กพย.หนุน ก.คลัง ยกเลิกเบิกกลูโคซามีน ชี้ประสิทธิภาพยาไม่ชัดเจน แต่มีราคาแพง ย้ำ เป็นการคุ้มครองผู้บริโภคมากกว่าลิดรอนสิทธิผู้ป่วย “นิมิตร์” ยันช่วยลดความเหลื่อมล้ำระบบสุขภาพ จวกแพทย์พาณิชย์หากินบรรษัทยาข้ามชาติ ครอบงำความเชื่อยาดีราคาต้องแพง แอบจ่ายยาฟุ่มเฟือยให้ผู้ป่วย ทำกำไรบนชีวิตคน
ผศ.ภญ.นิยดา เกียรติยิ่งอังศุลี ผู้จัดการแผนงานพัฒนากลไกเฝ้าระวังระบบยา (กพย.) กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงการคลังประกาศยกเลิกการให้เบิกค่ายากลูโคซามีนซัลเฟต ในสิทธิรักษาพยาบาลของสวัสดิการข้าราชการ ว่า กพย.ทำหน้าที่เฝ้าระวังระบบยาที่มีผลกระทบต่อประชาชนในมิติต่างๆ และได้ติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอด ขอสนับสนุนว่า เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะเป็นการตัดสินใจบนข้อมูลวิชาการและหลักฐานเชิงประจักษ์อย่างแท้จริง เนื่องจากการทบทวนผลการศึกษาวิจัยเท่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน พบว่าประสิทธิภาพของยาไม่แน่ชัด แต่กลับมีค่าใช้จ่ายสูง จึงไม่คุ้มค่าที่จะใช้
“การทบทวนประสิทธิภาพและความคุ้มค่าของยาในครั้งนี้ มีความเข้มงวดกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา คือ หลังการทบทวนของคณะกรรมการวิชาการแล้ว ยังเปิดโอกาสให้ราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ฯ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านโรคข้อและกระดูก ได้ทำการศึกษาทบทวนซ้ำตามที่ได้ทำเรื่องขอมา แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีหลักฐานใหม่ใดๆ ที่จะมาหักล้างข้อมูลที่ได้ทบทวนไว้เดิม” ผศ.ภญ.นิยดา กล่าว
ผศ.ภญ.นิยดา กล่าวอีกว่า การสั่งใช้ยากลูโคซามีนกับผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่ให้ผลการรักษาไม่ชัดเจน อาจก่อผลเสียในการทำให้ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยโรคหรือสาเหตุหลักที่ล่าช้า ซึ่งรวมถึงการเข้าถึงการรักษาที่ถูกต้องช้าลงได้ และขอยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่ได้เป็นการลิดรอนสิทธิผู้ป่วยแต่อย่างใด แต่เป็นการคุ้มครองผู้บริโภค เพราะผู้ป่วยในระบบหลักประกันสุขภาพอื่นไม่เคยได้รับยานี้มาก่อน เนื่องจากคณะผู้เชี่ยวชาญในการคัดเลือกบัญชียาหลักแห่งชาติมองว่า ยานี้ไม่ควรได้รับการคัดเลือกให้อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ เพราะความไม่ชัดเจนของประสิทธิผลรวมทั้งไม่คุ้มค่าที่จะใช้
“การออกประกาศไม่ให้ราชการเบิกจ่ายยานี้ นอกจากจะเป็นการส่งสัญญาณเพื่อให้ผู้ป่วยในระบบราชการทราบแล้ว ยังจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั่วไปที่ควรพึงพิจารณาว่ายานี้ไม่ก่อประโยชน์คุ้มค่า หากนำไปรักษาโรคข้อเสื่อม และขอเน้นว่าผู้ป่วยโรคนี้ต้องมองหาการรักษาที่ถูกวิธี แทนที่จะหวังว่ากินยานี้แล้วจะได้ผล” ผศ.ภญ.นิยดา กล่าว
ด้าน นายนิมิตร์ เทียนอุดม กรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า นับเป็นความก้าวหน้าของกรมบัญชีกลาง ที่ยืนยันไม่ให้เบิกกลูโคซามีน เพราะการตัดสินใจในเรื่องที่ผูกพันกับงบประมาณแผ่นดินที่เป็นภาษีของประชาชนทั้งประเทศต้องตั้งอยู่บนข้อมูลทางวิชาการที่ชัดเจน ที่ผ่านมา รัฐต้องสูญเสียงบประมาณในการใช้ยานี้ไม่น้อยกว่า 700 ล้านบาทต่อปี และทำให้เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำและความไม่เป็นธรรมกับระบบประกันสังคม และระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
“การประกาศครั้งนี้ถือเป็นการสนับสนุนนโยบายลดความเหลื่อมล้ำในระบบสุขภาพของรัฐบาล ไม่ปล่อยให้บรรดาผู้ป่วย-ผู้บริโภคถูกแพทย์พาณิชย์ ที่หากินร่วมกับ บรรษัทยาข้ามชาติปั่นหัว ทำให้เชื่อว่า ยาดีต้องราคาแพงและแอบจ่ายยาฟุ่มเฟือยให้กับผู้ป่วยมาตลอด จนเหมือนกับเราเสพติดยาทั้งที่เป็นผลร้ายกับผู้ป่วยเอง แต่เป็นการทำกำไรบนชีวิตประชาชน” นายนิมิตร์ กล่าว
