ในที่สุด “นพ.วินัย สวัสดิวร” ก็กลับมายึดเก้าอี้เลขาธิการ สปสช.ต่อเนื่องเป็นวาระที่สองได้เป็นผลสำเร็จ ด้วยคะแนนอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ 22 คะแนน จากทั้งหมด 30 เสียง นายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข งดออกคะแนนเสียง 1 เสียง ทำให้ทิ้งห่างอันดับ 2 นพ.สมเกียรติ วัฒนศิริชัยกุล ที่ได้เพียง 7 คะแนนเท่านั้น
คะแนนในการเลือกเลขาธิการ สปสช.ครั้งนี้ สิ่งที่น่าสนใจไม่ใช่ 22 คะแนนที่ให้หมอวินัย แต่เป็น 7 คะแนน ที่เทให้หมอสมเกียรติ 7 คะแนนนี้ ซึ่งสะท้อนปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเครือข่ายแพทย์ในนามสมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป (สพศท.) นำโดย พญ.ประชุมพร บูรณ์เจริญ ขึ้นป้ายใน รพ.ทั่วประเทศต้านคนมีปัญหานั่งเลขาธิการ สปสช.และสหพันธ์ผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์และสาธารณสุขแห่งประเทศไทย (สผพท.) นำโดยหมอเชิดชู อริยศรีวัฒนา ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีหญิงให้ยกเลิกการสรรหาโดยอ้างว่าไม่โปร่งใส และมีการสัญญาว่าจะให้ ทำให้มีการเลื่อนการเลือกเลขาธิการ สปสช.หลายครั้งหลายหน
อาจกล่าวได้ว่า ทั้ง 2 เครือข่ายถือเป็นกลุ่มที่ไม่ได้ยินดีปรีดากับนโยบาย 30 บาท ตั้งแต่เริ่มแรก ซ้ำยังคัดค้านมาโดยตลอด ถึงขั้นเคยใส่ปลอกแขนดำ เพื่อประท้วงกฎหมายฉบับนี้มาแล้วเมื่อปี 45 ที่สำคัญ ยังชิงชังกลุ่มเอ็นจีโอและแพทย์ชนบท ดังนั้นจึงอาศัยจังหวะร่วมกับกลุ่มการเมืองมาเป็นพวก และเกือบทำได้สำเร็จ
เดิมหมอกลุ่มนี้ ถูกมองว่า เป็นเพียงตัวป่วนในวงการสาธารณสุข แต่เบื้องหลังจับมือแน่นกับกลุ่มแพทยสภา สมาคม รพ.เอกชน ประกอบกับฝ่ายการเมืองต้องการลดบทบาทสายแพทย์ชนบทที่ครอบงำองค์กรตระกูล ส.จึงหันไปจับมือหนุนแพทย์อีกกลุ่ม และพยายามเข้ากุมอำนาจในบอร์ด สปสช.โดยเฉพาะในสัดส่วนผู้ทรงคุณวุฒิ ที่เขี่ยสายแพทย์ชนบทกระเด็นไม่มีเหลือ กระทั่งบอร์ด สปสช.กลายเป็นบอร์ดที่การเมืองกุมได้หมด
แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไป เมื่อฝ่ายการเมืองเริ่มรู้ตัว เนื่องจากบรรยากาศในที่ประชุมบอร์ด สปสช.ทุกครั้ง แพทย์กลุ่มนี้ไม่เอาทุกเรื่องที่วิทยาเสนอ 5-6 เดือนที่ผ่านมา ย่อมทำให้วิทยา มองออกว่า ถ้าจะให้ 30 บาทเดินหน้า เพื่อสร้างผลงานให้เข้าตา เป็นฐานเพื่อสร้างอนาคตและบารมีทางการเมืองต่อไป เขาต้องต่อยอด 30 บาทให้ได้ แม้แต่เรื่องฉุกเฉิน 3 กองทุน ในที่ประชุมบอร์ดสปสช.ก็มีเหตุสะดุดหลายประการ
ขณะที่ นพ.วินัย เองก็พยายามสร้างผลงานให้เข้าตา และแสดงชัดเจนว่า ยอมทุกอย่างต่อฝ่ายการเมือง แว่วว่า ถึงขั้นไปหาทักษิณที่ลาว เมื่อช่วงสงกรานต์มาแล้ว ขณะที่การเมืองไม่มีตัวเลือก ที่สำคัญ อาจยังไม่อยากหักหน้ากลุ่มแพทย์ชนบทและเอ็นจีโอ การเลือกหมอวินัยให้เป็นต่อ ก็เป็นทางเลือกที่ดี ในที่สุดเมื่อวันที่ 14 พ.ค.ถึงเวลาต้องเลือกเลขาธิการคนใหม่ ผู้ที่แพทย์สายนี้ส่งท้าชิง ก็เป็นแพทย์ที่มีประวัติ ไม่เอาทักษิณ ทำให้ฝ่ายการเมืองเกิดความไม่มั่นใจ แน่นอนว่า 7 คะแนน ที่เลือก นพ.สมเกียรติ เป็นสายกลุ่มแพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิที่เพิ่งได้รับเลือกเข้าไป นั่นเอง
ด้วยประสบการณ์การเมืองจากการเป็นประธานวิปฝ่ายค้าน แม้ว่าจะเป็นรัฐมนตรีหน้าใหม่ของกระทรวงหมอ ที่อาจเพลี่ยงพล้ำวิทยายุทธ์ของบรรดาคุณหมอ ก็ตัดสินใจได้ว่า จะเลือกจับมือกับใคร ระหว่างกลุ่มหมอที่ก่อตั้ง 30 บาท หรือ 2 เครือข่ายหมอ ที่คัดค้าน 30 บาทมาโดยตลอด
ดังนั้น 7 คะแนน ที่เลือกหมอสมเกียรติ จึงมีนัยสำคัญอย่างยิ่ง เป็นสัญญาณส่งถึงใครบางคนที่เชื้อเชิญหมอกลุ่มนี้มาเป็นบอร์ด สปสช.ได้ว่า เดินเกมผิด ทำให้เสียรังวัดกับบารมีที่สร้างมาในสธ. ด้วยข้อหาเลือกคบคนผิด! ที่สำคัญ เป็นสัญญาณ บอกว่า วิทยา “เอาไม่อยู่” (อีกแล้ว) กับเครือข่ายกลุ่มหมอที่ตัวเองเป็นฝ่ายเชื้อเชิญเข้ามาเองกับมือ
ทีมข่าวสาธารณสุข