ในที่สุดก็ออกทะเลไปไกล จนกังวลว่าจะล่มปากอ่าวเร็ววันนี้หรือไม่ สำหรับนโยบายลดความเหลื่อมล้ำ 3 กองทุนสุขภาพ ที่ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” ภูมิใจนักหนา โดยนายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมที่ใส่พานยกให้เป็นนโยบายสร้างชื่อ ได้หน้า เสร็จสมอารมณ์หมาย
ทว่า หลังจากทำสถิติประชุมเพื่อผลิตนโยบายคุณภาพที่ลดเหลื่อมล้ำจริงๆ ได้แค่ 5 ครั้งเท่านั้น ในการประชุมครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน การประชุมกลับน่าผิดหวังยิ่งนัก เพราะแทนที่จะเดินหน้ากำหนดยุทธศาสตร์ทิศทางระบบสาธารณสุขกับเป็นเพียง “นโยบายแจ้งเพื่อทราบ” ที่ข้าราชการขยันชงเพื่อเสนอหน้าเท่านั้น
ย้อนไปก่อนหน้านี้ ม.ค.2555 รัฐบาลยิ่งลักษณ์เดินเกมเร็วมากกับการประกาศจะลดความเหลื่อมล้ำ 3 กองทุนสุขภาพ โดยจัดให้มีการประชุม workshop ทั้ง 3 กองทุนสุขภาพ ซึ่งประชุมเพียงแค่ 2 ครั้ง เดือน ก.พ.ก็สามารถเคาะนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉินมาตรฐานเดียว (เริ่ม 1 เม.ย.เป็นต้นมา) ซึ่งเป็นไปตามคาดที่นโยบายนี้ได้ใจชาวบ้าน จนติดอันดับนโยบายที่ประชาชนพอใจสูงสุด และยังเป็นผลงานสำคัญที่รัฐบาลจะแถลงในโอกาสทำงานมาครบ 1 ปี ไม่เพียงแค่นั้น ประชุมครั้งต่อมาเดือน มี.ค.ก็ประกาศจะเดินหน้าลดเหลื่อมล้ำเอดส์ ไต แต่ยังไม่ได้กำหนดวันดีเดย์ที่แน่นอน บรรดากองเชียร์ต่างก็เฝ้าลุ้นว่า การประชุมครั้งที่ 6 นี้ น่าจะได้รู้ผลชัดเจน
แต่ทันทีที่ผลการประชุมออกมา ด้วยนโยบายบัตรสุขภาพเด็กไทย เมดิคัลฮับ และโอทอปสุขภาพ ก็เล่นเอากองเชียร์หมดแรงและผิดหวังเป็นแถบๆ
ก่อนหน้านี้ การประชุม workshop 3 กองทุน เป็นการประชุมเชิงยุทธศาสตร์ที่มีประสิทธิผลมาก คนร่วมประชุมไม่มาก แต่เป็นคนที่เกี่ยวข้องจริงๆ และไม่ใช่การประชุมที่เน้นนำเสนอ power point เพื่ออวดผลงาน แต่เป็นการซักถาม พูดคุยจริงๆ ณ เวลานั้น เอาของจริงมาพูดกัน ไม่ใช่เรื่องสร้างภาพ แต่พอประชุมครั้งที่ 4 และ 5 หลังดีเดย์เจ็บป่วยฉุกเฉินมาตรฐานเดียวแล้ว วงประชุมเริ่มใหญ่ หลายต่อหลายคนอยากเข้ามามีส่วนร่วม เล่นเอาที่ประชุมล้นที่นั่งแทบไม่พอ ข้อมูลเตรียมมาอัดแน่นแต่ที่ประชุมกลับเต็มไปด้วยคนไม่รู้จริง และไม่มีใครชงประเด็นสำคัญให้นายกฯ ตัดสินใจโครงการที่มาเสนอเอาใจนายกฯจึงมีแค่ 2 ประเด็น คือ เน้นเรื่องเด็ก สตรี และคนชรา เอาไว้ เพื่อเอาใจนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย กับอีกเรื่อง คือ วาระแจ้งเพื่อทราบเพื่อให้นายกฯปูได้รู้ว่า หน่วยงานของฉันกำลังทำอะไรอยู่เท่านั้น
เป็นที่ทราบกันดีว่า หลังจาก workshop ไป 3 ครั้ง โดยฝั่งทำเนียบเป็นผู้ประสานการประชุมแบบหลวมๆ ทีมงานเลขานุการที่จัดประชุมนี้ก็ถูกย้ายมาอยู่ในความรับผิดชอบของ นายวิทยา บุรณศิริ รมว.สธ.ที่แย่คือ การที่วิทยาโดนวัฒนธรรมการประชุมของข้าราชการเล่นงานแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว เพราะแทนที่จะเป็นการประชุมแบบ workshop หรือชื่อภาษาไทยว่าการประชุมเชิงปฏิบัติการ แต่กลายเป็นประชุมแบบข้าราชการไทย ด้วยชื่อแสนยาวว่า “การสร้างความเป็นเอกภาพและบูรณาการสิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบประกันสุขภาพภาครัฐ” แต่เนื้อในเป็นเพียงแจ้งเพื่อทราบ แจกเอกสาร ดู power point....
