“สุขุมพันธุ์” ระบุการระบายน้ำปีนี้ประสิทธิภาพดีกว่าปีที่แล้ว เหตุปริมาณน้ำไหลเข้าระบบยังน้อย ดังนั้น ควรบริหารจัดการน้ำตั้งแต่ต้นน้ำ ขณะที่ “สุกุมล” สั่งให้ส่งเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังโบราณสถานสำคัญเมืองกรุง
วันนี้ (5 ก.ย.) เวลา 15.30 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้เดินทางมายังคลองทวีวัฒนา จุดตัดถนนเพชรเกษม 69 เพื่อติดตามการผลักดันน้ำบริเวณดังกล่าว พร้อมกล่าวว่า จุดดังกล่าวถือเป็นพื้นที่คอขวด กทม.จึงได้นำเครื่องผลักดันน้ำมาติดตั้ง ซึ่งน้ำได้ไหลมากกว่า 1 เท่านั้น ส่วนหนึ่งมีการติดตั้งเรือผลักดันน้ำที่คลองทวีวัฒนา ตัดคลองภาษีเจริญ เพื่อระบายน้ำไปยังสถานีสูบน้ำกระทุ่มแบนออกแม่น้ำท่าจีน ขณะที่คลองพระยาราชมนตรี ก็ได้ติดตั้งเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา ถือว่าปีนี้ประสิทธิภาพการระบายน้ำดีกว่า เพราะยังมีปริมาณน้ำไหลเข้ามาน้อย ดังนั้น หากจะมีการบริหารจัดการน้ำที่ดีจะต้องเริ่มตั้งแต่ต้นน้ำ ไม่ใช่พื้นที่ปลายน้ำ ทั้งนี้ได้รับรายงานสถาการณ์ทุกจุดปกติ ซึ่งตนได้สั่งการให้เปิดปตร.คลองทวีวัฒนาที่ระดับ 1.50 เมตรแล้ว แต่ฝนที่ตกลงมาบวกกับน้ำที่ปล่อยเข้ามาในขณะนี้จำเป็นต้องมีการทบทวนการเปิดประตูระบายน้ำ (ปตร.) ทุก 15 นาที ว่าควรรี่ ปตร.ลงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การระบายน้ำในพื้นที่ดีขึ้น กทม.จะสร้างอุโมงค์ระบายน้ำในบริเวณดังกล่าวด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เดินทางมาถึงจุดดังกล่าวฝนก็ตกลงมาอย่างหนักทำให้มีการสั่งเพิ่มกำลังระบายน้ำ
ด้านนางสุกุมล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า รัฐบาลได้ทดสอบการระบายน้ำเข้ากรุงเทพมหานคร (กทม.) ระหว่างวันที่ 5 และ 7 กันยายนนั้น ในส่วนของโบราณสถาน ตนได้สั่งการให้นางโสมสุดา ลียะวณิช อธิบดีกรมศิลปากร มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ โดยในเขตกรุงเทพฯ ให้สำนักโบราณคดีส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปเฝ้าระวังโบราณสถานสำคัญๆ ริมคลองที่จะมีการปล่อยน้ำผ่าน ส่วนต่างจังหวัดให้สำนักศิลปากรในพื้นที่เข้าไปดูแลด้วย
นางโสมสุดา กล่าวว่า สั่งการให้สำนักโบราณคดี ส่งเจ้าหน้าที่ไปเฝ้าระวังวัดชัยพฤกษมาลาราชวรวิหาร ตลิ่งชัน ซึ่งเป็นวัดที่อยู่ริมคลอง จึงกำชับให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง ส่วนในพื้นที่คลองมหาสวัสดิ์ เป็นพื้นที่ในการดูแลของสำนักศิลปากรที่ 2 สุพรรณบุรี ซึ่งมี 2 วัดที่เป็นโบราสถาน ได้แก่ วัดบางไกรใน และวัดละมุด จ.นนทบุรี
วันนี้ (5 ก.ย.) เวลา 15.30 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้เดินทางมายังคลองทวีวัฒนา จุดตัดถนนเพชรเกษม 69 เพื่อติดตามการผลักดันน้ำบริเวณดังกล่าว พร้อมกล่าวว่า จุดดังกล่าวถือเป็นพื้นที่คอขวด กทม.จึงได้นำเครื่องผลักดันน้ำมาติดตั้ง ซึ่งน้ำได้ไหลมากกว่า 1 เท่านั้น ส่วนหนึ่งมีการติดตั้งเรือผลักดันน้ำที่คลองทวีวัฒนา ตัดคลองภาษีเจริญ เพื่อระบายน้ำไปยังสถานีสูบน้ำกระทุ่มแบนออกแม่น้ำท่าจีน ขณะที่คลองพระยาราชมนตรี ก็ได้ติดตั้งเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา ถือว่าปีนี้ประสิทธิภาพการระบายน้ำดีกว่า เพราะยังมีปริมาณน้ำไหลเข้ามาน้อย ดังนั้น หากจะมีการบริหารจัดการน้ำที่ดีจะต้องเริ่มตั้งแต่ต้นน้ำ ไม่ใช่พื้นที่ปลายน้ำ ทั้งนี้ได้รับรายงานสถาการณ์ทุกจุดปกติ ซึ่งตนได้สั่งการให้เปิดปตร.คลองทวีวัฒนาที่ระดับ 1.50 เมตรแล้ว แต่ฝนที่ตกลงมาบวกกับน้ำที่ปล่อยเข้ามาในขณะนี้จำเป็นต้องมีการทบทวนการเปิดประตูระบายน้ำ (ปตร.) ทุก 15 นาที ว่าควรรี่ ปตร.ลงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การระบายน้ำในพื้นที่ดีขึ้น กทม.จะสร้างอุโมงค์ระบายน้ำในบริเวณดังกล่าวด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เดินทางมาถึงจุดดังกล่าวฝนก็ตกลงมาอย่างหนักทำให้มีการสั่งเพิ่มกำลังระบายน้ำ
ด้านนางสุกุมล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า รัฐบาลได้ทดสอบการระบายน้ำเข้ากรุงเทพมหานคร (กทม.) ระหว่างวันที่ 5 และ 7 กันยายนนั้น ในส่วนของโบราณสถาน ตนได้สั่งการให้นางโสมสุดา ลียะวณิช อธิบดีกรมศิลปากร มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ โดยในเขตกรุงเทพฯ ให้สำนักโบราณคดีส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปเฝ้าระวังโบราณสถานสำคัญๆ ริมคลองที่จะมีการปล่อยน้ำผ่าน ส่วนต่างจังหวัดให้สำนักศิลปากรในพื้นที่เข้าไปดูแลด้วย
นางโสมสุดา กล่าวว่า สั่งการให้สำนักโบราณคดี ส่งเจ้าหน้าที่ไปเฝ้าระวังวัดชัยพฤกษมาลาราชวรวิหาร ตลิ่งชัน ซึ่งเป็นวัดที่อยู่ริมคลอง จึงกำชับให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง ส่วนในพื้นที่คลองมหาสวัสดิ์ เป็นพื้นที่ในการดูแลของสำนักศิลปากรที่ 2 สุพรรณบุรี ซึ่งมี 2 วัดที่เป็นโบราสถาน ได้แก่ วัดบางไกรใน และวัดละมุด จ.นนทบุรี