“จอน” ยันบังคับตรวจเลือดหาเชื้อเอชไอวีของสถานศึกษา และสถานประกอบการ เป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ชี้ หากมีการตรวจ จะต้องไม่มีการรายงานผลไปยังผู้บริหาร หรือนายจ้าง หวั่นถูกกีดกันและเลือกปฏิบัติ
นายจอน อึ๊งภากรณ์ ประธานอนุกรรมการคุ้มครองสิทธิด้านเอดส์ คณะกรรมการเอดส์แห่งชาติ กล่าวภายหลังการหารือกับผู้บริหารระดับสูงของมหาวิทยาลัยคริสเตียน กรณีบังคับนักศึกษาสาขาวิชาพยาบาล สาขาวิชากายภาพบำบัด และสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ ให้ตรวจเลือดระหว่างปีการศึกษาเพื่อตรวจหาเชื้อเอชไอวี ว่า การบังคับตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อเอชไอวีของสถานศึกษา หรือสถานประกอบการนั้น ขัดกับหลักการของการเคารพสิทธิผู้ติดเชื้อเอชไอวี และก่อให้เกิดการเลือกปฏิบัติ เนื่องจากเมื่อมีการตรวจพบเชื้อเอชไอวี อาจทำให้บุคคลดังกล่าวถูกจำกัดสิทธิ หรือถูกกีดกันในการเข้าเรียน หรือเข้าทำงานได้ ฉะนั้น การตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อเอชไอวี เป็นสิทธิส่วนบุคคลที่จะเลือกตรวจหรือไม่ตรวจก็ได้ หากผู้ตรวจสมัครใจที่จะไปตรวจด้วยตัวเองจะต้องมีความพร้อมทางด้านจิตใจก่อน และผู้ให้การตรวจจะต้องมีบริการให้คำปรึกษาด้วย นอกจากนี้ ผลการตรวจจะต้องรู้เฉพาะผู้ตรวจและผู้รับการตรวจเท่านั้น ไม่ควรส่งต่อไปยังบุคคลที่ 3 หรือผู้บริหารสถานศึกษา หรือนายจ้าง
"การติดเชื้อเอชไอวีเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ และผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ยังมีสุขภาพแข็งแรงไปอีกหลาย 10 ปี การบังคับให้ตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อเอชไอวีนั้นอาจส่งผลให้เกิดการเลือกปฏิบัติทั้งการเรียนและการทำงาน ทำให้เขาไม่มีทางออก เราจึงต้องรณรงค์ให้ประเทศไทยลดการเลือกปฏิบัติ เพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้ติดเชื้อเอชไอวี” นายจอน กล่าว
นายจอน กล่าวอีกว่า สำหรับมหาวิทยาลัยคริสเตียน เมื่อได้พูดคุยหารือกับผู้บริหารแล้ว พบว่า ท่าทีรับฟังในการชี้แจงของคณะกรรมการเอดส์แห่งชาติ แต่ยังต้องขอปรึกษากับอธิการบดีอีกครั้งหนึ่ง ว่า จะมีการเปลี่ยนนโยบายในการตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อเอชไอวีหรือไม่อย่างไร ขณะเดียวกัน ทางคณะกรรมการจะเร่งรณรงค์สร้างความเข้าใจกับผู้บริหารสถานศึกษาและสถานประกอบการในเรื่องดังกล่าวต่อไป เพื่อไม่ให้เกิดการละเมิดสิทธิของผู้ติดเชื้อเอชไอวี โดยจะเริ่มจากที่ที่มีการร้องเรียนเข้ามาก่อน โดยในอีก 2 วัน ทางคณะกรรมการจะเข้าไปหารือกับผู้บริหารของโฮมโปรเพื่อทำความเข้าใจกับเรื่องดังกล่าวด้วย