ผศ.ภญ.นิยดา เกียรติยิ่งอังศุลี ผู้จัดการแผนงานพัฒนากลไกเฝ้าระวังระบบยา (กพย.) กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงการคลังประกาศยกเลิกการให้เบิกค่ายากลูโคซามีนซัลเฟต ในสิทธิรักษาพยาบาลของสวัสดิการข้าราชการ ว่า กพย.ทำหน้าที่เฝ้าระวังระบบยาที่มีผลกระทบต่อประชาชนในมิติต่างๆ และได้ติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอด ขอสนับสนุนว่า เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะเป็นการตัดสินใจบนข้อมูลวิชาการและหลักฐานเชิงประจักษ์อย่างแท้จริง เนื่องจากการทบทวนผลการศึกษาวิจัยเท่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน พบว่าประสิทธิภาพของยาไม่แน่ชัด แต่กลับมีค่าใช้จ่ายสูง จึงไม่คุ้มค่าที่จะใช้
“การทบทวนประสิทธิภาพและความคุ้มค่าของยาในครั้งนี้ มีความเข้มงวดกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา คือ หลังการทบทวนของคณะกรรมการวิชาการแล้ว ยังเปิดโอกาสให้ราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ฯ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านโรคข้อและกระดูก ได้ทำการศึกษาทบทวนซ้ำตามที่ได้ทำเรื่องขอมา แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีหลักฐานใหม่ใดๆ ที่จะมาหักล้างข้อมูลที่ได้ทบทวนไว้เดิม” ผศ.ภญ.นิยดา กล่าว
ผศ.ภญ.นิยดา กล่าวอีกว่า การสั่งใช้ยากลูโคซามีนกับผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่ให้ผลการรักษาไม่ชัดเจน อาจก่อผลเสียในการทำให้ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยโรคหรือสาเหตุหลักที่ล่าช้า ซึ่งรวมถึงการเข้าถึงการรักษาที่ถูกต้องช้าลงได้ และขอยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่ได้เป็นการลิดรอนสิทธิผู้ป่วยแต่อย่างใด แต่เป็นการคุ้มครองผู้บริโภค เพราะผู้ป่วยในระบบหลักประกันสุขภาพอื่นไม่เคยได้รับยานี้มาก่อน เนื่องจากคณะผู้เชี่ยวชาญในการคัดเลือกบัญชียาหลักแห่งชาติมองว่า ยานี้ไม่ควรได้รับการคัดเลือกให้อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ เพราะความไม่ชัดเจนของประสิทธิผลรวมทั้งไม่คุ้มค่าที่จะใช้
“การออกประกาศไม่ให้ราชการเบิกจ่ายยานี้ นอกจากจะเป็นการส่งสัญญาณเพื่อให้ผู้ป่วยในระบบราชการทราบแล้ว ยังจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั่วไปที่ควรพึงพิจารณาว่ายานี้ไม่ก่อประโยชน์คุ้มค่า หากนำไปรักษาโรคข้อเสื่อม และขอเน้นว่าผู้ป่วยโรคนี้ต้องมองหาการรักษาที่ถูกวิธี แทนที่จะหวังว่ากินยานี้แล้วจะได้ผล” ผศ.ภญ.นิยดา กล่าว
ด้าน นายนิมิตร์ เทียนอุดม กรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า นับเป็นความก้าวหน้าของกรมบัญชีกลาง ที่ยืนยันไม่ให้เบิกกลูโคซามีน เพราะการตัดสินใจในเรื่องที่ผูกพันกับงบประมาณแผ่นดินที่เป็นภาษีของประชาชนทั้งประเทศต้องตั้งอยู่บนข้อมูลทางวิชาการที่ชัดเจน ที่ผ่านมา รัฐต้องสูญเสียงบประมาณในการใช้ยานี้ไม่น้อยกว่า 700 ล้านบาทต่อปี และทำให้เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำและความไม่เป็นธรรมกับระบบประกันสังคม และระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
“การประกาศครั้งนี้ถือเป็นการสนับสนุนนโยบายลดความเหลื่อมล้ำในระบบสุขภาพของรัฐบาล ไม่ปล่อยให้บรรดาผู้ป่วย-ผู้บริโภคถูกแพทย์พาณิชย์ ที่หากินร่วมกับ บรรษัทยาข้ามชาติปั่นหัว ทำให้เชื่อว่า ยาดีต้องราคาแพงและแอบจ่ายยาฟุ่มเฟือยให้กับผู้ป่วยมาตลอด จนเหมือนกับเราเสพติดยาทั้งที่เป็นผลร้ายกับผู้ป่วยเอง แต่เป็นการทำกำไรบนชีวิตประชาชน” นายนิมิตร์ กล่าว