ปลัด ศธ.คาดโทษองค์การค้าฯ หากปีหน้าปล่อยหนังสือเรียนหายซ้ำซากจัดการเด็ดขาด ระบุหายเป็นแสนเล่มทุกปี ส่วนใหญ่เป็นหนังสือเรียนวิชาหลัก คณิต-วิทย์-ภาษาไทย ชี้เสียหายหลักล้านบาท พร้อมส่งกฤษฎีกาตีความคุณสมบัติ ผอ.องค์การค้าฯ
นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ได้กำชับไปยังองค์การค้า ของสำนักงานคณะกรรมส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ให้เข้มงวดในการดูแลหนังสือเรียนปีการศึกษา 2556 ที่จัดพิมพ์เสร็จเรียบร้อย โดยต้องไม่ให้เกิดกรณีหนังสือเรียนหายซ้ำอีก เพราะที่ผ่านๆ มาช่วงเดือนมกราคมของทุกปี หนังสือเรียนขององค์การค้าจะหายออกไปเป็นจำนวนมาก เฉลี่ยแล้วหายไปปีละเป็นแสนเล่ม ทำให้องค์การค้าฯ สูญเงินไปเป็นล้านบาท โดยเฉพาะหนังสือเรียนในวิชาหลัก เช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาไทย รวมๆ แล้วจะมียอดหายมากกว่าหนังสือเรียนวิชาอื่นๆ
“ขออยากฝากให้องค์การค้าดูแลเรื่องนี้ให้ดี ปีหน้าจะต้องไม่ให้มีหนังสือเรียนหายแม้แต่เล่มเดียว เพราะหากมีหนังสือเรียนหายทุกปีก็เท่ากับว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น และทุกครั้งที่หนังสือเรียนหายก็ไม่เคยสอบสวนหาสาเหตุหรือตัวผู้กระทำผิดได้ ทำให้องค์การค้าฯ ขาดทุนเป็นอย่างมาก ซึ่งถ้ายังมีหนังสือเรียนหายอีก นอกจากจะต้องตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว จะให้แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดีอย่างแน่นอน ไม่ปล่อยให้มีการขโมยหนังสือเรียนออกไปขายต่อไป และหากพบเป็นการทำของเจ้าหน้าที่ภายในองค์การค้าฯ ลักลอบเอาออกไปขายก็ถือว่า ทุจริตและต้องโดนโทษวินัยอย่างร้ายแรงด้วย” นางพนิตากล่าว
ปลัด ศธ.กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังได้กำชับองค์การค้าฯ เรื่องการเช่าแท่นพิมพ์ ที่ตามแผนองค์การค้าฯ จะไม่จ้างโรงพิมพ์เอกชน รับช่วงงานพิมพ์หนังสือเรียนอีกต่อไป เพราะมีต้นทุนสูงแต่จะเปลี่ยนมาเช่าแท่นพิมพ์โรงพิมพ์เอกชนและให้พนักงานทำงานล่วงเวลาแทน เพื่อเพิ่มกำลังการพิมพ์หนังสือเรียนให้เสร็จทันเวลา โดยใช้งบประมาณค่าเช่าเรื่องและจ่ายโอทีประมาณ 280 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม มีการร้องเรียนเกรงว่าจะมีเกิดฮั้วการประมูลจัดเช่าเครื่องพิมพ์ขึ้น เพราะมีโรงพิมพ์เข้าร่วมการประมูลแค่ 2 บริษัท จึงได้มอบหมายให้องค์การค้าฯ ไปจัดหาโรงพิมพ์แห่งอื่นๆด้วย และทำการทดสอบศักยภาพการพิมพ์ของโรงพิมพ์ต่างๆ นำมาเปรียบเทียบ ซึ่งขณะนี้มีทั้งหมด 3 โรงพิมพ์ที่เสนอแท่นพิมพ์มาให้ทดสอบ โดยดูว่าโรงพิมพ์ใหญ่ที่มีแท่นพิมพ์จำนวนมากก็จะให้พิมพ์ในรายวิชาที่มาก ส่วนโรงพิมพ์ขนาดเล็กที่ส่งมาแท่นเดียว ก็ให้พิมพ์ในรายวิชาเดียว จะได้ไม่เป็นการผูกขาดให้โรงพิมพ์เดียว แต่เป็นการกระจายให้โรงพิมพ์อื่นๆ ได้มีงานทำด้วย ซึ่งจะได้ลดข้อครหาตรงนี้ไปด้วย
ขณะเดียวกัน มีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับคุณสมบัติของนายสมมาตร มีศิลป์ ผอ.องค์การค้าฯ มาด้วย เพราะตามกฎหมายนั้น ผอ.องค์การค้าฯ จะต้องไม่เคยให้ออกหรือถูกไล่ออก ซึ่งนายสมมาตรเคยถูกบอกเลิกสัญญาจ้างจากตำแหน่งผอ.องค์การค้าฯ ในสมัยนายชุมพล ศิลปอาชา เป็น รมว.ศึกษาธิการ เพราะฉะนั้นจะส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความว่านายสมมาตรขาดคุณสมบัติหรือไม่
นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ได้กำชับไปยังองค์การค้า ของสำนักงานคณะกรรมส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ให้เข้มงวดในการดูแลหนังสือเรียนปีการศึกษา 2556 ที่จัดพิมพ์เสร็จเรียบร้อย โดยต้องไม่ให้เกิดกรณีหนังสือเรียนหายซ้ำอีก เพราะที่ผ่านๆ มาช่วงเดือนมกราคมของทุกปี หนังสือเรียนขององค์การค้าจะหายออกไปเป็นจำนวนมาก เฉลี่ยแล้วหายไปปีละเป็นแสนเล่ม ทำให้องค์การค้าฯ สูญเงินไปเป็นล้านบาท โดยเฉพาะหนังสือเรียนในวิชาหลัก เช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาไทย รวมๆ แล้วจะมียอดหายมากกว่าหนังสือเรียนวิชาอื่นๆ
“ขออยากฝากให้องค์การค้าดูแลเรื่องนี้ให้ดี ปีหน้าจะต้องไม่ให้มีหนังสือเรียนหายแม้แต่เล่มเดียว เพราะหากมีหนังสือเรียนหายทุกปีก็เท่ากับว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น และทุกครั้งที่หนังสือเรียนหายก็ไม่เคยสอบสวนหาสาเหตุหรือตัวผู้กระทำผิดได้ ทำให้องค์การค้าฯ ขาดทุนเป็นอย่างมาก ซึ่งถ้ายังมีหนังสือเรียนหายอีก นอกจากจะต้องตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว จะให้แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดีอย่างแน่นอน ไม่ปล่อยให้มีการขโมยหนังสือเรียนออกไปขายต่อไป และหากพบเป็นการทำของเจ้าหน้าที่ภายในองค์การค้าฯ ลักลอบเอาออกไปขายก็ถือว่า ทุจริตและต้องโดนโทษวินัยอย่างร้ายแรงด้วย” นางพนิตากล่าว
ปลัด ศธ.กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังได้กำชับองค์การค้าฯ เรื่องการเช่าแท่นพิมพ์ ที่ตามแผนองค์การค้าฯ จะไม่จ้างโรงพิมพ์เอกชน รับช่วงงานพิมพ์หนังสือเรียนอีกต่อไป เพราะมีต้นทุนสูงแต่จะเปลี่ยนมาเช่าแท่นพิมพ์โรงพิมพ์เอกชนและให้พนักงานทำงานล่วงเวลาแทน เพื่อเพิ่มกำลังการพิมพ์หนังสือเรียนให้เสร็จทันเวลา โดยใช้งบประมาณค่าเช่าเรื่องและจ่ายโอทีประมาณ 280 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม มีการร้องเรียนเกรงว่าจะมีเกิดฮั้วการประมูลจัดเช่าเครื่องพิมพ์ขึ้น เพราะมีโรงพิมพ์เข้าร่วมการประมูลแค่ 2 บริษัท จึงได้มอบหมายให้องค์การค้าฯ ไปจัดหาโรงพิมพ์แห่งอื่นๆด้วย และทำการทดสอบศักยภาพการพิมพ์ของโรงพิมพ์ต่างๆ นำมาเปรียบเทียบ ซึ่งขณะนี้มีทั้งหมด 3 โรงพิมพ์ที่เสนอแท่นพิมพ์มาให้ทดสอบ โดยดูว่าโรงพิมพ์ใหญ่ที่มีแท่นพิมพ์จำนวนมากก็จะให้พิมพ์ในรายวิชาที่มาก ส่วนโรงพิมพ์ขนาดเล็กที่ส่งมาแท่นเดียว ก็ให้พิมพ์ในรายวิชาเดียว จะได้ไม่เป็นการผูกขาดให้โรงพิมพ์เดียว แต่เป็นการกระจายให้โรงพิมพ์อื่นๆ ได้มีงานทำด้วย ซึ่งจะได้ลดข้อครหาตรงนี้ไปด้วย
ขณะเดียวกัน มีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับคุณสมบัติของนายสมมาตร มีศิลป์ ผอ.องค์การค้าฯ มาด้วย เพราะตามกฎหมายนั้น ผอ.องค์การค้าฯ จะต้องไม่เคยให้ออกหรือถูกไล่ออก ซึ่งนายสมมาตรเคยถูกบอกเลิกสัญญาจ้างจากตำแหน่งผอ.องค์การค้าฯ ในสมัยนายชุมพล ศิลปอาชา เป็น รมว.ศึกษาธิการ เพราะฉะนั้นจะส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความว่านายสมมาตรขาดคุณสมบัติหรือไม่