สะเก็ดไฟ
“มีงานพิเศษของกรมการปกครองในเรื่องที่จะไปถามพี่น้องประชาชนทั่วทั้งประเทศ ว่ามีความเห็นต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขประการใดบ้าง
เช่น มีความคิดกันว่าประเทศไทยเปรียบเสมือนนาฬิกา ฟันเฟืองสำคัญของนาฬิกาเรือนนี้ คือ อำนาจสามอำนาจ อำนาจบริหาร อำนาจนิติบัญญัติ และอำนาจตุลาการ ถ้าฟันเฟืองสามตัวนี้เดินสอดคล้องไม่ขบเกลียวกัน ตัวหนึ่งไม่ใหญ่กว่าตัวหนึ่ง ตัวหนึ่งเล็กว่าอีกตัวหนึ่ง อย่างนี้เวลาก็จะไม่ตรง นาฬิกาก็เป็นนาฬิกาเสียง เป็นนาฬิกาที่คนทั่วไปไม่ให้ความเชื่อถือ
เพราะฉะนั้น ทำอย่างไรในการที่จะสำรวจความเห็นประชาชนว่าฟันเฟืองสามตัวนี้จะต้องเดินสอดคล้องกัน ตรวจสอบซึ่งกันและกันได้ ถ่วงดุลซึ่งกันและกันได้ ต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมในทุกอำนาจ การใช้อำนาจของทุกองค์กรก็ต้องมีความสอดคล้องกัน
ไม่ใช่องค์กรหนึ่งมีอำนาจเหนือองค์กรหนึ่งอย่างนี้ก็สอดคล้อง อันนี้เป็นเรื่องที่เราจะต้องไปสำรวจความคิดเห็นประชาชน โดยเราจะเป็นฝ่ายธุรการ มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ก็จะทำหน้าที่วางฐานวางแนวในการสำรวจความคิด”
เป็นคำกล่าวของ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ในระหว่างการแถลงผลงานครบรอบ 1 ปี
เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งว่า ไม่มีสื่อมวลชนสำนักใดหยิบจับเอาประเด็นนี้ขึ้นมาชูเป็นเรื่องสำคัญเพื่อนำเสนอต่อสาธารณชน แต่กลับไปมุ่งเรื่องการตั้งคำถามเกี่ยวกับบทบาทของนายยงยุทธ ในฐานะไม้ประดับให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่คอยเดินตามรองมือรองตีนอยู่เบื้องหลังตลอดเวลาแทน
ทั้งๆ ที่กรณีนั้นก็เป็นภาพชินตาที่เห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน การันตีความเป็นขี้ข้ารับใช้มาตั้งแต่ยอมเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่เจ้าตัวก็ยอมรับว่าไม่ใช่หัวหน้าตัวจริง เพราะเคยเปรียบเทียบว่าพรรคเหมือนผีหัวขาดมาก่อนหน้านี้
แล้วจะไปไล่เบี้ยถามหาศักดิ์ศรีความเป็นรัฐมนตรีกับคนแบบนี้ทำไม
สิ่งที่สำคัญยิ่งต่อการปกครองของประเทศที่กำลังจะได้รับผลกระทบจากการทำงานในอำนาจหน้าที่ รมว.มหาดไทยของยงยุทธ ที่อาจส่งผลถึงขั้นพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินไทย กลับไม่ได้รับความสนใจในเชิงเนื้อหาจากสื่อมวลชนยุคนี้ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเศร้าสำหรับคนไทย แต่น่ายินดีสำหรับนักโทษที่กำลังรื้อระบอบการปกครองผ่านการรื้อรัฐธรรมนูญ เพื่อเอารัฐไทยใหม่มาครอบรัฐไทยว่า ความสำเร็จลอยมาให้เห็นเกินครึ่งเพราะสื่อมวลชนบ้านเมืองนี้เขาไม่สนใจเรื่องการเมืองการปกครอง เท่ากับรัฐมนตรีเดินตามชายกระโปรงยิ่งลักษณ์
