามารถเข้าถึงผู้ใหญ่ในกรมเจรจาฯได้ จึงควรจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นต่อร่างกรอบเจรจาฯ ไม่ควรห่วงแต่ภาคธุรกิจ หากกรมเจรจาฯไม่เปิดเผยกรอบ ก็ไม่สามารถแสดงความกังวล-ข้อคิดเห็นที่จะนำไปสู่การเตรียมความพร้อมและพัฒนาท่าทีการเจรจาอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ สมาชิกรัฐสภาควรมีเวลาเพียงพอที่จะศึกษาร่างกรอบเจรจาและการศึกษาที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากเอฟทีเอกับสหภาพยุโรปนี้ ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจสังคมของประเทศอย่างกว้างขวาง”
ด้าน น.ส.กรรณิการ์ กิจติเวชกุลสมาชิก เอฟทีเอ ว็อทช์ เปิดเผยว่า วันนี้ กลุ่ม 14 องค์กรภาคประชาสังคมที่ติดตามเรื่องการเจรจาการค้าระหว่างประเทศที่ส่งผลกระทบด้านต่างๆได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ขอให้ตรวจสอบกระบวนการจัดทำการเจรจาเขตการค้าเสรีระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป (Thai-EU FTA)
“เครือข่ายประชาชน ได้ติดตามตรวจสอบเรื่องดังกล่าวมาตลอด และพบว่า กระบวนการจัดทำ (Thai-EU FTA) ที่ดำเนินการโดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ไม่เป็นไปตามขั้นตอนการเจรจาหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ ที่กำหนดไว้ใน มาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญ ที่ระบุให้คณะรัฐมนตรีจะต้องให้ข้อมูลและจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนก่อนเสนอกรอบการเจรจาต่อรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบ อีกทั้งร่างกรอบเจรจาฯไม่เป็นไปตามนโยบายที่รัฐบาลประกาศต่อรัฐสภา นอกจากนี้ ยังไม่มีการวางแนวป้องกันผลกระทบที่จะเกิดกับระบบสาธารณสุขของไทยดังที่งานวิจัยของสถาบันวิจัยหลายสำนักที่หน่วยราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กรมทรัพย์สินทางปัญญา และ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา อนุมัติให้จัดทำได้เคยเสนอแนะไว้ การกระทำดังกล่าว ถือได้ว่ากรมเจรจาการค้าฯ กำลังกระทำการที่เข้าข่ายเป็นการกระทำที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มาตรา190 และเป็นการกระทำที่ขาดธรรมาภิบาลที่ข้าราชการพึงมี” น.ส.กรรณิการ์ กล่าว
น.ส.กรรณิการ์ กล่าวต่อว่า ดังนั้น เครือข่ายประชาชน จึงขอให้คณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ดำเนินการตรวจสอบกรณีดังกล่าว โดยเฉพาะพฤติกรรมและธรรมาภิบาลของกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศในฐานะเลขานุการการประชุมระดับสูงเพื่อพิจารณาเตรียมเปิดการเจรจาการค้าเสรีของไทยและตรวจสอบผลกระทบของการจัดทำการเจรจาเขตการค้าเสรีระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป (Thai-EU FTA) ต่อระบบสาธารณสุขไทย รวมทั้งให้ข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลและรัฐสภาในการปรับปรุงร่างกรอบเพื่อวางแนวป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
อนึ่ง เครือข่ายประชาชน ที่ทำหนังสือถึงคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ ประกอบไปด้วยเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย, คณะกรรมการองค์การพัฒนาเอกชนด้านเอดส์,มูลนิธิเข้าถึงเอดส์, มูลนิธิศูนย์คุ้มครองสิทธิด้านเอดส์, เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก, ชมรมเพื่อนโรคไต, เครือข่ายเพื่อนมะเร็ง, มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค, มูลนิธิเภสัชชนบท, กลุ่มศึกษาปัญหายา, มูลนิธิชีววิถี, มูลนิธิบูรณะนิเวศ, มูลนิธิสุขภาพไทย และกลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (FTA Watch)