สธ.ชี้ อัตราการแพร่กระจายโรคคอตีบ ชะลอตัว เพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันควบคุมโรคคอตีบ และจำกัดวงระบาด ควบคุม 16 จังหวัดเสี่ยงให้ได้เร็วที่สุด ยืนยันวัคซีนเพิ่มภูมิคุ้มกัน 700,000 โดส มีเพียงพอแก่ผู้ป่วยทุกราย
วันนี้ (9 พ.ย.) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์ โสภณ เมฆธน รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานวอร์รูมควบคุมป้องกันโรคคอตีบ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมติดตามสถานการณ์ และการควบคุมป้องกันโรคคอตีบของคณะกรรมการและคณะทำงาน ว่า จากการวิเคราะห์สถานการณ์ของโรคคอตีบพบว่า อัตราการแพร่กระจายชะลอตัว เนื่องจาก สธ.มีระบบการป้องกันควบคุมโรคที่ดี โดยทำงานเชิงรุก ค้นหาผู้ป่วยและผู้สัมผัสเชื้อมารับการรักษาอย่างรวดเร็ว
นพ.โสภณ กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.จนถึงวันนี้ ทั่วประเทศพบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโรคคอตีบรวม 36 ราย เสียชีวิต 2 ราย ขณะนี้ได้เน้นย้ำให้ 16 จังหวัด ที่เป็นพื้นที่ที่พบผู้ป่วย ผู้สงสัยป่วย และพื้นที่ที่อยู่ติดกันซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยง ได้แก่ จังหวัดเลย อุดรธานี หนองบัวลำภู เพชรบูรณ์ พิษณุโลก เชียงราย น่าน อุตรดิตถ์ พิจิตร หนองคาย บึงกาฬ ขอนแก่น ชัยภูมิ สกลนคร นครราชสีมา และ สุราษฎร์ธานี ให้ดำเนินการตามมาตรการของสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง ทั้งการป้องกันควบคุมโรค จำกัดการแพร่ระบาด และการตรวจรักษาผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันการเสียชีวิตให้มากที่สุด เนื่องจากโรคนี้มียารักษาหายขาด และเป็นยาปฏิชีวนะที่มีในโรงพยาบาลทุกแห่งอยู่แล้ว
นพ.โสภณ กล่าวต่อว่า ในการเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันควบคุมโรคคอตีบ และจำกัดวงระบาดให้ได้เร็วที่สุด ได้ให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จัดทีมเจ้าหน้าที่ ติดตามมาตรฐานห้องปฏิบัติการของโรงพยาบาลต่างๆ และศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ในการตรวจยืนยันเชื้ออย่างรวดเร็ว แม่นยำทั่วประเทศ เพื่อประกอบการวินิจฉัยของแพทย์อย่างรวดเร็ว ด้านการรักษาได้ตั้งทีมที่ปรึกษาซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญจากกรมการแพทย์ และหน่วยงานภายนอก เช่น โรงพยาบาลรามาธิบดี ให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์ตลอด 24 ชั่วโมง ส่งทีมแพทย์เชี่ยวชาญไปฟื้นฟูความรู้ด้านการวินิจฉัยโรคแก่ทีมแพทย์ พยาบาลในพื้นที่ 16 จังหวัดที่กล่าวมา และในวันที่ 14 พ.ย.นี้ จะจัดอบรมแพทย์อายุรกรรม กุมารแพทย์ และเจ้าหน้าที่ด้านการป้องกันควบคุมโรค จากโรงพยาบาลรัฐและเอกชนทั่วประเทศ และกทม.ซึ่งจะทำให้การดูแลรักษาผู้ป่วยเป็นไปอย่างรวดเร็ว มีมาตรฐานเดียวกัน
“สำหรับวัคซีนป้องกันโรคคอตีบที่หลายฝ่ายกังวลว่าอาจไม่เพียงพอนั้น ขอเรียนว่า จะไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน ขณะนี้สาธารณสุขได้สำรองไว้ประมาณ 700,000 โดส เพื่อฉีดให้แก่กลุ่มเด็กและหญิงตั้งครรภ์ตามระบบปกติ รวมทั้งฉีดให้ประชาชนในพื้นที่พบผู้ป่วย และได้มอบหมายให้องค์การเภสัชกรรมดำเนินการจัดหาวัคซีนให้เพียงพอต่อแผนการใช้ตั้งแต่ พ.ย.55 - พ.ค.56 รวม 13 ล้านโด๊ส ส่วนยาที่ใช้รักษาหากมีผู้ป่วยคือ ยาต้านพิษหรือแอนตีทอกซิน และยาปฏิชีวนะ นั้นมีเพียงพอไม่มีปัญหาแต่อย่างใด” รองปลัดสาธารณสุข กล่าว
นพ.โสภณ กล่าวปิดท้ายว่า ขอความร่วมมือในส่วนของประชาชนให้ผู้ปกครองพาเด็กไปรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคคอตีบให้ครบตามนัด พร้อมนำสมุดบันทึกสุขภาพแม่และเด็กที่ได้รับแจกให้ตั้งแต่ตั้งครรภ์หรือหลังคลอดไปด้วยทุกครั้ง หากพบว่า เด็กยังไม่ได้รับวัคซีนตามกำหนด ขอให้รีบปรึกษาเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่อยู่ใกล้บ้าน และให้รักษาความสะอาดส่วนบุคคล โดยโรคคอตีบนี้เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ เชื้อจะอยู่ในละอองน้ำมูกน้ำลายของผู้ป่วย ดังนั้น จึงขอให้ล้างมือฟอกสบู่บ่อยๆ ซึ่งจะสามารถกำจัดเชื้อโรคต่างๆ ได้ร้อยละ 70-80 กินร้อน ใช้ช้อนกลาง ไม่ใช้มือหยับจับอาหารเข้าปาก ไม่ใช้แก้วน้ำ หลอดดูดน้ำ หรือผ้าเช็ดตัวร่วมกับผู้อื่น และหลีกเลี่ยงการอยู่รวมกันในที่แออัด หากมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ ให้คาดหน้ากากอนามัยป้องกันเชื้อแพร่สู่คนอื่น หากอาการไม่ดีขึ้นใน 2 วันขอให้ไปโรงพยาบาล