xs
xsm
sm
md
lg

จดหมายถึง “โอบามา” เตือนเจรจา TPP อย่าใช้คนไทยเซ่นบรรษัทข้ามชาติ ตอบแทนเงินช่วยเลือกตั้ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาคประชาสังคม จี้ “นายกฯปู” ชั่งข้อดีข้อเสียเจรจา TPP บนฐานประโยชน์สาธารณะ ไม่ยื่นหมูยื่นแมวเพื่อคงสิทธิพิเศษ GSP หวังไม่พลิกลิ้นนำ TPP เข้าหารือ “โอบามา” เย็นนี้ พร้อมทำจดหมายเปิดผนึกถึง ปธน.สหรัฐฯ อย่าใช้ชีวิตคนไทยสังเวยบรรษัทข้ามชาติตอบแทนเงินช่วยเลือกตั้ง ชี้ เอื้ออุตสาหกรรมยาข้ามชาติถีบราคายาสูงขึ้น ผูกขาดทำไรเจ้าเดียวนานขึ้น
บารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ (แฟ้มภาพ)
วันนี้ (18 พ.ย.) เมื่อเวลา 12.00 น.ที่ด้านหน้าสนามบินดอนเมือง ตัวแทนภาคประชาสังคมประกอบไปด้วย กลุ่มศึกษาเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (FTA Watch), เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย, คณะกรรมการองค์กรพัฒนาเอกชนด้านเอดส์, มูลนิธิเข้าถึงเอดส์, มูลนิธิศูนย์คุ้มครองสิทธิด้านเอดส์, เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก, ชมรมเพื่อนโรคไต, เครือข่ายเพื่อนมะเร็ง, มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค, มูลนิธิเภสัชชนบท, กลุ่มศึกษาปัญหายา, มูลนิธิชีววิถี, มูลนิธิบูรณะนิเวศ และมูลนิธิสุขภาพไทย เปิดการแถลงข่าวคัดค้านการประกาศเจตนารมณ์เข้าร่วมเจรจาความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) และจัดกิจกรรมต้อนรับประธานาธิบดี บารัค โอบามา ในการมาเยือนประเทศไทย

นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ เปิดเผยว่า รู้สึกยินดีที่นายกรัฐมนตรีรับทราบถึงความห่วงใยของภาคส่วนต่างๆ ต่อความตกลง TPP จึงได้ให้สัมภาษณ์เมื่อวานนี้ยืนยันว่า ในเย็นนี้จะไม่หยิบยกเรื่องนี้มาพูดคุยกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ และจะจัดให้มีการศึกษาและรับฟังความคิดเห็นอย่างรอบด้าน

เชื่อว่า นายกฯจะเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ ไม่พลิกลิ้น ไม่พูดอย่างทำอย่าง เพราะที่ผ่านมา คนไทยมีประสบการณ์กับการที่นักการเมืองไม่ว่าพรรคใดต่างก็มีพฤติกรรมที่เชื่อไม่ได้ การรับปากของนายกฯครั้งนี้ที่จะจัดให้มีการศึกษาและรับฟังความคิดเห็นต่อการเจรจาความตกลง TPP อย่างรอบด้าน ซึ่งนี่จะเป็นมิติใหม่ของกระบวนการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง หวังว่า นายกฯจะมีวิจารณญานในการชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียของ TPP และการเจรจาการค้าเสรีในกรอบอื่นๆ ให้อยู่บนฐานประโยชน์สาธารณะ ไม่ใช่แค่การส่งออกหรือการยื่นหมูยื่นแมวเพื่อคงสิทธิพิเศษ GSP ให้แก่ธุรกิจเท่านั้น” นายนิมิตร์ กล่าว

นายนิมิตร์ กล่าวอีกว่า ภาคประชาชนจะเดินหน้าตรวจสอบติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีความเป็นห่วงและเข้าใจว่า นายกฯเผชิญแรงกดดันจากกลุ่มธุรกิจส่งออก ซึ่งพยายามทำให้การเจรจาไม่โปร่งใส ไม่มีส่วนร่วม จึงต้องติดตามให้ภาควิชาการ หน่วยงานที่กำกับดูแลต่างๆ สื่อมวลชน เข้ามาร่วมตรวจสอบและศึกษาอย่างเต็มที่ให้เป็นจุดยืนของประเทศเพื่อใช้ในความตกลงต่างๆ ที่มีลักษณะเดียวกัน

ทั้งนี้ ภาคประชาสังคม 14 องค์กร ยังได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึงประธานาธิบดี บารัค โอบามา มีใจความว่า

“พวกเราภาคประชาสังคมไทยยินดีต้อนรับการเดินทางมาเยือนประเทศไทยของท่านครั้งนี้ เราทราบดีว่า ใน 3-4 ปีที่ผ่านมา สหรัฐฯได้เผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ครั้งหนึ่ง ซึ่งท่านให้สัญญาประชาคมว่า จะเข้ามาจัดการเอาผิดกับพวกวอลล์สตรีทและให้ความสนใจกับเมนสตรีทที่ไม่ใช่พวกคนรวย 1% ขณะเดียวกัน คนอเมริกันมากกว่า 50 ล้านคน เข้าไม่ถึงการรักษา สหรัฐฯเป็นประเทศพัฒนาแล้วเพียงประเทศเดียวที่ไม่มีระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งท่านก็รับปากว่าจะใช้ ObamaCare ทำให้พวกเขาเข้าถึงการรักษา

