พยาบาลลูกจ้างชั่วคราวยัน หยุดงานประท้วงแน่ 1-3 ม.ค.56 หากไม่ได้รับบรรจุเป็น ขรก.ทั้ง 17,000 คน ย้ำไม่ได้เอาคนไข้เป็นตัวประกัน แค่ต้องการขอความเห็นใจ ด้าน ผอ.รพ.อุ้มผาง เสนอเปลี่ยนเป็นพนักงาน กสธ.ทั้งหมด ตั้งแต่ปลัด สธ.ลงมา เชื่อไม่มีใครค้านแน่ จี้ ผู้บริหาร สธ.ตอบคำถามที่มาเงินค่าจ้าง หากเป็นเงินบำรุงโรงพยาบาล เชื่อเกิดปัญหาเหมือนเดิม
น.ส.วรรณวิภา ศรีหอมชัย ประธานภาคกลางเครือข่ายพยาบาลวิชาชีพลูกจ้างชั่วคราว กล่าวว่า ทางเครือข่ายฯขอยืนยันเหมือนเดิมว่า พยาบาลวิชาชีพลูกจ้างชั่วคราวทั้ง 17,000 คน จะขอบรรจุเป็นข้าราชการทั้งหมด และไม่ต้องการรอด้วยการเปลี่ยนสถานะเป็นพนักงานกระทรวงสาธารณสุข (พนักงาน กสธ.) เนื่องจากกลุ่มพยาบาลลูกจ้างชั่วคราวที่ออกมาเรียกร้องเป็นรุ่นที่ตกค้างรอการบรรจุมามากกว่า 5 ปี การโยกมาเป็นพนักงาน กสธ.ไม่ใช่คำตอบ แม้จะมีสิทธิสวัสดิการเทียบเท่าข้าราชการ แต่ยังคงใช้สิทธิประกันสังคม ซึ่งครอบครัว พ่อแม่ ลูก ไม่สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ และหากยังให้รอไปอีก อายุราชการก็จะลดน้อยลง โอกาสการเติบโตทางสายงานก็น้อยลง จึงไม่เป็นธรรมกับพวกตน
“กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ระบุว่า ในปี 2556 จะได้ตำแหน่งข้าราชการ 4,000 ตำแหน่งนั้น ไม่ใช่พยาบาลทั้งหมด แต่รวมวิชาชีพอีก 21 สายงาน ซึ่งจากการแบ่งสัดส่วนทราบว่า พยาบาลจะได้อยู่ที่ 1,000 คนเท่านั้น แม้จะมากกว่าวิชาชีพอื่นที่ได้ 100-300 คน แต่ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับพวกเราที่รอตำแหน่งมานานหลายปี ทั้งที่ก่อนหน้านี้ สธ.เคยรับปากว่าจะให้ตำแหน่งมากถึง 8,000 ตำแหน่งด้วยซ้ำ ขอยืนยันว่า หากสิ้น ธ.ค.นี้ไม่ได้รับคำตอบที่ดีพอ จะขอหยุดงานตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2556 เป็นเวลา 3 วัน” น.ส.วรรณวิภา กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การหยุดงานเหมือนเอาคนไข้เป็นตัวประกันหรือไม่ น.ส.วรรณวิภา กล่าวว่า ไม่เคยคิดเอาคนไข้เป็นตัวประกัน เพียงต้องการความเห็นใจถึงภาระงานของพยาบาลและสิ่งที่ได้รับตอบแทน ซึ่งไม่เป็นธรรม ที่สำคัญ การหยุดงานเป็นสิทธิที่ลูกจ้างชั่วคราวทำได้ โดยมีสิทธิหยุดงานได้ปีละ 10 วัน ซึ่งเครือข่ายพยาบาลฯ จะหยุด 3 วัน โดยเป็นการหยุดพร้อมกัน
นพ.วรวิทย์ ตันติวัฒนทรัพย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอุ้มผาง จ.ตาก เปิดเผยว่า ร่างระเบียบพนักงาน กสธ.เป็นเรื่องดีในการแก้ปัญหาบุคลากรสาธารณสุขที่รอบรรจุข้าราชการ แต่การที่เครือข่ายพยาบาลฯ ออกมายืนกรานไม่เอาร่างระเบียบนี้ เนื่องจากไม่มั่นใจว่าจะมั่นคงในวิชาชีพ และรู้สึกไม่เป็นธรรมหากกลุ่มหนึ่งได้บรรจุ อีกกลุ่มกลับต้องรอ แม้ สธ.จะยืนยันว่า ได้รับการบรรจุทุกคนก็ตาม เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจทุกฝ่าย แต่ฝ่ายพยาบาลลูกจ้างชั่วคราวยิ่งน่าเห็นใจ เพราะถือเป็นกระดูกสันหลังของโรงพยาบาล มีภาระงานที่หนัก การเรียกร้องความมั่นคงในวิชาชีพจึงเป็นสิ่งถูกต้อง และเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมอย่างแท้จริง ขอเสนอให้ปรับสถานภาพของทุกวิชาชีพ 21 สายงาน และบุคคลที่ได้รับสถานะเป็นข้าราชการแล้ว ควรเปลี่ยนเป็นพนักงาน กสธ.ทั้งหมด ไล่ตั้งแต่ปลัด สธ.ลงมาควรเป็นพนักงาน กสธ. ทำลักษณะคล้ายมหาวิทยาลัยที่ออกนอกระบบ หากทำได้เชื่อว่าไม่มีใครคัดค้านอีก
นพ.วรวิทย์ กล่าวอีกว่า ผู้บริหาร สธ.ต้องพูดเรื่องการจัดสรรงบประมาณเพื่อเป็นค่าตอบแทนค่าจ้างให้กับพนักงาน กสธ.ให้ชัดเจนด้วยว่า เป็นงบประมาณที่ขอรัฐบาลต่างหากหรือไม่ เพราะปัจจุบันเงินค่าจ้างลูกจ้างชั่วคราวเป็นเงินบำรุงของโรงพยาบาล หากโรงพยาบาลใดไม่ประสบปัญหาขาดทุนก็สามารถจ่ายค่าจ้างได้ไม่มีปัญหาหนี้ค้าง แต่โรงพยาบาลที่ประสบปัญหาทางการเงินอาจค้างเงินค่าจ้างได้ หาก สธ.ตั้งระเบียบนี้ขึ้นมา มีการปรับอัตราค่าจ้างต่างๆ แต่สุดท้ายหากหางบฯให้โรงพยาบาลได้ไม่ทั้งหมด หรือโรงพยาบาลต้องใช้เงินบำรุงออกไปก่อนก็จะทำให้เกิดปัญหาอีก อยากให้เงินดังกล่าวเป็นงบประมาณคงที่ที่ต้องได้ทุกปี และเพียงพอกับการจ้างพนักงาน กสธ.จริงๆ จึงอยากให้ผู้บริหาร สธ.ประกาศเรื่องนี้ให้ชัดเจนด้วย
