“พงศ์เทพ” เล็งยกเครื่องหลักสูตรพ่วงด้วยการปรับการสอน พร้อมเปิดเวทีฟังความเห็น ระบุต้องทบทวนใหม่ทั้งหมดตั้งแต่ว่าจำเป็นต้อนมี 8 กลุ่มสาระหรือไม่ชี้ 10 ปีที่ผ่านมาการศึกษาเปลี่ยนแปลงไปมาก ด้าน ที่ปรึกษาฯ เผย รมว.ศึกษาฯ จะตั้งคณะทำงาน 4 ชุดเพื่อออกแบบระบบการศึกษาไทยใหม่
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ในปี 2556 ศธ.จะเดินหน้าเรื่องการปรับหลักสูตรและการปรับการเรียนการสอนให้แล้วเสร็จ โดยจะมีการตั้งคณะทำงานหลายชุดขึ้นมาขับเคลื่อนเรื่องนี้ โดยจะเปิดเวทีรับฟังความเห็นจากผู้เกี่ยวข้องให้หลากหลายที่สุด เชิญผู้รู้ในสาขาวิชาต่างๆ มาช่วยระดมสมอง ให้มากที่สุด ซึ่งการที่ให้คนมีส่วนร่วมมากตั้งแต่ต้นจะทำให้การปรับหลักสูตรเคลื่อนไป ข้างหน้าอย่างมั่นคง และเสียเวลาน้อยกว่า การที่ไม่เปิดรับฟังความเห็นจากคนหมู่มาก และก็ต้องมาเกิดปัญหาความเห็นแตกแยกกันในภายหลัง
อย่างไรก็ตาม การปรับหลักสูตรจะครอบคลุมตั้งแต่ว่าการมาทบทวนใหม่อีกครั้งว่าหลักสูตรควรจะแบ่งเป็น 8 กลุ่มสาระเช่นเดิมหรือไม่ เนื้อหาในแต่ละวิชาจะต้องปรับอย่างไรให้เข้ากับความรู้ วิทยาการใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในโลก เพราะในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงด้านการศึกษา เกิดแนวคิดใหม่ๆ เกี่ยวกับการเรียนการสอนขึ้นมามาก รวมถึงต้องมีการทบทวนเรื่องโครงสร้างเวลาเรียนด้วย ซึ่งโดยส่วนตัวเห็นว่าเวลาเรียนในห้องเรียนควรจะลดลง เพราะเวลาเรียนในห้องเรียนของเด็กไทยมากเกินไป จนไม่กระตุ้นให้เกิดการใช้ความคิดวิเคราะห์ การคิดวิเคราะห์จะเกิดจากการทำกิจกรรมมากกว่า เพราะฉะนั้น ควรจะลดเวลาเรียนในห้องเรียนลง และเพิ่มกิจกรรมนอกห้องเรียน ขณะที่วิธีจัดการเรียนการสอนก็ต้องปรับให้ทันสมัยขึ้นด้วย
ด้าน ศ.พิเศษ ภาวิช ทองโรจน์ ที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาทั้งหมด 4 ชุดใหญ่ ชุดแรก เป็นกรรมการที่จะมาออกแบบระบบการศึกษาของไทยใหม่ โดยนำระบบการศึกษาของประเทศต่างๆ ที่ประสบความสำเร็จ มาร่วมศึกษาวิเคราะห์ เพื่อออกแบบระบบการศึกษาที่เหมาะสำหรับประเทศไทย ชุดที่สอง จะเป็นกรรมการออกแบบหลักสูตร กรรมการชุด นี้จะออกแบบหลักสูตรในภาพรวม หาคำตอบให้ได้ว่าหลักสูตรควรจะเป็นกี่กลุ่มสาระวิชา เพราะมีแนวคิดหนึ่งว่าควรจะลดสาระวิชาลง แต่กำหนดให้ชัดเจนว่าในสาระวิชานั้น ๆ จะแยกย่อยเป็นรายวิชาใดบ้าง เพราะหลักสูตรที่ใช้อยู่ไม่มีชื่อรายวิชาย่อย ทำให้ผู้เรียนยังไม่รู้ว่ากำลังเรียนวิชาใดอยู่ หรือบางรายวิชาที่มีประโยชน์ เช่น วิชาเรียงความ หรือย่อความหายไป ทำให้นักเรียนอ่านหนังสือไม่ออกจับใจความไม่ได้ ทั้งนี้ เมื่อกรรมการชุดใหญ่ออกแบบหลักสูตรในภาพรวมแล้วจะเชิญผู้รู้มาเป็น กรรมการแยกย่อยในแต่ละวิชาอีกเพื่อทำหน้าที่ยกร่างหลักสูตรแต่ละวิชา
ส่วนกรรมการชุดที่สาม จะเป็นกรรมการออกแบบตำราเรียน กรรมการชุดนี้จะออกแบบว่าคุณลักษณะที่ต้องการให้เกิดกับผู้เรียนเมื่อใช้ ตำราเรียนนั้นเป็นเช่นไร แล้วให้สำนักพิมพ์แต่ละแห่งทั้งรัฐและเอกชนไปสร้างตำราเรียนตามสเปกนั้น ส่วนชุดสุดท้าย จะเป็นกรรมการที่สร้างความเข้าใจ เพราะการจะนำระบบการศึกษาและหลักสูตรใหม่มาใช้ จำเป็นต้องมีการสร้างความเข้าใจและเตรียมความพร้อม ในฝ่ายต่างๆ ทั้งโรงเรียน นักเรียน ครู
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ในปี 2556 ศธ.จะเดินหน้าเรื่องการปรับหลักสูตรและการปรับการเรียนการสอนให้แล้วเสร็จ โดยจะมีการตั้งคณะทำงานหลายชุดขึ้นมาขับเคลื่อนเรื่องนี้ โดยจะเปิดเวทีรับฟังความเห็นจากผู้เกี่ยวข้องให้หลากหลายที่สุด เชิญผู้รู้ในสาขาวิชาต่างๆ มาช่วยระดมสมอง ให้มากที่สุด ซึ่งการที่ให้คนมีส่วนร่วมมากตั้งแต่ต้นจะทำให้การปรับหลักสูตรเคลื่อนไป ข้างหน้าอย่างมั่นคง และเสียเวลาน้อยกว่า การที่ไม่เปิดรับฟังความเห็นจากคนหมู่มาก และก็ต้องมาเกิดปัญหาความเห็นแตกแยกกันในภายหลัง
อย่างไรก็ตาม การปรับหลักสูตรจะครอบคลุมตั้งแต่ว่าการมาทบทวนใหม่อีกครั้งว่าหลักสูตรควรจะแบ่งเป็น 8 กลุ่มสาระเช่นเดิมหรือไม่ เนื้อหาในแต่ละวิชาจะต้องปรับอย่างไรให้เข้ากับความรู้ วิทยาการใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในโลก เพราะในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงด้านการศึกษา เกิดแนวคิดใหม่ๆ เกี่ยวกับการเรียนการสอนขึ้นมามาก รวมถึงต้องมีการทบทวนเรื่องโครงสร้างเวลาเรียนด้วย ซึ่งโดยส่วนตัวเห็นว่าเวลาเรียนในห้องเรียนควรจะลดลง เพราะเวลาเรียนในห้องเรียนของเด็กไทยมากเกินไป จนไม่กระตุ้นให้เกิดการใช้ความคิดวิเคราะห์ การคิดวิเคราะห์จะเกิดจากการทำกิจกรรมมากกว่า เพราะฉะนั้น ควรจะลดเวลาเรียนในห้องเรียนลง และเพิ่มกิจกรรมนอกห้องเรียน ขณะที่วิธีจัดการเรียนการสอนก็ต้องปรับให้ทันสมัยขึ้นด้วย
ด้าน ศ.พิเศษ ภาวิช ทองโรจน์ ที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาทั้งหมด 4 ชุดใหญ่ ชุดแรก เป็นกรรมการที่จะมาออกแบบระบบการศึกษาของไทยใหม่ โดยนำระบบการศึกษาของประเทศต่างๆ ที่ประสบความสำเร็จ มาร่วมศึกษาวิเคราะห์ เพื่อออกแบบระบบการศึกษาที่เหมาะสำหรับประเทศไทย ชุดที่สอง จะเป็นกรรมการออกแบบหลักสูตร กรรมการชุด นี้จะออกแบบหลักสูตรในภาพรวม หาคำตอบให้ได้ว่าหลักสูตรควรจะเป็นกี่กลุ่มสาระวิชา เพราะมีแนวคิดหนึ่งว่าควรจะลดสาระวิชาลง แต่กำหนดให้ชัดเจนว่าในสาระวิชานั้น ๆ จะแยกย่อยเป็นรายวิชาใดบ้าง เพราะหลักสูตรที่ใช้อยู่ไม่มีชื่อรายวิชาย่อย ทำให้ผู้เรียนยังไม่รู้ว่ากำลังเรียนวิชาใดอยู่ หรือบางรายวิชาที่มีประโยชน์ เช่น วิชาเรียงความ หรือย่อความหายไป ทำให้นักเรียนอ่านหนังสือไม่ออกจับใจความไม่ได้ ทั้งนี้ เมื่อกรรมการชุดใหญ่ออกแบบหลักสูตรในภาพรวมแล้วจะเชิญผู้รู้มาเป็น กรรมการแยกย่อยในแต่ละวิชาอีกเพื่อทำหน้าที่ยกร่างหลักสูตรแต่ละวิชา
ส่วนกรรมการชุดที่สาม จะเป็นกรรมการออกแบบตำราเรียน กรรมการชุดนี้จะออกแบบว่าคุณลักษณะที่ต้องการให้เกิดกับผู้เรียนเมื่อใช้ ตำราเรียนนั้นเป็นเช่นไร แล้วให้สำนักพิมพ์แต่ละแห่งทั้งรัฐและเอกชนไปสร้างตำราเรียนตามสเปกนั้น ส่วนชุดสุดท้าย จะเป็นกรรมการที่สร้างความเข้าใจ เพราะการจะนำระบบการศึกษาและหลักสูตรใหม่มาใช้ จำเป็นต้องมีการสร้างความเข้าใจและเตรียมความพร้อม ในฝ่ายต่างๆ ทั้งโรงเรียน นักเรียน ครู