“ชินวรณ์” ขอเลื่อนให้ปากคำดีเอสไอ อ้างได้รับหมายเรียกกระชั้นไม่มีเวลาเตรียมเอกสาร ขณะที่ดีเอสไอนัด 2 ขรก.อาชีวะ เข้าให้ปากคำวันนี้เช่นกัน หากไม่มาจะออกหมายเรียกอีกครั้ง ด้าน “พงศ์เทพ” คาด เร็วๆ นี้ จะได้ข้อมูลจากดีเอสไอ ปัดยังไม่รู้ข้อมูลสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการสมัยที่ “สุชาติ” ตั้งขึ้น ย้ำ การสอบสวนวินัยที่ทำอยู่ก็ให้ดำเนินการต่อไป ชี้ อาจจะมีชื่อผู้ถูกสอบวินัยมากกว่าที่ดีเอสไอระบุได้
วันนี้ (15 พ.ย.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ท.ถวัล มั่งคั่ง หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีทุจริตจัดซื้อครุภัณฑ์อาชีวะตามโครงการไทยเข้มแข็ง ระยะที่ 2 หรือ เอสพี 2 ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) กล่าวถึงกรณีออกหมายเรียกผู้เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าวจำนวน 4 ราย ได้แก่ นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ อดีต รมว.ศึกษาธิการ น.ส.นริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ อดีต รมช.ศึกษาธิการ นายเจี่ยง วงศ์สวัสดิ์สุริยะ ผอ.สำนักนโยบายและแผนการอาชีวศึกษา และ นายบำรุง อร่ามเรือง ผอ.วิทยาลัยเทคนิคพระนครศรีอยุธยา เข้าให้ปากคำในวันนี้ (15 พ.ย.) ว่า นายชินวรณ์ ได้มอบหมายให้ทนายความเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อยื่นหนังสือขอเลื่อนการให้ปากคำเป็นช่วงปลายเดือนนี้ โดยให้เหตุผลว่า ได้รับหมายเรียกในเวลากระชั้นชิด จึงขอเวลาเตรียมเอกสารชี้แจง ดังนั้น พนักงานสอบสวนจึงจะประชุมเพื่อกำหนดวันนัดเข้าให้ปากคำอีกครั้ง
ส่วนที่เหลืออีก 3 ราย ดีเอสไอยังไม่ได้รับการติดต่อว่าจะเข้าให้ปากคำหรือไม่ โดยดีเอสไอกำหนดให้ นายเจี่ยง และ นายบำรุง เข้าให้ปากคำในเวลา 14.00 น.ของวันนี้ อย่างไรก็ตาม หากไม่มาตามหมายเรียก พนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียกให้เข้าพบอีกครั้ง และหากยังไม่มาตามกำหนดนัดหมายพนักงานสอบสวนจะส่งสำนวนให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รับไปดำเนินการต่อ เพราะมีกรอบกำหนดเวลาที่ดีเอสไอต้องส่งสำนวนให้ ป.ป.ช.ภายใน 30 วัน
ด้าน น.ส.นริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ อดีต รมช.ศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ว่า ตนยังไม่ได้รับหนังสือเรียกดังกล่าวจากพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ หากประสงค์จะเรียกไปให้ถ้อยคำ ตนก็พร้อมจะให้ความร่วมมือ เพราะมั่นใจว่า มิได้กระทำผิดดังที่มีการกล่าวหา ขอให้ส่งหนังสือนัดหมายอย่างเป็นทางการมาให้ตนอีกครั้ง การที่ตนทราบข่าวนี้จากสื่อสารมวลชนนั้น คงไม่ใช่เป็นการเรียกอย่างเป็นทางการตามกฎหมาย เพราะยังไม่ทราบว่าต้องการทราบข้อมูล และต้องการหลักฐานในประเด็นใดบ้าง จะได้เตรียมจัดไปให้ถูกต้อง เพื่อพิสูจน์ว่าตนเองมิได้มีส่วนเกี่ยวข้อง
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้ทำหนังสือถึงดีเอสไอเพื่อขอข้อมูลแล้วคาดว่าน่าจะได้คำตอบมาในเร็วๆ นี้ ส่วนการสอบสวนทางวินัยที่มีการดำเนินการอยู่นั้นก็ให้ทำต่อไป โดยยืนยันจะทำเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านั้น ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีต รมว.ศึกษาธิการ เคยได้ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการจัดซื้อครุภัณฑ์อาชีวศึกษา มีปลัดยุติธรรม เป็นประธาน ซึ่งผลการสอบสวนดังกล่าวยังไม่เคยมีการเปิดเผย โดย อดีต รมว.ศึกษาธิการ บอกเพียงว่า ได้ส่งไปยังนายกรัฐมนตรีแล้ว นายพงศ์เทพ กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว และยังไม่มีโอกาสได้คุยกับนายกรัฐมนตรีในเรื่องนี้ แต่ขอให้ทำความเข้าใจ ว่า การสอบสวนของดีเอสไอเป็นการสอบสวนทางอาญาเท่านั้น แต่การสอบทางวินัยนั้นอาจจะมีชื่อผู้ที่ต้องถูกสอบทางวินัยมากกว่าที่ดีเอสไอระบุก็ได้
นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าวว่า สอศ.ได้ทำหนังสือถึงดีเอสไอ เพื่อขอข้อมูลแล้ว หากได้ข้อมูลมาก็จะมาพิจารณาว่ามีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดทางวินัยหรือไม่ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป หากข้อมูลของดีเอสไอ ชี้ว่า มีมูลความผิดทางวินัยด้วยก็จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย แต่เท่าที่ดูกรณีดังกล่าวอาจไม่จำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงก็ได้ เพราะมีการตั้งมาหลายคณะแล้ว ส่วนที่จะให้ข้าราชการทั้ง 2 ออกจากราชการก่อนหรือไม่ รมว.ศึกษาธิการ บอกกับตนว่าให้รอข้อมูลจากดีเอสไอก่อน เพราะต้องให้ความเป็นธรรมกับข้าราชการด้วย