xs
xsm
sm
md
lg

คนกรุงเครียดปัญหาปากท้องที่สูงขึ้น ขณะที่พบเยาวชนหันมาดื่มเหล้าพ่นควันระบายทุกข์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
กรุงเทพโพลล์ สำรวจสุขภาพจิตคนกรุง ชี้กังวลเรื่องของราคาแพง-ค่าครองชีพสูง ถึงร้อยละ 28.6 รองลงมากลัวน้ำท่วม และการจรจร ขณะที่พบเยาวชนอายุ 19-25 ปี เลือกหนทางระบายความเครียดด้วยการดื่มเหล้า-สูบบุหรี่

เนื่องในวันที่ 10 ตุลาคมที่จะถึงนี้เป็นวันสุขภาพจิตโลก ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) จึงได้ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่อง “สุขภาพจิตของคนกรุงท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจ สังคม และภัยธรรมชาติ” โดยเก็บข้อมูลกับประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้กลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้นจำนวน 1,474 คน พบว่า เรื่องที่ทำให้คนกรุงเทพฯ เครียด และวิตกกังวลมากที่สุดในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา คือ ข้าวของราคาแพง ค่าครองชีพสูง ร้อยละ 28.6 รองลงมาคือ กลัวน้ำท่วมกรุงเทพฯ ร้อยละ 15.4 และการจราจรติดขัด ร้อยละ 12.4 ขณะที่ร้อยละ 3.5 ไม่มีเรื่องเครียดและวิตกกังวลเลย โดยบุคคลที่คิดว่าจะเป็นที่ปรึกษาหรือเป็นที่พึ่งทางใจ ในยามเครียดและวิตกกังวลมากที่สุด คือ คนในครอบครัว ร้อยละ 60.0 รองลงมา คือ เพื่อน ร้อยละ 19.7 และคนรัก ร้อยละ 10.0

สำหรับกิจกรรมที่คนกรุงเทพฯ นิยมทำเพื่อผ่อนคลายเมื่อเกิดความเครียดและวิตกกังวลมากที่สุดอันดับแรก คือ ดูโทรทัศน์ ฟังวิทยุ ร้อยละ 98.3 รองลงมาคือ ชอปปิ้ง ดูหนัง ทานข้าว ร้อยละ 88.0 และออกกำลังกาย ร้อยละ 84.5 นอกจากนี้ จากการสำรวจ คนกรุงเทพฯ บางส่วนเลือกที่จะใช้วิธีที่ไม่ดีเพื่อผ่อนคลาย คือ ร้อยละ 52.9 เลือกที่จะดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ และร้อยละ 24.9 เลือกที่จะสูบบุหรี่ ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาเฉพาะกลุ่มที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พบว่า เป็นกลุ่มเยาวชนอายุ 18-25 ปี มากที่สุด ร้อยละ 19.8

เมื่อถามว่า คนกรุงเทพฯ จะมีความเสี่ยงต่อปัญหาทางสุขภาพจิต (เช่น โรควิตกกังวล โรคจิต โรคซึมเศร้า) มากน้อยเพียงใด เมื่อเปรียบเทียบกับคนต่างจังหวัด กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 66.0 คิดว่าคนกรุงเทพฯ มีความเสี่ยงมากกว่า ขณะที่ร้อยละ 29.3 คิดว่า มีพอๆ กัน และร้อยละ 3.2 คิดว่ามีน้อยกว่า

ด้านความเห็นต่อปัญหาความแตกแยกในสังคม ปัญหาน้ำท่วม ปัญหาของแพง ในปัจจุบันมีส่วนทำให้สุขภาพจิตของคนไทยไม่ดี มากน้อยเพียงใด ร้อยละ 94.6 เห็นว่า มากถึงมากที่สุด และร้อยละ 5.4 เห็นว่าน้อยถึงน้อยที่สุด

สุดท้ายเมื่อถามว่าปัจจุบันรัฐบาลให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพจิตของประชาชนมากน้อยเพียงใด คนกรุงเทพฯ ร้อยละ 64.6 เห็นว่า ไม่ค่อยให้ความสำคัญ และร้อยละ 22.2 เห็นว่า ไม่ให้ความสำคัญเลย ขณะที่ร้อยละ 13.2 เห็นว่า ให้ความสำคัญมาก
กำลังโหลดความคิดเห็น