xs
xsm
sm
md
lg

สเต็ปชีวิต...สเต็ปใน “เพลง” ชนม์ทิดา อัศวเหม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


จากสาวน้อยที่คอยหลบอยู่ข้างหลังคุณแม่ วันนี้ เพลง-ชนม์ทิดา อัศวเหม ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของนักร้องเสียงคุณภาพ ตู่-นันทิดาและคุณพ่อชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ได้เติบโตขึ้นเป็นสาวเต็มตัวด้วยวัย 17 ปี ที่พกความมั่นใจเต็มเปี่ยม และยังเป็นหนึ่งสาวเซเลบริตีที่ใครๆ ก็จับตามอง ทำให้เราเริ่มเห็นเธอบนเวทีแฟชั่น หน้านิตยสาร หรือในสังคมต่างๆ มากขึ้นเรื่อยๆ และที่พิเศษกว่านั้น เรายังได้เห็นเธอบนฟลอร์โชว์สเต็ปแดนซ์ไม่แพ้มืออาชีพอีกด้วย

“ตอนเล็กๆ เพลงขี้อายมากค่ะ ไปไหนจะคอยหลบอยู่หลังคุณแม่ หรือหากเป็นไปได้ก็จะขออยู่คนเดียว ไม่รู้ตัวเองว่าเป็นอะไรเหมือนกันค่ะ รู้สึกว่าเราไม่ต้องคุยกับใครก็ได้ เราอยู่คนเดียวก็มีความสุขแล้ว จนอายุประมาณ 10 ขวบ ถึงจะกล้าขึ้นบ้าง ซึ่งต่างจากคุณแม่เลยค่ะ คุณแม่จะเป็นคนชอบพูดชอบคุย และกล้าแสดงออกตั้งแต่เล็กๆ”


แม้จะเป็นถึงทายาทของนักร้องเสียงคุณภาพระดับเอเชีย ที่มีความกล้าและมั่นใจ แต่เพลงก็ไม่เคยถูกคุณแม่ตู่บังคับให้ต้องร้องเพลงตามรอยคุณแม่



“คุณแม่ไม่เคยบังคับค่ะ แต่จะให้อิสระในการตัดสินใจ และค่อยๆ สอน ในลักษณะพูดคุยแบบเพื่อน คุณแม่เคยบอกว่า เป็นอะไรก็ได้ที่ลูกทำแล้วมีความสุข อย่าเป็นในสิ่งที่พ่อกับแม่ต้องการ แต่ให้เป็นในสิ่งที่ลูกอย่างเป็น แล้วชีวิตของลูกจะมีความสุขค่ะ”



นอกจากให้อิสระแก่ลูกแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เพลงได้รับจากคุณแม่คือการสนับสนุนให้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก นั่นคือการเรียนบัลเล่ต์ตั้งแต่ 3 ขวบ "คุณแม่ก็ไม่เคยจะดุว่าทำไมต้องขี้อาย หรือทำไมไม่กล้า แต่แม่จะปล่อยให้เราเติบโตอย่างเป็นธรรมชาติ และสนับสนุนกิจกรรมที่เพลงชอบอย่างการเต้น และเพลงคิดว่าสิ่งนี้เองที่ทำให้เพลงมั่นใจและกล้าแสดงออกมากขึ้นในตอนนี้ค่ะ”



เพลงเรียนบัลเล่ต์ตั้งแต่ 3 ขวบ เริ่มเรียนตั้งแต่คอร์ส Primery จนจบเกรด 8 จากนั้นก็ต่อระดับ Major จนถึงระดับแอดวานซ์ 2 แล้วก็เปลี่ยนแนวมาเรียนด้าน Contemporary Dance ที่โรงเรียนสอนเต้น D-Dance School ของครูอู๋ (เปรมจิตต์ อำนรรฆมณี) ซึ่งเจ้าตัวอธิบายว่า การเต้นสไตล์นี้เป็นเหมือนการเต้นสมัยใหม่ ที่คุณเห็นในรายการ So You Think You Can Dance



“บัลเลต์ทำให้เรารู้วิธีการปรับพื้นฐานของร่างกาย รู้วิธีใช้กล้ามเนื้อได้อย่างถูกต้อง รู้จัการปรับองศาของแขนและขา มันเป็นพื้นฐานของการเรียนเต้นอย่างอื่นต่อไป พอเปลี่ยนมาเต้นในสไตล์ Contemporary Dance เต้นฮิปฮอป ก็จะเน้นท่วงท่าที่แข็งแรง แต่ไม่ว่าจะสไตล์ไหนก็ต้องใช้กำลังไม่ต่างกัน ยิ่งบัลเล่ต์เห็นท่าสวยๆ แบบนั้น กลับต้องใช้พลังในการทรงตัวไม่น้อยเลยค่ะ”



เพลงให้ทัศนะคติต่อการเต้นว่า นอกจากจะให้ความเพลิดเพลินและทำให้เธอรู้จักท่วงท่าที่สวยงามแล้ว ยังทำให้เธอเปลี่ยนจากสาวขี้อายกลายเป็นสาวมั่นใจ และยังรู้จักวางแผนชีวิตด้วย


“ตอนเล็กๆ แม้เพลงจะขี้อาย แต่หากคุณครูให้แสดงโชว์บัลเล่ต์บนเวที เพลงก็ทำนะคะ ให้แสดงเดี่ยว แสดงหมู่ทำได้หมด แต่พอลงเวทีก็มาหลบอยู่หลังแม่เหมือนเดิม เลยคิดว่าสิ่งนี้เองที่ทำให้เรากล้าแสดงออกมากขึ้นในตอนนี้ เพราะทำให้เราได้รู้จักกับเพื่อนๆ ที่หลากหลาย และยังทำให้เรารู้จักทีมเวิร์ก ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะเราต้องเต้นให้พร้อมเพรียงกันเป็นทีม”


และสิ่งสำคัญที่สุด ที่เพลงได้จากการเต้นคือ การรู้จักบริหารเวลา และวางแผนชีวิตทั้งการเรียน “เมื่อก่อนจะเรียนเต้นหลังเลิกเรียนทุกวัน ทุกๆ กิจกรรมที่เราทำจะตีกรอบเวลาให้เราบริหารชีวิตได้เป็นอย่างดี ตอนนี้เพลงเรียนหนักขึ้นจึงลดเวลาเรียนเต้นลง และทุ่มกับทางวิชาการมากขึ้นค่ะ”



ตอนนี้เธอเรียนอยู่เกรด 11 ที่ โรงเรียนนานาชาติร่วมฤดี ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าเรียนหนักมาก โดยเฉพาะ 2 ปี สุดท้าย ต้องทุ่มให้กับการเรียนซึ่งต้องทำข้อสอบของต่างประเทศ แต่จากคำบอกเล่าของคุณแม่ตู่ ที่บอกถึงลักษณะนิสัยของลูกไว้ว่า “เพลงไม่ได้เป็นคนเรียนเก่ง แต่มีความพยายามสูง หากเทอมไหนเกรดตก ลูกก็จะตั้งใจทำให้ดีขึ้นกว่าเดิมให้ได้” จึงเป็นสิ่งการันตีถึงผลการเรียนของเพลงที่ไม่ตกจากอันดับต้นๆ ของคลาส"



การได้รับอิสระทางการใช้ชีวิตและความคิดที่คุณแม่มอบให้ จึงเป็นแรงผลักดันให้สาวน้อยคนนี้ กล้าตัดสินใจและกำหนดชีวิตให้ตัวเอง ซึ่งเธอวางแผนไว้ว่า หากเรียนจบเกรด 12 (ม.6) จะไปเรียนต่อด้าน Performing Art ที่อเมริกา และศึกษาต่อด้านเศรษฐศาสตร์ที่ตัวเองชอบ

“เพลงยังไม่อยากเรียนต่อในระดับปริญญาตรีเลย แต่อยากไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้านการแสดงก่อน เพราะที่นู่นมีสิ่งที่ได้เรียนรู้เยอะ ทั้งบอร์ดเวย์ การแสดง การเต้น แล้วค่อยเริ่มตัดสินใจเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย เพราะเรียนแค่ปีหรือสองปี มันก็ไม่ได้ช้ามาก แต่เราได้ทดลองทำในสิ่งที่เราชอบ ดีกว่าไปฝืนเรียนในสิ่งที่ตัวเองยังไม่แน่ใจ แล้วสุดท้ายเราก็ไม่ได้เรียนในสิ่งที่เราอยากเรียนค่ะ”

คงต้องยกให้ เพลง เป็นตัวอย่างวัยรุ่น ที่รู้จักใช้ทุกช่วงเวลาให้เป็นประโยชน์ และต่อจากนี้ เราคงได้เห็นต้นไม้ต้นเล็กๆ ต้นนี้งอกงามขึ้นอย่างมั่นใจและเข้มแข็งเหมือนที่คุณแม่ตู่ได้ตั้งใจปลูกฝังให้เธอได้เติบโตและเบ่งบานขึ้นอย่างงดงามต่อไป

Text by   เอเอสทีวี ผู้จัดการรายวัน: สังคม-สตรี 

 
>> อัปเดตข่าวในแวดวงสังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่  http://www.celeb-online.net

กำลังโหลดความคิดเห็น