แต่คนไทยต้องรู้เท่าทันกลเกมการ “รุกคืบๆๆๆ เดี๋ยวก็เกลี้ยง” ตามคลิปเสียงของ สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้ว่า ให้แขวนเรื่องรัฐธรรมนูญและ ร่าง พ.ร.บ.ปรองดองไว้ก่อน จากนั้นไปทำความเข้าใจกับประชาชนแล้วค่อยมาเดินเครื่องต่อตามยุทธศาสตร์รักษาขุนให้ ยิ่งลักษณ์ลอยตัวทุกเรื่อง
วันนี้ กระทรวงมหาดไทยกำลังทำหน้าที่เป็นเบี้ยรุกคืบกลืนกินประเทศไทยให้กับนักโทษหนีคดีทักษิณ ชินวัตร ด้วยการตั้งคำถามที่น่าประหวั่นพรั่นพรึงยิ่งสำหรับระบอบการเมืองการปกครองไทย โดยเริ่มจากการถามว่า
“พี่น้องประชาชนทั่วทั้งประเทศว่ามีความเห็นต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขประการใดบ้าง”
บ้านเมืองนี้ดำรงความเป็นประเทศมายาวนานและอยู่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขมานับตั้งแต่ปี 2475 ยงยุทธ วิชัยดิษฐ และรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีความคลางแคลงใจอย่างไรต่อระบอบนี้ไม่ทราบ
หรือว่าระบอบการปกครองนี้ไปกดทับอวัยวะส่วนไหนให้ขับเคลื่อนไม่สะดวกถึงต้องไปกระชุ่นถามประชาชนด้วยคำถามชี้นำที่ส่อให้เห็นว่า มีธงที่จะไปยัดเยียดใส่มือประชาชนมาเป็นข้ออ้างรื้ออำนาจตุลาการ ที่รัฐบาลที่ลุแก่อำนาจกระทำการผิดกฎหมาย ไร้ซึ่งจริยธรรมไม่สามารถควบคุมได้ ให้อยู่ในเงื้อมมือของตัวเอง จะได้กินรวบประเทศนี้ง่ายขึ้น
การระบุเกี่ยวกับคำถามที่ชัดเจนเรื่องอำนาจอธิปไตยทั้ง 3 อำนาจ คือ นิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ ว่าต้องไม่ขบเกลียวกัน ย่อมเป็นที่รับรู้อยู่แล้วว่า อำนาจที่เป็นเสี้ยนหนามตำใจนักโทษทักษิณมาโดยตลอดก็คือ
“อำนาจตุลาการ” ที่นักโทษชายตีค่าเป็นแค่ศาลมิกกี้เมาส์และพยายามทำลายล้างป้ายสีมาอย่างเป็นระบบเพื่อสั่นคลอนให้คนคลายความศรัทธาเชื่อถือ จนศาลถูกลากลงมาเป็นคู่ขัดแย้งทางการเมืองไม่ต่างจากสถาบันอื่น ซึ่งนับเป็นอันตรายอย่างยิ่งสำหรับความมั่นคงของประเทศ เพราะหากบ้านเมืองนี้กรรมการถูกลากมาเป็นคู่ชกจะเหลือใครไว้ตัดสินเพื่อยุติข้อพิพาทและคดีความ
ก่อนหน้านี้ นักโทษทักษิณ พูดชัดว่าจะให้ประธานศาลฎีกามาจากการรับรองของสภาผู้แทนราษฎร และอำนาจตุลาการต้องยึดโยงกับประชาชน การขับเคลื่อนของรัฐบาลในขณะนี้ก็เป็นเพียงแค่การเดินตามธงที่นักโทษปักไว้เท่านั้น
คนไทยควรจะทำอย่างไรเมื่อรัฐไทยคือผู้บั่นทอนความมั่นคงของประเทศ และเป็นอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ถ้ายังนึกไม่ออกก็เริ่มต้นง่ายๆ ที่การติดตามข่าวการสานเสวนาของกระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครองอย่างใกล้ชิด อย่าให้ใครหลอกเอาชื่อของท่านหรือครอบครัว มาใช้เป็นข้ออ้างสร้างความชอบธรรมในการลงมติ รธน.วาระ 3 โดยไม่ผ่านการประชามติ หรือยัดไส้ออกกฎหมายล้างผิดให้นักโทษได้ง่ายๆ
นี่คือหน้าที่พลเมืองที่คนไทยต้องลุกขึ้นมาช่วยกันรักษาบ้านเมืองนี้ โดยพึงตระหนักว่า “จะอยู่อย่างไทย หรือยอมถูกกดหัวเยี่ยงทาส” ถึงเวลาที่คนไทยต้องเลือก!