“พนิตา” เชื่อปรับ ครม.ไม่กระทบการทำงาน ชี้ “พงศ์เทพ” เป็นนัก กม.และเป็นคนสุภาพมั่นใจทำงานกับคณาจารย์ได้ดี และคงไม่ต้องปรับอะไรมาก เพราะนโยบายจากพรรคเดียวกัน เช่นเดียวกับ “สมคิด” เชื่อมั่นว่าที่ รมว.และ รมช.ศึกษาฯ ผลักดันงาน ศธ.ได้เร็วขึ้น
นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงกรณีที่จะมีการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นั้นมีชื่อนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา มาเป็น รมว.ศึกษาธิการ แทน ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช และมีชื่อ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช มาเป็น รมช.ศึกษาธิการ ว่า การปรับ ครม.นี้ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่องานของ ศธ.เพราะประเทศไทยโดยปกติงานเดินด้วยระบบข้าราชการประจำอยู่แล้ว มีบางจังหวะที่ ศธ.ไม่เคยมีรัฐมนตรี ข้าราชการก็ทำงานประจำไป แต่ครั้งนี้ถึงจะมีการปรับเปลี่ยนตัว รมว.ศึกษาธิการ แต่ก็ยังคงเป็นรัฐบาลเดิม ดังนั้น ส่วนราชการก็ยังถือปฏิบัติไปตามนโยบายเดิม อย่างไรก็ตาม เมื่อ รัฐมนตรีใหม่เข้ามาดำรงตำแหน่ง ก็จะมีการรวมพลังคนใน ศธ.เพื่อชี้แจงข้อมูลงานของ ศธ.พร้อมทั้งสรุปให้เห็นว่า ศธ.ได้เดินตามนโยบาย รัฐบาลแต่ละเรื่องไปแค่ไหนแล้ว
ทั้งนี้ ที่มีข่าวว่า นายพงศ์เทพ มาเป็น รมว.ศึกษาฯนั้น ความจริงแล้ว นายพงศ์เทพ เป็นนักกฎหมายและมีความสุภาพ เพราะฉะนั้นจะทำงานกับคนใน ศธ.ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคณาจารย์ก็น่าไปกันได้ดีกับ รัฐมนตรีที่มีความสุภาพ และเชื่อว่า การทำงานของ ศธ.ภายใต้การทำงานของ รัฐมนตรีใหม่ ก็น่าจะไม่มีการปรับเปลี่ยนมาก เพราะอยู่ภายใต้นโยบายรัฐบาลเดียวกันเพียงแต่วิธีการทำงานเท่านั้นที่อาจมีเปลี่ยนแปลงไปตามสไตล์ รัฐมนตรีแต่ละคน
ด้าน ศ.ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ว่า เท่าที่เห็นรายชื่อ ว่าที่ รมว.ศึกษาฯ และ รมช.ศึกษาธิการ เชื่อว่า จะเข้ามาทำให้งาน และตัดสินใจเรื่องสำคัญผลักดันงานต่างๆ ของ ศธ.พัฒนาไปได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะ นายพงศ์เทพ ซึ่งเป็นอดีตผู้พิพากษามีความรู้ความสามารถ และมีหลักคิดเป็นเหตุ เป็นผล ตรงไป ตรงมา จึงเชื่อว่าจะมีความเข้าใจในธรรมชาติของมหาวิทยาลัย และจะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่ยังค้างอยู่ ไม่ว่าจะเป็น กรณีเงินสบทบการก่อสร้างของมหาวิทยาลัยที่ยังไม่มีความคืบหน้า
ส่วน นายเสริมศักดิ์ เคยอยู่ในตำแหน่งอดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย (มท.) และอดีต รมช.มหาดไทย ก็เช่นเดียวกัน จุดเด่นของทั้งสองคนนี้คือ เป็นผู้ที่ตัดสินใจเร็วทั้งคู่ เชื่อว่า จะสามารถทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยได้อย่างไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตาม ในส่วนของอุดมศึกษานั้นมีบางเรื่องที่ ว่าที่ รมว.และ รมช.ศึกษาธิการ ทั้งสองท่านอาจจะต้องมาเร่งรัดกระบวนการให้เร็วขึ้น อาทิ เรื่องการแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งทางวิชาการ และเรื่องสำคัญคือ อยากฝากว่า ทำอย่างไรมหาวิทยาลัย จึงจะได้รับงบวิจัยเพิ่มขึ้น เพราะงานวิจัยมีส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศ