xs
xsm
sm
md
lg

“ศศิธารา” เปิดใจรับรู้ตัวล่วงหน้าถูกโยกนั่งเลขาฯ สกศ.ยันไม่น้อยใจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์
“ศศิธารา” รับรู้ตัวล่วงหน้าถูกโยกนั่งเลขาฯ สกศ.ยันไม่มีความขัดแย้ง และเรียน วปอ.รุ่นเดียวกับ “พนิตา” สนิทสนมกันดี เตรียมทำพิธีส่งมอบงานให้ 1 ตุลาคมนี้ เผย “สุชาติ” ให้เหตุผลว่า อยากให้ไปช่วยทำแผนนโยบายการศึกษา ขณะที่ “พนิตา” ไฟแรง บอกงานการศึกษาที่อยากทำมากที่สุด คือ สร้างเยาวชนพันธุ์ใหม่ แต่เตรียมพบ รมว.และ รมช.ศึกษาฯ ขอทราบนโยบายการทำงานก่อน

วันนี้ (18 ก.ย.) น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี มาดำรงตำแหน่ง ปลัด ศธ.และให้ น.ส.ศศิธารา ไปดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) แทน นายอเนก เพิ่มวงศ์เสนีย์ อดีตเลขาธิการ สกศ.ที่ไปรับตำแหน่งผู้อำนวยการ บมจ.อสมท ซึ่งจะมีผลในวันที่ 1 ตุลาคม 2555 ว่า ทราบแล้วว่า ครม.มีมติดังกล่าว โดยการปรับเปลี่ยนนี้เป็นการโยกย้ายตามธรรมดาของผู้ที่ดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง ซึ่ง ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.ศึกษาธิการ ได้ บอกกับตนว่า ที่ผ่านมา สำนักงานปลัด ศธ.ได้ช่วย รมว.ศึกษาธิการ ทำงานในหลายๆ เรื่อง ทั้งเรื่องครบรอบ 1 ปี ศธ.และทำงานในเรื่องนานาชาติได้พอสมควรแล้ว ซึ่งต่อไป ศ.ดร.สุชาติ ระบุว่า อยากให้ความสำคัญเรื่องแผนงาน ยุทธศาสตร์ และนโยบายต่างๆ โดยเฉพาะในอีก 6 เดือนข้างหน้า รัฐบาลจะทำงานมาครบ 1 ปี กับ 6 เดือน เพราะฉะนั้นน่าจะมีแผนงานนโยบายที่เป็นโครงการออกมา จาก 31 นโยบาย ที่ รมว.ศึกษาธิการ ได้มอบให้ดำเนินการ รวมทั้งยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังไม่ได้ดำเนินการ ทั้งในส่วนของการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย และในเรื่องของแผนงานต่างๆ รวมถึงการศึกษาเอกชนและอุดมศึกษา เพื่อให้เป็นไปตามตามที่นายกฯได้แถลงไว้กับสภาผู้แทนราษฎร เพราะฉะนั้น ตนก็จะไปทำงานในเชิงยุทธศาสตร์ มากขึ้น โดยตนเองก็จะประสานงานกับ นางพนิตา และจะมีพิธีมอบงานกันในวันที่ 1 ตุลาคมนี้

“ในวันดังกล่าวดิฉันก็จะกราบลาสิ่งศักดิ์สิทธิ ของ ศธ.เพื่อไปอยู่ที่ สกศ.และจะจัดทำเอกสารรับมอบงานเพื่อส่งมอบให้ ในเวลา 10.00 น.ซึ่งต้องขอบคุณ นายสุชาติ ที่ให้ความไว้วางใจ และชื่นชมตลอดเวลาที่ดิฉันทำงานในฐานะปลัด ศธ. และขอตอนรับ นางพนิตา ซึ่งมีความคุ้นเคยกันอย่างดี เพราะเคยเรียนวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร( วปอ.) รุ่นเดียวกัน จึงมีความสนิทสนมคุ้นเคย เชื่อมั่นว่า นางพนิตา ซึ่งเคยเป็นปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จะสามารถทำงานที่ ศธ.ได้อย่างสบาย โดย นางพนิตา จะมีวาระการดำรงตำแหน่งกว่าจะเกษียณอายุราชการในอีก 1 ปี ซึ่งในช่วงระยะเวลา 1 ปีนี้ ศธ.ก็ยินดีตอนรับ และเชื่อว่า เราจะทำงานร่วมกันทั้ง 5 องค์กรหลักได้อย่างดี” ปลัด ศธ.กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ศ.ดร.สุชาติ ให้เหตุผลอื่นๆ อีกหรือไม่ในการโยกย้ายครั้งนี้ น.ส.ศศิธรา กล่าวว่า รมว.ศึกษาธิการ ได้ให้เหตุผลอย่างที่บอกไปว่า นางพนิตา มีความเหมาะสม และมีความรู้ความสามารถหลายอย่าง เพราะงานของ พม.และ ศธ.ก็มีความคล้ายคลึงกัน อยากบอกเพื่อนชาว ศธ.ว่า อย่าน้อยใจไปเลย เราอยู่ในตำแหน่งระดับสูง การหมุนเวียนการทำงานเป็นเรื่องธรรมดา ดูอย่างพลตำรวจเอก วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เป็นตำรวจ ก็ยังไปอยู่กระทรวงคมนาคมได้

