สธ.แนะช่วงกินเจ ปชช.ต้องใส่ใจความสะอาด ตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบยันรับประทาน ย้ำ ต้องกินให้ครบ 5 หมู่ เว้นอาหารหมักดอง พร้อมจับมือองค์กรปกครองท้องถิ่นดูแลร้านอาหารและแผงลอยในการปรุงอาหารเจให้ถูกหลักสุขาภิบาล
วันนี้ (11 ต.ค.) ที่ชุมชนซอยอิสรานุภาพ ศาลเจ้าเล้งป๋วยเอี๊ยะ ถนนเยาวราช เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังการรณรงค์กินเจถูกอนามัย อิ่มบุญ อิ่มใจ สุขภาพดี ว่า ประชาชนควรคำนึงถึงความสะอาดในการเลือกซื้อ หรือบริโภคอาหารในช่วงเทศกาลถือศีลกินเจ โดยกระบวนการเตรียมวัตถุดิบ ผักและผลไม้ที่นำมาใช้ปรุงอาหารหรือกินสด ต้องล้างด้วยน้ำสะอาด 2-3 ครั้ง ด้วยการเปิดน้ำไหลผ่านอย่างน้อย 2 นาที หรืออาจใช้สารละลายอื่นๆ ช่วยในการล้าง เช่น น้ำเกลือ น้ำปูน คลอรีน น้ำส้มสายชู หรือน้ำยาล้างผักที่มีเครื่องหมาย อย.รับรอง เพื่อล้างสารเคมีที่ตกค้าง ทราย ดิน และสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ในผัก ผลไม้ นอกจากนี้ อาหารที่ปรุงประกอบแต่ละชนิดต้องมีการป้องกันการปนเปื้อนระหว่างอาหารดิบและอาหารสุกผ่านอุปกรณ์ต่างๆ เช่น มีด เขียง รวมทั้งมือของผู้ปรุง ผู้เสิร์ฟ และควรปรุงสุกด้วยความร้อน พร้อมทั้งปกปิดอาหารเพื่อป้องกันฝุ่นละอองและแมลง สำหรับร้านที่ขายอาหารเจบรรจุถุงควรมีการอุ่นร้อนทุกๆ 4 ชั่วโมง และหลีกเลี่ยงการใช้น้ำมันทอดซ้ำที่อาจส่งผลต่อสุขภาพ ส่วนผู้บริโภคที่ซื้ออาหารถุงก็ควรมีการอุ่นร้อนก่อนบริโภคด้วยเช่นกัน
นพ.สุรวิทย์ กล่าวอีกว่า การบริโภคอาหารในแต่ละมื้อควรกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ควบคู่กับการกินผักให้หลากหลาย โดยเฉพาะอาหารที่ให้สารอาหารโปรตีนที่ได้จากถั่วเมล็ดแห้งและธัญพืชต่างๆ หรือเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการโดยเลือกกินข้าวกล้องแทนข้าวขาว กินผักที่หลากหลายชนิดโดยเฉพาะแครอทและผักใบเขียวจัด ซึ่งมีใยอาหารต้านอนุมูลอิสระ ได้แก่ เบต้าแคโรทีน วิตามินซีและวิตามินอี เพื่อช่วยขจัดสิ่งแปลกปลอม หรือเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย ควรหลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง เช่น ผักดอง ผลไม้ดอง อาหารประเภทเครื่องกระป๋อง อาหารสำเร็จรูป อาหารแปรรูป ให้กินอาหารสดที่ปรุงใหม่ๆ จะให้คุณประโยชน์ต่อร่างกายได้มากกว่า นอกจากนี้ การปรุงประกอบอาหารควรปรุงด้วยการต้ม นึ่ง ย่าง ยำ อบ และต้องลดหวาน มัน เค็ม เพื่อสุขภาพที่ดี ลดเสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังต่างๆ อาทิ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หัวใจ และอ้วนลงพุง เป็นต้น และในแต่ละวันควรมีการออกกำลังกาย อย่างน้อยสัปดาห์ละ 5 วันๆ ละ 30 นาที - 1 ชั่วโมง เพื่อเป็นการเผาผลาญอาหาร
“สิ่งสำคัญคือ ความปลอดภัยด้านอาหาร วัตถุดิบในการปรุงควรมาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น ซื้อวัตถุดิบจากตลาดสดที่ผ่านการรับรองเป็นตลาดสด น่าซื้อ จากกรมอนามัย ส่วนเครื่องปรุงรสต้องมีเครื่องหมายรับรองของทางราชการ เช่น อย. มอก. เป็นต้น และเพื่อความสร้างมั่นใจให้กับผู้บริโภคอาหารนอกบ้าน ควรเลือกซื้ออาหารเจจากร้านที่มีป้ายสัญลักษณ์อาหารสะอาด รสชาติอร่อย หรือ Clean Food Good Taste” รมช.สาธารณสุข กล่าว
นพ.สุรวิทย์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับร้านอาหารและแผงลอยที่ปกติจำหน่ายอาหารทั่วไป แต่ในช่วงเทศกาลกินเจได้มีการปรุงอาหารเจจำหน่ายนั้น สธ.ได้ประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการเข้าไปดูแลให้คำแนะนำในการปรุง ประกอบ และจำหน่ายอาหารให้ถูกหลักสุขาภิบาลอาหาร เช่น อาหารที่จำหน่ายต้องมีการปกปิดวางสูงจากพื้นอย่างน้อย 60 เซนติเมตร ใส่ในภาชนะที่ปลอดภัย ผู้ปรุง ผู้จำหน่ายต้องแต่งกายด้วยเสื้อมีแขน ผูกผ้ากันเปื้อน สวมหมวกคลุมผม เล็บสั้น ใช้อุปกรณ์ในการหยิบจับอาหารไม่ใช้มือหยิบจับโดยตรง ถือเป็นการสร้างสุขอนามัยทีดีให้กับผู้ขายและผู้บริโภคด้วย