อย่างไรก็ตาม การที่ท่านพยายามผลักดันความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) โดยชักชวนประเทศไทยให้เข้าร่วมด้วยนั้น สวนทางกับสิ่งที่ท่านรับปากไว้กับประชาชนอเมริกันโดยสิ้นเชิง มิหนำซ้ำยังทำให้ประชาชนในประเทศต่างๆ ที่อยู่ในความตกลงนี้ต้องรับชะตากรรมเช่นเดียวกับอเมริกันชน

จากเนื้อหาการเจรจาที่หลุดรอดออกมาสู่สาธารณะ ชี้ให้เห็นว่า ความตกลง TPP จะก่อให้เกิดผลกระทบดังนี้
- จะช่วยอุตสาหกรรมยาข้ามชาติถีบราคายาทั้งในและต่างประเทศให้สูงขึ้น และผูกขาดทำกำไรแต่เพียงเจ้าเดียวอย่างยาวนานยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีบทว่าด้วยยาที่จำกัดการต่อรองราคายาและทำลายความพยายามในการควบคุมการใช้ยาอย่างเหมาะสมในระบบสุขภาพ
- เพิ่มอำนาจบรรษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่ให้ไปจัดการทำลายกฎหมายภายในประเทศต่างๆ และนโยบายสาธารณะต่างๆ ที่ทำหน้าที่คุ้มครองสุขภาพประชาชนจากสินค้าทำลายสุขภาพ เช่น บุหรี่ และแอลกอฮอล์ และการรักษาสิ่งแวดล้อมและฐานทรัพยากรด้วยการฟ้องร้องผ่านอนุญาโตตุลาการ
- บ่อนทำลายความมั่นคงทางการเงินของประเทศ ด้วยการจำกัดสิทธิของประเทศในการใช้มาตรการและนโยบายเงินทุนเคลื่อนย้ายเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองผู้บริโภค
- ทำลายเสรีภาพทางอินเตอร์เนตด้วยการสอดไส้เนื้อหาจำกัดสิทธิประชาชนในนามของการป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ผ่านความตกลงนี้
- ทำลายหลักการว่าด้วยความโปร่งใสด้วยการปิดหูปิดตาสาธารณชน ไม่ให้ล่วงรู้เนื้อหาและผลกระทบที่จะเกิดจากความตกลงฯ แต่กลับอนุญาตให้ตัวแทนธุรกิจเข้าไปร่วมการเจรจา

เราตระหนักดีว่า PhRMA และอุตสาหกรรมยายักษ์ใหญ่ รวมทั้งบรรดาผู้ร้ายทางการเงินในวอลล์สตรีทเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินรายใหญ่ในการเลือกตั้งของท่าน พวกเขาให้เงินสนับสนุนท่านในการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งนี้มากเสียยิ่งกว่าการเลือกตั้งเมื่อปี 2008 ท่านจึงต้องตระบัดสัตย์ต่อคนอเมริกันด้วยการเอาภาษีของประชาชนอุ้มธุรกิจของพวกเขา และสร้าง ObamaCare ที่อุตสาหกรรมยายังคงทำกำไรได้ต่อไปโดยที่อเมริกันชนได้ประโยชน์น้อยมาก

แต่จงอย่าใช้ชีวิตของประชาชนในประเทศของเราเป็นเสมือนเสื้อชูชีพให้กับเศรษฐกิจที่ล้มเหลวของอเมริกัน หรือเป็นบรรณาการตอบแทนอำนาจเงินของทุนเหล่านี้ที่ทำให้ท่านกลับมาทำเนียบขาวอีกครั้ง ทั้งๆ ที่ไม่สามารถรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนได้แม้แต่เรื่องเดียว

จงกลับไปทำตามคำมั่นสัญญาที่ท่านให้ไว้กับประชาชน สร้างงานให้คนอเมริกัน ไม่ใช่ด้วยเลือดเนื้อของคนในชาติอื่น กำกับและควบคุมสถาบันการเงินและวาณิชธนกิจทั้งหลาย ไม่ใช่ปล่อยให้พวกมันมีอำนาจล้นฟ้า ควบคุมพฤติกรรมบริษัทยาให้มีจริยธรรมและแสวงหากำไรแต่พอควร และสร้างความโปร่งใส เลิกปิดหูปิดตาประชาชน และที่สำคัญที่สุด จงเลิกคุกเข่ารับคำสั่งทุกครั้งที่ได้ยินเสียงเรียกของพวกบรรษัทขนาดใหญ่ (stop hitting your knees on the floor when corporations knock on your door)”

นอกจากนี้ ยังได้จัดกิจกรรมการแสดงให้บุคคลสวมหน้ากากนายกรัฐมนตรีไทย และประธานาธิบดีสหรัฐฯ เซ็น TPP ร่วมกันจากนั้นคนที่อยู่รอบข้างผู้นำทั้งสองก็ทยอยล้มตาย โดยมีป้ายข้อความว่า TPP ชำเราประชาชนด้วยข้ออ้างเศรษฐกิจ และ US Hand off our medicines
กำลังโหลดความคิดเห็น