นั้นเพราะ นายวิทยา เองก็มองไม่เห็นว่า มีหนทางสร้างชื่ออยู่ตรงหน้า แต่ยังคงหมกมุ่นกับนโยบายเล็กๆ ที่ควรจะเป็นหน้าที่ของปลัด นี่จึงเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า รัฐมนตรีสาธารณสุข ยุคนี้ของพรรคเพื่อไทยอาจจะมีปัญหาด้านการคิดเชิงยุทธศาสตร์ และไม่เพียงเท่านั้นนี่อาจจะลามไปถึงครม.ยิ่งลักษณ์ทั้งยวงที่คิดเชิงยุทธศาสตร์ไม่เป็น ไม่เช่นนั้นในฐานะคนนั่งหัวโต๊ะ “ยิ่งลักษณ์” ในฐานะนายกรัฐมนตรีก็ควรต้องเอะใจบ้างแล้ว
แต่งานนี้ก็ใช่ว่าจะสายเกินแก้ หากกุนซือทั้งหลาย ช่วยกันสะกิดเตือนนายกฯปูให้กลับมาอยู่ในร่องในรอยโดยไว
ทว่า หลังจากทำสถิติประชุมเพื่อผลิตนโยบายคุณภาพที่ลดเหลื่อมล้ำจริงๆ ได้แค่ 5 ครั้งเท่านั้น ในการประชุมครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน การประชุมกลับน่าผิดหวังยิ่งนัก เพราะแทนที่จะเดินหน้ากำหนดยุทธศาสตร์ทิศทางระบบสาธารณสุขกับเป็นเพียง “นโยบายแจ้งเพื่อทราบ” ที่ข้าราชการขยันชงเพื่อเสนอหน้าเท่านั้น
ย้อนไปก่อนหน้านี้ ม.ค.2555 รัฐบาลยิ่งลักษณ์เดินเกมเร็วมากกับการประกาศจะลดความเหลื่อมล้ำ 3 กองทุนสุขภาพ โดยจัดให้มีการประชุม workshop ทั้ง 3 กองทุนสุขภาพ ซึ่งประชุมเพียงแค่ 2 ครั้ง เดือน ก.พ.ก็สามารถเคาะนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉินมาตรฐานเดียว (เริ่ม 1 เม.ย.เป็นต้นมา) ซึ่งเป็นไปตามคาดที่นโยบายนี้ได้ใจชาวบ้าน จนติดอันดับนโยบายที่ประชาชนพอใจสูงสุด และยังเป็นผลงานสำคัญที่รัฐบาลจะแถลงในโอกาสทำงานมาครบ 1 ปี ไม่เพียงแค่นั้น ประชุมครั้งต่อมาเดือน มี.ค.ก็ประกาศจะเดินหน้าลดเหลื่อมล้ำเอดส์ ไต แต่ยังไม่ได้กำหนดวันดีเดย์ที่แน่นอน บรรดากองเชียร์ต่างก็เฝ้าลุ้นว่า การประชุมครั้งที่ 6 นี้ น่าจะได้รู้ผลชัดเจน
แต่ทันทีที่ผลการประชุมออกมา ด้วยนโยบายบัตรสุขภาพเด็กไทย เมดิคัลฮับ และโอทอปสุขภาพ ก็เล่นเอากองเชียร์หมดแรงและผิดหวังเป็นแถบๆ
