“กำจร” ชี้ นศ.ติดเชื้อเอดส์มีสิทธิกลับเข้าเรียนได้ แจงแนวปฏิบัติการตรวจเลือด นศ.ต้องยินยอม และผลการตรวจไม่สามารถให้บุคคลที่ 3 รู้ได้ ยัน นศ.ที่พบว่าป่วยยังรักษาคนไข้ได้และเรียนในสาขาต่างๆ ได้ไม่มีข้อห้ามและเอดส์ไม่ใช่โรคติดต่อกันโดยง่าย
รศ.นพ.กำจร ตติยกวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (รองเลขาธิการ กกอ.) กล่าวถึงกรณีนักศึกษาพยาบาล มหาวิทยาลัยคริสเตียน 3 ราย เข้ายื่นข้อเรียกร้องต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ระบุว่า ถูกให้ออกจากภาควิชาที่เรียนอยู่โดยไม่เป็นธรรม ภายหลังจากที่ผลตรวจเลือดปรากฏว่า มี “เชื้อเอชไอวี” นั้น ว่า โดยทั่วไปแล้วถือเป็นสิทธิส่วนบุคคลของนักศึกษาหรือของผู้รับการตรวจเลือด ว่า จะยินยอมรับการตรวจเลือดหรือไม่ รวมถึงผลของการตรวจเลือดนั้นๆ จะต้องเป็นเรื่องระหว่างแพทย์และผู้รับการตรวจเลือดเท่านั้น บุคคลที่สามไม่มีสิทธิได้รับทราบหรือเปิดเผยข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม ในการตรวจเลือดนักศึกษาที่เรียนในสาขาวิชาด้านสาธารณสุขหรือตาม โรงเรียนแพทย์ต่างๆ ปัจจุบันยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่ามีความจำเป็นหรือไม่ เนื่องจากผู้รับการตรวจเลือดอาจมีเชื้อก่อนหรือหลังรับการตรวจเลือดก็ได้
ดังนั้น แนวทางที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน คือ การทำข้อตกลงร่วมกัน โดยนักศึกษาจะต้องมีสิทธิในการรับรู้และยินยอมที่จะเข้ารับการตรวจเลือดหรือ ไม่ก็ได้ ซึ่งผลการตรวจเลือดจะมีเพียงนักศึกษาและผู้ตรวจซึ่งอาจเป็นอาจารย์แพทย์ที่ ทำหน้าที่แพทย์เจ้าของคนไข้รับทราบเท่านั้น แต่ในกรณีที่นักศึกษาปฏิเสธที่จะเข้ารับการตรวจเลือด ก็จะต้องทำการแจ้งคนไข้ที่นักศึกษาคนดังกล่าวดูแลอยู่ตามความเป็นจริงด้วย
“ผลการตรวจเลือดไม่สามารถให้บุคคลที่สามรับรู้ได้ รวมถึงฝ่ายบริหารเองก็ไม่มีสิทธิ์รับรู้เช่นกัน ดังนั้นแนวทางที่ปฏิบัติกันมาในกลุ่มนักศึกษาที่เรียนด้านสาธารณสุข คือการจัดทำข้อตกลงร่วมกันว่านักศึกษาจะต้องสมัครใจที่จะเข้ารับการตรวจ เลือด ซึ่งหากนักศึกษาไม่สมัครใจสามารถแจ้งรายละเอียดดังกล่าวแก่คนไข้ที่นักศึกษา ดูแลได้ว่า นักศึกษาคนนี้ไม่ยินยอมรับการตรวจเลือดได้ อย่างไรก็ตาม ในส่วนนักศึกษาที่พบว่าป่วยเป็นโรคเอดส์นั้นยังสามารถรักษาคน ไข้ได้และสามารถศึกษาในสาขาวิชาต่างๆ ได้ เพราะบางสาขาก็ไม่จำเป็นต้องสัมผัสคนไข้ และไม่ได้มีข้อห้ามใดๆ กำหนดไว้ ขณะที่โรคเอดส์ก็ไม่ใช่โรคติดต่อร้ายแรงและไม่ได้ติดต่อกันโดยง่าย เพราะไม่ใช่วัณโรค ดังนั้นกรณีที่เกิดขึ้นครั้งนี้ควรให้สิทธิแก่นักศึกษาเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะ เลือกกลับเข้าไปศึกษาต่อหรือจะดำเนินการอย่างไร” รศ.นพ.กำจร กล่าว