“เดี๋ยวนี้เขาต้องมีความรอบตัว อยู่ที่ไหนก็ต้องทำงานได้ เมื่อคืนวันที่ 17 กันยายน ดิฉันก็อยู่กับ ศ.ดร.สุชาติ จนค่ำมืด และเป็นคนช่วยพิมพ์เอกสารเอง อะไรเอง เมื่อเช้าก็เอาเอกสารไปยื่นที่ ครม.เอง จริง ๆ รู้ว่าเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เพราะฉะนั้นไม่มีความขัดแย้ง หรือมีข้อสงสัยอะไรทั้งสิ้น” ปลัด ศธ.กล่าวและว่า ส่วนเรื่องการตรวจสอบกรณีการทุจริตจัดซื้อครุภัณฑ์อาชีวศึกษานั้น คงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโยกย้ายครั้งนี้
นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา
ด้าน นางพนิตา ว่าที่ปลัด ศธ.ให้สัมภาษณ์ว่า ต้องขอบคุณนายกรัฐมนตรี ที่ให้เกียรติ และไว้วางใจอย่างมากในการให้มาทำหน้าที่ที่ ศธ.คิดว่า งาน พม.ซึ่งมีพื้นฐานงานด้านสังคมครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มเดียวกับกระทรวงศึกษาธิการเช่นกัน จึงน่าจะเรียนรู้และทำได้ไม่ยาก โดยเพียงนำหัวใจของกลุ่มเป้าหมายนั้นๆ เป็นตัวตั้ง เพื่อเรียนรู้และเข้าใจ เอาใจเขามาใส่ใจเรา เพื่อเรียนรู้ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายนั้นๆ และการบริหารงาน ตนยึดหลักความเมตตาธรรมมากกว่าอำนาจ จะไม่ทำอะไรที่ผิดระเบียบ ผิดกฎหมาย ซึ่งรวมถึงไม่สั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทำในสิ่งที่ไม่ถูก จึงขอให้สบายใจ ทั้งนี้ โดยพื้นฐานของการทำงานที่ พม.ที่เป็นทั้งนักบริหาร และนักพัฒนาสังคม รวมทั้ง 1 ปีที่ยังมีอายุราชการเหลืออยู่ จะทำงานให้คุ้มค่ากับที่รัฐบาลให้ตนมาพักอยู่ในตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำถึง 4 เดือน 20 วัน

ผู้สื่อข่าวถามถึงงานการศึกษาที่สนใจเป็นพิเศษ นางพนิตา กล่าวว่า ตั้งใจอยากทำงานการศึกษามากมาย แต่เนื่องจากโครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการที่แยกเป็นแท่ง และมีความเป็นอิสระ จึงต้องอาศัยหลักการประสานงาน โดยเฉพาะสิ่งที่ตนอยากทำมากที่สุด คือ การสร้างเยาวชนพันธุ์ใหม่ที่เห็นแก่ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน เพราะเป็นพื้นฐานสำคัญของการพัฒนาบุคลากรชาติในอนาคต จึงอยากให้มีการบรรจุให้เด็กไทยทุกคนเรียนรู้ความเป็นจิตอาสา จิตสาธารณะไว้ในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน แต่หากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ไม่สามารถดำเนินการได้คล่องตัว ก็อาจจะอาศัยสำนักการลูกเสือ ยุวกาชาด และกิจกรรมนักเรียน ภายใต้สำนักงานปลัดกกระทรวงศึกษาธิการดำเนินการ นอกจากนี้ ตนอยากเห็นนักศึกษาอาชีวะมอบดอกไม้ให้กับชุมชนแทนอาวุธหรือการจับอุปกรณ์การเรียนมาเป็นอาวุธก่อเหตุทะเลาะวิวาท โดยอาจจะประสานให้นักศึกษาอาชีวะเข้าไปช่วยเหลือชุมชนด้านต่างๆ ทั้งการซ่อมแซมบ้านเรือน อุปกรณ์ รวมทั้งร่วมดูแลสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความภาคภูมิใจกับความเป็นนักศึกษาอาชีวะกับชุมชน อย่างไรก็ตามหลังโปรดเกล้าฯ เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ คงต้องเข้าพบ รมว.และ รมช.ศึกษาธิการเพื่อขอทราบแนวทางการทำงานก่อน
กำลังโหลดความคิดเห็น