ก่อนหน้านี้ การประชุม workshop 3 กองทุน เป็นการประชุมเชิงยุทธศาสตร์ที่มีประสิทธิผลมาก คนร่วมประชุมไม่มาก แต่เป็นคนที่เกี่ยวข้องจริงๆ และไม่ใช่การประชุมที่เน้นนำเสนอ power point เพื่ออวดผลงาน แต่เป็นการซักถาม พูดคุยจริงๆ ณ เวลานั้น เอาของจริงมาพูดกัน ไม่ใช่เรื่องสร้างภาพ แต่พอประชุมครั้งที่ 4 และ 5 หลังดีเดย์เจ็บป่วยฉุกเฉินมาตรฐานเดียวแล้ว วงประชุมเริ่มใหญ่ หลายต่อหลายคนอยากเข้ามามีส่วนร่วม เล่นเอาที่ประชุมล้นที่นั่งแทบไม่พอ ข้อมูลเตรียมมาอัดแน่นแต่ที่ประชุมกลับเต็มไปด้วยคนไม่รู้จริง และไม่มีใครชงประเด็นสำคัญให้นายกฯ ตัดสินใจโครงการที่มาเสนอเอาใจนายกฯจึงมีแค่ 2 ประเด็น คือ เน้นเรื่องเด็ก สตรี และคนชรา เอาไว้ เพื่อเอาใจนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย กับอีกเรื่อง คือ วาระแจ้งเพื่อทราบเพื่อให้นายกฯปูได้รู้ว่า หน่วยงานของฉันกำลังทำอะไรอยู่เท่านั้น
เป็นที่ทราบกันดีว่า หลังจาก workshop ไป 3 ครั้ง โดยฝั่งทำเนียบเป็นผู้ประสานการประชุมแบบหลวมๆ ทีมงานเลขานุการที่จัดประชุมนี้ก็ถูกย้ายมาอยู่ในความรับผิดชอบของ นายวิทยา บุรณศิริ รมว.สธ.ที่แย่คือ การที่วิทยาโดนวัฒนธรรมการประชุมของข้าราชการเล่นงานแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว เพราะแทนที่จะเป็นการประชุมแบบ workshop หรือชื่อภาษาไทยว่าการประชุมเชิงปฏิบัติการ แต่กลายเป็นประชุมแบบข้าราชการไทย ด้วยชื่อแสนยาวว่า “การสร้างความเป็นเอกภาพและบูรณาการสิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบประกันสุขภาพภาครัฐ” แต่เนื้อในเป็นเพียงแจ้งเพื่อทราบ แจกเอกสาร ดู power point....
นั้นเพราะ นายวิทยา เองก็มองไม่เห็นว่า มีหนทางสร้างชื่ออยู่ตรงหน้า แต่ยังคงหมกมุ่นกับนโยบายเล็กๆ ที่ควรจะเป็นหน้าที่ของปลัด นี่จึงเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า รัฐมนตรีสาธารณสุข ยุคนี้ของพรรคเพื่อไทยอาจจะมีปัญหาด้านการคิดเชิงยุทธศาสตร์ และไม่เพียงเท่านั้นนี่อาจจะลามไปถึงครม.ยิ่งลักษณ์ทั้งยวงที่คิดเชิงยุทธศาสตร์ไม่เป็น ไม่เช่นนั้นในฐานะคนนั่งหัวโต๊ะ “ยิ่งลักษณ์” ในฐานะนายกรัฐมนตรีก็ควรต้องเอะใจบ้างแล้ว
แต่งานนี้ก็ใช่ว่าจะสายเกินแก้ หากกุนซือทั้งหลาย ช่วยกันสะกิดเตือนนายกฯปูให้กลับมาอยู่ในร่องในรอยโดยไว
