สธ.เตรียมลุยพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิ เน้น อสม.และ รพ.สต.ดูแลสุขภาพประชาชน ลดเจ็บป่วย 5 โรคเรื้อรัง “วิทยา” เล็งปั้น ยุว อสม.ช่วยดูแลสุขภาพนักเรียนและความสะอาดสิ่งแวดล้อม
วันนี้ (8 ต.ค.) นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังมอบนโยบายและมอบอุปกรณ์ชุดตรวจคัดกรองโรคเรื้อรัง เครื่องวัดความดันโลหิต ยาสามัญประจำบ้าน พร้อมเกียรติบัตรให้แก่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) จ.เพชรบูรณ์ ที่มีผลงานดีเด่น และเดินทางไปตรวจเยี่ยมระบบบริการปฐมภูมิ ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) บ้านพี้ อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ ว่า ในปี 2556 สธ.จะเดินหน้าพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิ ซึ่งประกอบด้วย การทำงาน 2 ส่วน คือ อสม.และ รพ.สต.ซึ่งเน้นหลักการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมประชาชนเพื่อลดการเจ็บป่วยจากโรคเรื้อรัง 5 โรค ได้แก่ เบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง มะเร็ง โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง รวมถึงป้องกันการเจ็บป่วยตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี โดยในส่วน รพ.สต.จะติดตั้งระบบการรักษาและคำปรึกษาทางไกลทางระบบคอมพิวเตอร์ออนไลน์ หรือระบบสไกป์ (Skype) เชื่อมโยงกับโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป ให้ครบ 9,740 แห่ง หรือครบทั้ง 100 เปอร์เซนต์ และให้ทุกแห่งให้บริการผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูงด้วย ประชาชนไม่ต้องเดินทางไปรักษาที่โรงพยาบาลใหญ่
นายวิทยา กล่าวอีกว่า ในส่วนของ อสม.ซึ่งขณะนี้มี 1.2 ล้านคน จะเพิ่มบทบาทให้ อสม.เป็นนักจัดการสุขภาพ แก้ไขปัญหาการเจ็บป่วยของประชาชนในตำบลอย่างสมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะการลดโรคไม่ติดต่อ 5 โรคร่วมกับ รพ.สต.ได้มอบหมายให้กรมสนุบสนุนบริการสุขภาพจัดอบรมวิชาการ จังหวัดละ 3 ตำบล และเพิ่มเครื่องมือการทำงาน เช่น เครื่องวัดความดันโลหิต ปรอทวัดไข้ เครื่องชั่งน้ำหนัก เส้นวัดรอบเอว ยาสามัญและยาสมุนไพรประจำบ้าน เช่น ขมิ้นชันรักษาท้องอืด ฟ้าทะลายโจรลดไข้ ขณะเดียวกันจะสร้าง อสม.รุนใหม่ โดยจะร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) อบรมนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาอายุ 16 ปีขึ้นไปให้เป็นยุว อสม.ทำหน้าที่คล้ายทูตสุขภาพประจำโรงเรียน ให้คำปรึกษา ดูแลสุขภาพขั้นต้นของนักเรียนด้วยกัน รวมทั้งด้านความสะอาดสิ่งแวดล้อม อาหารปลอดภัยในโรงเรียน เริ่ม 10,000 คน ระยะแรกเริ่มในโรงเรียน 900 แห่ง ใน 900 อำเภอ หรือ 1 อำเภอ 1 โรงเรียน ซึ่งจะเป็นการปลูกฝังพฤติกรรมสุขภาพให้เด็กให้ติดเป็นนิสัย
ด้าน นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัด สธ.กล่าวว่า ในปี 2553 คนไทยเจ็บป่วยด้วยโรคสำคัญ 21 กลุ่มโรค เช่น โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน เอดส์ เข้าตรวจรักษาที่โรงพยาบาลทั่วประเทศ 163 ล้านครั้ง และพักรักษาตัวกว่า 16 ล้านครั้ง แผนบริการในปี 2556 เน้นการพัฒนาคุณภาพโรงพยาบาลให้ผู้ป่วยเข้าถึงบริการใกล้บ้านที่สุด คิวตรวจรักษาสั้นลง และดูแลส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค ใน 5 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี กลุ่มแม่และเด็ก เน้นให้ฝากครรภ์ก่อน 12 สัปดาห์ กลุ่มวัยทำงาน กลุ่มผู้พิการ กลุ่มผู้สูงอายุ
วันนี้ (8 ต.ค.) นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังมอบนโยบายและมอบอุปกรณ์ชุดตรวจคัดกรองโรคเรื้อรัง เครื่องวัดความดันโลหิต ยาสามัญประจำบ้าน พร้อมเกียรติบัตรให้แก่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) จ.เพชรบูรณ์ ที่มีผลงานดีเด่น และเดินทางไปตรวจเยี่ยมระบบบริการปฐมภูมิ ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) บ้านพี้ อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ ว่า ในปี 2556 สธ.จะเดินหน้าพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิ ซึ่งประกอบด้วย การทำงาน 2 ส่วน คือ อสม.และ รพ.สต.ซึ่งเน้นหลักการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมประชาชนเพื่อลดการเจ็บป่วยจากโรคเรื้อรัง 5 โรค ได้แก่ เบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง มะเร็ง โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง รวมถึงป้องกันการเจ็บป่วยตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี โดยในส่วน รพ.สต.จะติดตั้งระบบการรักษาและคำปรึกษาทางไกลทางระบบคอมพิวเตอร์ออนไลน์ หรือระบบสไกป์ (Skype) เชื่อมโยงกับโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป ให้ครบ 9,740 แห่ง หรือครบทั้ง 100 เปอร์เซนต์ และให้ทุกแห่งให้บริการผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูงด้วย ประชาชนไม่ต้องเดินทางไปรักษาที่โรงพยาบาลใหญ่
นายวิทยา กล่าวอีกว่า ในส่วนของ อสม.ซึ่งขณะนี้มี 1.2 ล้านคน จะเพิ่มบทบาทให้ อสม.เป็นนักจัดการสุขภาพ แก้ไขปัญหาการเจ็บป่วยของประชาชนในตำบลอย่างสมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะการลดโรคไม่ติดต่อ 5 โรคร่วมกับ รพ.สต.ได้มอบหมายให้กรมสนุบสนุนบริการสุขภาพจัดอบรมวิชาการ จังหวัดละ 3 ตำบล และเพิ่มเครื่องมือการทำงาน เช่น เครื่องวัดความดันโลหิต ปรอทวัดไข้ เครื่องชั่งน้ำหนัก เส้นวัดรอบเอว ยาสามัญและยาสมุนไพรประจำบ้าน เช่น ขมิ้นชันรักษาท้องอืด ฟ้าทะลายโจรลดไข้ ขณะเดียวกันจะสร้าง อสม.รุนใหม่ โดยจะร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) อบรมนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาอายุ 16 ปีขึ้นไปให้เป็นยุว อสม.ทำหน้าที่คล้ายทูตสุขภาพประจำโรงเรียน ให้คำปรึกษา ดูแลสุขภาพขั้นต้นของนักเรียนด้วยกัน รวมทั้งด้านความสะอาดสิ่งแวดล้อม อาหารปลอดภัยในโรงเรียน เริ่ม 10,000 คน ระยะแรกเริ่มในโรงเรียน 900 แห่ง ใน 900 อำเภอ หรือ 1 อำเภอ 1 โรงเรียน ซึ่งจะเป็นการปลูกฝังพฤติกรรมสุขภาพให้เด็กให้ติดเป็นนิสัย
ด้าน นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัด สธ.กล่าวว่า ในปี 2553 คนไทยเจ็บป่วยด้วยโรคสำคัญ 21 กลุ่มโรค เช่น โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน เอดส์ เข้าตรวจรักษาที่โรงพยาบาลทั่วประเทศ 163 ล้านครั้ง และพักรักษาตัวกว่า 16 ล้านครั้ง แผนบริการในปี 2556 เน้นการพัฒนาคุณภาพโรงพยาบาลให้ผู้ป่วยเข้าถึงบริการใกล้บ้านที่สุด คิวตรวจรักษาสั้นลง และดูแลส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค ใน 5 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี กลุ่มแม่และเด็ก เน้นให้ฝากครรภ์ก่อน 12 สัปดาห์ กลุ่มวัยทำงาน กลุ่มผู้พิการ กลุ่มผู้สูงอายุ
