มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ล่า 5.6 หมื่นรายชื่อ ยื่น “นายกฯปู” ตั้ง พ.ร.บ.องค์การอิสระฯ ของบ 3 บาทต่อหัว ทำกองทุนดูแลผู้บริโภค วอนอย่าตัดความสามารถตรวจเอกชน และแฉรายชื่อสินค้า-บริการที่ละเมิดสิทธิผู้บริโภค ด้านเครือข่ายผู้เสียหายฯ โดดแจมร่วมผลักดัน บอกเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วย
วันนี้ (13 ต.ค.) ที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวภายในงานแถลงข่าว “15 ปีของประชาชน 2 ปี การพิจารณากฎหมายในสภา : พ.ร.บ.องค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค” ว่า มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและเครือข่ายภาคประชาชนได้รวบรวมรายชื่อประชาชน 56,000 รายชื่อ เพื่อยื่นต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 24 ต.ค.นี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้ช่วยผลักดันร่าง พ.ร.บ.องค์การอิสระฯ ให้เป็นจริง และไม่ถูกแทรกแซง เนื่องจากการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมของสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พบว่า มีความพยายามตัดตอนเนื้อหาสำคัญของการทำงาน อาทิ ความสามารถในการตรวจสอบบริษัท หรือธุรกิจเอกชนในการคุ้มครองผู้บริโภค และความสามารถในการเปิดเผยรายชื่อสินค้าหรือบริการที่ละเมิดสิทธิผู้บริโภค ซึ่งหากถูกตัดไปกฎหมายดังกล่าวก็ไม่มีประโยชน์
“ขอวอนนายกฯ ให้ช่วยสนับสนุน และอย่าให้มีการตัดตอนการทำงาน เพราะหากไม่สามารถตรวจสอบธุรกิจที่ส่งผลต่อผู้บริโภค ก็ถือว่าไม่มีประโยชน์ อย่างไรก็ตาม สำหรับกฎหมายดังกล่าว ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเฉพาะเพื่อดูแลผู้บริโภคทุกคนไม่ให้ถูกเอาเปรียบ โดยจะมีกองทุนการทำงาน ซึ่งกฎหมายได้กำหนดของบประมาณที่เป็นอิสระ ด้วยการสนับสนุนขั้นต่ำในแต่ละปีไม่น้อยกว่า 3 บาทต่อหัวประชากร จากประชากรทั้งประเทศ ซึ่งไม่มาก เพื่อผู้บริโภคทุกคน” เลขาฯมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าว
นางปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา ประธานเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ตนผลักดันร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข แต่กลับถูกดองไว้ในสภา แม้จะมีการติดตามเรื่อง โดยสภามอบให้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นำไปปรับปรุงร่างกฎหมายเพื่อเกิดการยอมรับทั้งฝ่ายแพทย์และคนไข้ แต่ สธ.กลับตั้งคณะกรรมการพิจารณาและปรับปรุงร่างกฎหมายฉบับนี้อย่างไม่เป็นธรรม โดยมีแพทย์ทั้งหมด 11 คน แต่ไม่มีตัวแทนคนไข้เลย แม้ตนจะคัดค้านแต่จนบัดนี้ ก็ยังไม่เป็นผล ดังนั้น หากมีการผลักดันร่าง พ.ร.บ.องค์การอิสระฯ ก็จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยด้วย ในแง่หากเกิดปัญหาทางแพทย์ กฎหมายนี้สามารถเป็นตัวแทนฟ้องร้องหรือดำเนินคดีได้ ดังนั้น จึงวอนสภาไทยช่วยพิจารณาร่างกฎหมายให้แล้วเสร็จ
วันนี้ (13 ต.ค.) ที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวภายในงานแถลงข่าว “15 ปีของประชาชน 2 ปี การพิจารณากฎหมายในสภา : พ.ร.บ.องค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค” ว่า มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและเครือข่ายภาคประชาชนได้รวบรวมรายชื่อประชาชน 56,000 รายชื่อ เพื่อยื่นต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 24 ต.ค.นี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้ช่วยผลักดันร่าง พ.ร.บ.องค์การอิสระฯ ให้เป็นจริง และไม่ถูกแทรกแซง เนื่องจากการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมของสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พบว่า มีความพยายามตัดตอนเนื้อหาสำคัญของการทำงาน อาทิ ความสามารถในการตรวจสอบบริษัท หรือธุรกิจเอกชนในการคุ้มครองผู้บริโภค และความสามารถในการเปิดเผยรายชื่อสินค้าหรือบริการที่ละเมิดสิทธิผู้บริโภค ซึ่งหากถูกตัดไปกฎหมายดังกล่าวก็ไม่มีประโยชน์
“ขอวอนนายกฯ ให้ช่วยสนับสนุน และอย่าให้มีการตัดตอนการทำงาน เพราะหากไม่สามารถตรวจสอบธุรกิจที่ส่งผลต่อผู้บริโภค ก็ถือว่าไม่มีประโยชน์ อย่างไรก็ตาม สำหรับกฎหมายดังกล่าว ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเฉพาะเพื่อดูแลผู้บริโภคทุกคนไม่ให้ถูกเอาเปรียบ โดยจะมีกองทุนการทำงาน ซึ่งกฎหมายได้กำหนดของบประมาณที่เป็นอิสระ ด้วยการสนับสนุนขั้นต่ำในแต่ละปีไม่น้อยกว่า 3 บาทต่อหัวประชากร จากประชากรทั้งประเทศ ซึ่งไม่มาก เพื่อผู้บริโภคทุกคน” เลขาฯมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าว
นางปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา ประธานเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ตนผลักดันร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข แต่กลับถูกดองไว้ในสภา แม้จะมีการติดตามเรื่อง โดยสภามอบให้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นำไปปรับปรุงร่างกฎหมายเพื่อเกิดการยอมรับทั้งฝ่ายแพทย์และคนไข้ แต่ สธ.กลับตั้งคณะกรรมการพิจารณาและปรับปรุงร่างกฎหมายฉบับนี้อย่างไม่เป็นธรรม โดยมีแพทย์ทั้งหมด 11 คน แต่ไม่มีตัวแทนคนไข้เลย แม้ตนจะคัดค้านแต่จนบัดนี้ ก็ยังไม่เป็นผล ดังนั้น หากมีการผลักดันร่าง พ.ร.บ.องค์การอิสระฯ ก็จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยด้วย ในแง่หากเกิดปัญหาทางแพทย์ กฎหมายนี้สามารถเป็นตัวแทนฟ้องร้องหรือดำเนินคดีได้ ดังนั้น จึงวอนสภาไทยช่วยพิจารณาร่างกฎหมายให้แล้วเสร็จ
