“สุกุมล” ห่วงน้ำท่วมวัดไชยฯ สั่งทำคันดินกั้นอีกชั้น

“สุกุมล” รุดตรวจโบราณสถานกรุงเก่า พบน้ำขัง 4 จุด เร่งติดเครื่องสูบน้ำ สั่งขุดลอกคลองระบายน้ำรอบทิศ ห่วงน้ำท่วมวัดไชยฯ เพราะแนวกำแพงทิศตะวันตก ยังบูรณะไม่เสร็จ สั่งทำคันดินกั้นเพิ่มอีกชั้น

วันนี้ (13 ก.ย.) นางสุกุมล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) พร้อมด้วย นางโสมสุดา ลียะวณิช อธิบดีกรมศิลปากร และคณะผู้บริหาร ลงพื้นที่ตรวจมาตรการป้องกันน้ำท่วมโบราณสถานในเขตพื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ได้แก่ วัดอโยธยา วัดกุฎีดาว ป้อมเพชร และวัดไชยวัฒนาราม รวมทั้งตรวจความคืบหน้าการบูรณะโบราณสถานที่ได้รับผลกระทบจากมหาอุทกภัยเมื่อปลายปีที่ผ่านมา

นางสุกุมล กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบโบราณสถาน มีน้ำท่วมขัง 4 แห่ง เกิดจากพายุฝนที่ตกลงมาในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ได้แก่ วัดมหาธาตุ วัดกุฎีดาว วัดมเหยงค์ และวัดอโยธยา จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา นำเครื่องสูบน้ำมาติดตั้ง เพื่อสูบน้ำออกตลอด 24 ชั่วโมง และเร่งทำการขุดลอกคูคลอง ทางระบายน้ำรอบโบราณสถาน รวมทั้งให้มีการขุดบ่อพักน้ำในเขตโบราณสถานหลายพื้นที่ที่ตื้นเขิน โดยที่วัดกุฎีดาวที่มีน้ำท่วมขังได้ประสานงานกับทางเทศบาลท้องถิ่นวางท่อระบายเชื่อมกับท่อของเทศบาล และทำการขุดบ่อขนาดใหญ่เพื่อระบายน้ำออกจากพื้นที่โดยเร็วที่สุด นอกจากนี้ ยังได้ประสานให้เจ้าหน้าที่ทำการสำรวจว่าจุดใดยังมีปัญหาเพิ่มเติมในเรื่องการระบายน้ำและหาแนวทางป้องกัน

สำหรับมาตรการป้องกันโบราณสถานวัดไชยวัฒนารามนั้น ขณะนี้ได้ยกพนังกั้นน้ำขึ้นสูงสุด รวมทั้งก่อกระสอบทรายเป็นพนังริมตลิ่งแล้ว อย่างไรก็ตาม ปริมาณน้ำยังอยู่ในระดับปกติ อีกประมาณ 60 เซนติเมตร จะถึงขอบตลิ่ง นอกจากนี้ ตนยังสั่งการให้กรมศิลปากรตั้งวอร์รูมเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมโบราณสถาน โดยมี นายอเนก สีหามาตย์ รองอธิบดีกรมศิลปากร เป็นประธาน และเปิดสายด่วน 1765 ให้ประชาชนแจ้งสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง หากประชาชนพบเห็นว่ามีประมาณน้ำท่วมสูงสามารถแจ้งมายังสายด่วนทั้งโบราณสถานที่ขึ้น และไม่ขึ้นทะเบียนกับกรมศิลปากร โดยวอลล์รูมดังกล่าวจะประชุมและสรุปข้อมูลทุก 2 วัน

ด้าน นางโสมสุดา กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าการบูรณะโบราณสถานที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมเมื่อปีที่ผ่านมา ใน จ.พระนครศรีอยุธยามี จำนวน 130 แห่ง บูรณะเสร็จแล้ว 39 แห่ง อาทิ วัดอโยธยา บูรณะกว่า 80% วัดกุฎีดาว บูรณะกว่า 70% และวัดไชยวัฒนาราม ประมาณ 20% สำหรับวัดไชยวัฒนารามยังมีจุดที่น่าห่วง เพราะปีที่ผ่านมาน้ำได้เซาะพนังทลาย ยาวประมาณ 40 เมตร และอยู่ระหว่างการบูรณะ แต่ด้วยกระบวนการจัดจ้าง และการคัดเลือกบริษัทเป็นไปอย่างล่าช้า ทำให้การบูรณะคืบหน้าไม่มาก จุดนี้จึงน่าเป็นห่วงที่สุด โดยเฉพาะทางแนวกำแพงทิศตะวันตกของวัดไชยวัฒนาราม หากการบูรณะแล้วเสร็จ นางสุกุมล คุณปลื้ม รมว.วธ.ได้เสนอให้จัดทำแนวกำแพงดินชั้นนอกแนวกำแพงเดิมเพิ่มเติม เป็นกำแพงดินเหนียวครอบด้วยแผ่นพลาสติกที่มีความคงทน ยาวประมาณ 140
เมตร สูง 2 เมตร กว้าง 10 เมตร เพื่อเป็นแนวป้องกันกำแพงวัดไชยวัฒนารามอีกชั้นหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม บรรยากาศบริเวณวัดไชยวัฒนาราม มีรถแบ็กโฮ และคนงานเร่งบูรณะโบราณสถาน โดยสำนักศิลปากรที่ 3 ได้ยกแนวกำแพงพนังกั้นน้ำสูงสุด 2 เมตร อย่างไรก็ดี มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง