“สุชาติ” จวกสื่อเอียงทำแดงคุณภาพไม่ช่วยงานการศึกษา ย้ำ รายชื่ออนุ กก.สกศ.มีทุกสี ยกตัวเป็น “แกนนำเสื้อขาว” มีคุณธรรมมากพอแบ่งแยกชั่ว-ดีได้ ด้าน “เอนก” แจงรายชื่อ อนุ กก.สกศ.พิจารณาจากประวัติและประสบการณ์ไม่ได้เลือกจากสี ยันไม่ได้สั่งลบลิงก์ ชี้ เจ้าหน้าที่ตกใจที่เห็นข่าวเลยนึกว่ามีข้อผิดพลาดเตรียมสั่งนำขึ้นเว็บไซต์ดังเดิม
สืบเนื่องจากที่ ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการสภาการศึกษา เมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยมีรายชื่อของแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) อยู่ในคณะอนุกรรมการแต่ละด้าน อาทิ นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธาน นปช. นายวรพล พรหมิกบุตร อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นคณะอนุกรรมการสภาการศึกษาด้านนโยบายและแผนการศึกษา นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ แกนนำกลุ่มนิติราษฎร์ เป็นคณะอนุรรมการสภาการศึกษา ด้านกฎหมายการศึกษา นายไกรสิน โตทับเที่ยง อดีตผู้สมัคร ส.ส.ตรัง พรรคไทยรักไทย นายสมาน เลิศวงศ์รัฐ อดีตนายทะเบียนพรรคไทยรักไทย และนายสิงห์ทอง บัวชุม อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขตบางกะปิ กทม.เป็นคณะอนุกรรมการสภาการศึกษาด้านติดตามและประเมินผลการศึกษา
นายอุดมเกียรติ ปานมี ทนายเสื้อแดงและอดีตผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคเพื่อไทย เป็นคณะอนุกรรมการสภาการศึกษา ด้านการสร้างจิตสำนึกคุณธรรม และจริยธรรม น.ส.ศุภรัตน์ นาคบุญนำ อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายรัฐมนตรี เป็นคณะอนุกรรมการสภาการศึกษา ด้านการพัฒนา และเสริมสร้างนวัตกรรมทางการศึกษา และ นางเยาวเรศ ชินวัตร พี่สาว น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกฯ เป็นคณะอนุกรรมการสภาการศึกษา ด้านพัฒนาศักยภาพเยาวชนสตรีในสถานศึกษา อย่างไรก็ตาม การแต่งตั้งดังกล่าวมีผู้ให้ความเห็นถึงความไม่เหมาะสมพร้อมขอให้ ศ.ดร.สุชาติ ออกมาชี้แจง
วันนี้ (10 ส.ค.) ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ศ.ดร.สุชาติ ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีคำสั่งแต่งตั้งดังกล่าว ว่า คณะทำงานของ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) เสนอชื่อบุคคลที่เหมาะสมจะทำหน้าที่อนุกรรมการสภาการศึกษาเข้ามา ซึ่งถ้าดูในรายละเอียดมีคนที่มีคุณวุฒิหลายแบบ ถ้าจะแยกเป็นสี ก็มีทั้งเสื้อเหลือง และสีต่างๆ ตนมองเห็นว่า เป็นสิ่งที่ดีที่จะมานั่งพูดคุยกันในที่ที่สามารถคุยกันได้มากกว่าไปพูดคุยกันตามที่ต่างๆ อยากให้สื่อทำข่าวที่เป็นประโยชน์และสร้างสรรค์ เพราะข่าวที่ทำร้ายประเทศ จะทำให้ประเทศด้อยพัฒนา ฝากเจ้าของสำนักพิมพ์ให้ไปดูหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ ว่า เสนอข่าวอย่างไร เขาเสนอความจริง ถ้าเราเสนอข่าวคนแย่ๆ ไม่แยกแยะความดี ความเลว ประเทศก็จะพัฒนาได้ยาก คนเขาดีๆ ไปทำให้เขาแย่ ก็จะไม่มีคนไหนมาดูแลบริหารประเทศ
“ผมเป็นผู้นำเสื้อขาว ผมอยู่กับพี่น้องประชาชนเสมอ หลายคนรู้ว่าผมเป็นคนแรกที่ไปเปิดหมู่บ้านเสื้อแดง แต่ไม่ได้หมายความว่า เราจะดึงเขาไปในที่ที่ไม่เหมาะสม วันนี้มาเป็นรัฐมนตรีว่าการ ศธ.แล้ว ผมก็ดึงคุณธรรมขึ้นมาให้เห็นว่า การละชั่วทำดีทำจิตให้ผ่องแผ่ว จะเป็นสิ่งที่จะสร้างและพัฒนาชาติ ทั้งนี้ ในกระบวนการแต่งตั้งทั้ง 36 คน ไปดูกันได้ว่ามีมาจากเสื้อทุกสี หลายคนอ่านตามชื่อสามารถมาเป็นรัฐมนตรีได้ ทำไมเราจะขอให้เขามาช่วยทำงานเล็กๆ ไม่ได้ แต่พออ่านข่าว เขาก็ไม่มาช่วย ศธ.แล้ว ผมก็ต้องให้ สกศ.ไปทาบทามหาชื่อใหม่มา”ศ.ดร.สุชาติ กล่าว
ด้าน นายเอนก เพิ่มวงศ์เสนีย์ เลขาธิการ สกศ.กล่าวว่า การแต่งตั้งคณะอนุกรรรมการนั้น พิจารณาจากประวัติและประสบการณ์ของแต่ละคนที่ได้รับการเสนอชื่อ และต้องการคนที่มีความรู้ความสามารถหลากหลายอาชีพ เพื่อร่วมกันนำเสนอความคิดเห็นเพื่อพัฒนาการศึกษา ไม่ได้มาพิจารณาว่าคนที่ถูกเสนอชื่อมานั้นมาจากคนกลุ่มใด หรือสีอะไร เช่น นางธิดา นั้นประวัติก็เป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยมาก่อน ทั้งนี้ บทบาทของคณะอนุกรรมการนั้น ไม่ได้มีอำนาจสั่งการใด เพียงแต่มีการร่วมเสนอความเห็นและการตัดสินใจใดๆ ก็ต้องใช้เสียงส่วนใหญ่ของคณะอนุกรรรมการ ไม่ได้หมายความว่า คนใดคนหนึ่งในคณะอนุกรรมการจะมีอำนาจเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งในคณะอนุกรรมการคนใดแจ้งขอถอนตัวจากการเป็นคณะอนุกรรมการ มายัง สกศ.และแม้จะมีการถอนตัว แต่การทำงานต่างๆ ของอนุกรรมการก็ยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้ เพราะคณะอนุกรรมการเป็นการแต่งตั้ง ไม่ได้มาจากการสรรหา
ส่วนกรณีที่ สกศ.ลบลิงก์ไฟล์รูปภาพคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการออกจากเว็บไซต์ สกศ.เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม นั้น นายเอนก กล่าวว่า เนื่องจากเจ้าหน้าที่เห็นข่าวแล้วตกใจ และเข้าใจว่า มีความผิดพลาดในรายชื่อของคณะอนุกรรมการ จึงได้ถอดลิงก์ดังกล่าวออกมาก่อนเพื่อทำการตรวจเช็กข้อมูลอีกครั้ง ซึ่งตนยืนยันว่า ไม่ได้สั่งการให้ลบทิ้งแต่อย่างใด ซึ่งจากนี้ก็จะสั่งการให้นำขึ้นเว็บไซต์ดังเดิม เพราะเป็นเรื่องที่สามารถเผยแพร่ได้ ไม่ได้ปิดบัง
นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวว่า ตนไม่มีความเห็นอะไร เพราะการทำงานต้องดูที่คุณภาพของงาน เวลาที่คนไหนจะเข้ามานั่งอยู่ในตำแหน่งคณะกรรมการ เขาจะต้องถอดบทบาทด้านการเมืองออกไป และเอาประสบการณ์ความคิดของเขามารวมพลังกันในทางความคิดในคณะกรรมการ และถ้าหากอนุกรรมการคนใดที่ไม่สามารถแยกแยะในส่วนนี้ได้ก็จะเกิดผลเสียกับตัวเขาเอง การยอมรับในที่ประชุมก็จะลดน้อยลง ดังนั้น ตนไม่ตัดสินใครจากสี ก็ต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ในการทำงาน เมื่อเข้ามาแล้วก็ต้องดูที่การทำงาน สังคมจะรับรู้เองหากดีหรือไม่ดี ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ
“ผมไม่ตัดสินคนด้วยการเมือง เพราะผมเป็นคนทำงานไม่แบ่งข้าง ไม่มีการแบ่งฝ่ายแบ่งสี แต่ทำงานด้วยการยอมรับในความคิด ถ้าความคิดดีไม่ว่าจะมาจากสีไหนก็ยอมทำงานด้วยได้โดยไม่มีอคติ คิดว่า ต้องรอดูเวลาสักนิดหนึ่งก่อน ผลที่ออกมาก็จะปรากฏ และเมื่อผลออกมามีความเอนเอียง ทำไปเพื่อประโยชน์ของพรรคพวก เราก็จะไม่ยอมรับในส่วนนั้น แต่ขอให้เวลาเป็นตัวตัดสิน”นายชินภัทร กล่าว
สืบเนื่องจากที่ ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการสภาการศึกษา เมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยมีรายชื่อของแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) อยู่ในคณะอนุกรรมการแต่ละด้าน อาทิ นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธาน นปช. นายวรพล พรหมิกบุตร อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นคณะอนุกรรมการสภาการศึกษาด้านนโยบายและแผนการศึกษา นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ แกนนำกลุ่มนิติราษฎร์ เป็นคณะอนุรรมการสภาการศึกษา ด้านกฎหมายการศึกษา นายไกรสิน โตทับเที่ยง อดีตผู้สมัคร ส.ส.ตรัง พรรคไทยรักไทย นายสมาน เลิศวงศ์รัฐ อดีตนายทะเบียนพรรคไทยรักไทย และนายสิงห์ทอง บัวชุม อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขตบางกะปิ กทม.เป็นคณะอนุกรรมการสภาการศึกษาด้านติดตามและประเมินผลการศึกษา
นายอุดมเกียรติ ปานมี ทนายเสื้อแดงและอดีตผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคเพื่อไทย เป็นคณะอนุกรรมการสภาการศึกษา ด้านการสร้างจิตสำนึกคุณธรรม และจริยธรรม น.ส.ศุภรัตน์ นาคบุญนำ อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายรัฐมนตรี เป็นคณะอนุกรรมการสภาการศึกษา ด้านการพัฒนา และเสริมสร้างนวัตกรรมทางการศึกษา และ นางเยาวเรศ ชินวัตร พี่สาว น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกฯ เป็นคณะอนุกรรมการสภาการศึกษา ด้านพัฒนาศักยภาพเยาวชนสตรีในสถานศึกษา อย่างไรก็ตาม การแต่งตั้งดังกล่าวมีผู้ให้ความเห็นถึงความไม่เหมาะสมพร้อมขอให้ ศ.ดร.สุชาติ ออกมาชี้แจง
วันนี้ (10 ส.ค.) ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ศ.ดร.สุชาติ ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีคำสั่งแต่งตั้งดังกล่าว ว่า คณะทำงานของ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) เสนอชื่อบุคคลที่เหมาะสมจะทำหน้าที่อนุกรรมการสภาการศึกษาเข้ามา ซึ่งถ้าดูในรายละเอียดมีคนที่มีคุณวุฒิหลายแบบ ถ้าจะแยกเป็นสี ก็มีทั้งเสื้อเหลือง และสีต่างๆ ตนมองเห็นว่า เป็นสิ่งที่ดีที่จะมานั่งพูดคุยกันในที่ที่สามารถคุยกันได้มากกว่าไปพูดคุยกันตามที่ต่างๆ อยากให้สื่อทำข่าวที่เป็นประโยชน์และสร้างสรรค์ เพราะข่าวที่ทำร้ายประเทศ จะทำให้ประเทศด้อยพัฒนา ฝากเจ้าของสำนักพิมพ์ให้ไปดูหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ ว่า เสนอข่าวอย่างไร เขาเสนอความจริง ถ้าเราเสนอข่าวคนแย่ๆ ไม่แยกแยะความดี ความเลว ประเทศก็จะพัฒนาได้ยาก คนเขาดีๆ ไปทำให้เขาแย่ ก็จะไม่มีคนไหนมาดูแลบริหารประเทศ
“ผมเป็นผู้นำเสื้อขาว ผมอยู่กับพี่น้องประชาชนเสมอ หลายคนรู้ว่าผมเป็นคนแรกที่ไปเปิดหมู่บ้านเสื้อแดง แต่ไม่ได้หมายความว่า เราจะดึงเขาไปในที่ที่ไม่เหมาะสม วันนี้มาเป็นรัฐมนตรีว่าการ ศธ.แล้ว ผมก็ดึงคุณธรรมขึ้นมาให้เห็นว่า การละชั่วทำดีทำจิตให้ผ่องแผ่ว จะเป็นสิ่งที่จะสร้างและพัฒนาชาติ ทั้งนี้ ในกระบวนการแต่งตั้งทั้ง 36 คน ไปดูกันได้ว่ามีมาจากเสื้อทุกสี หลายคนอ่านตามชื่อสามารถมาเป็นรัฐมนตรีได้ ทำไมเราจะขอให้เขามาช่วยทำงานเล็กๆ ไม่ได้ แต่พออ่านข่าว เขาก็ไม่มาช่วย ศธ.แล้ว ผมก็ต้องให้ สกศ.ไปทาบทามหาชื่อใหม่มา”ศ.ดร.สุชาติ กล่าว
ด้าน นายเอนก เพิ่มวงศ์เสนีย์ เลขาธิการ สกศ.กล่าวว่า การแต่งตั้งคณะอนุกรรรมการนั้น พิจารณาจากประวัติและประสบการณ์ของแต่ละคนที่ได้รับการเสนอชื่อ และต้องการคนที่มีความรู้ความสามารถหลากหลายอาชีพ เพื่อร่วมกันนำเสนอความคิดเห็นเพื่อพัฒนาการศึกษา ไม่ได้มาพิจารณาว่าคนที่ถูกเสนอชื่อมานั้นมาจากคนกลุ่มใด หรือสีอะไร เช่น นางธิดา นั้นประวัติก็เป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยมาก่อน ทั้งนี้ บทบาทของคณะอนุกรรมการนั้น ไม่ได้มีอำนาจสั่งการใด เพียงแต่มีการร่วมเสนอความเห็นและการตัดสินใจใดๆ ก็ต้องใช้เสียงส่วนใหญ่ของคณะอนุกรรรมการ ไม่ได้หมายความว่า คนใดคนหนึ่งในคณะอนุกรรมการจะมีอำนาจเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งในคณะอนุกรรมการคนใดแจ้งขอถอนตัวจากการเป็นคณะอนุกรรมการ มายัง สกศ.และแม้จะมีการถอนตัว แต่การทำงานต่างๆ ของอนุกรรมการก็ยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้ เพราะคณะอนุกรรมการเป็นการแต่งตั้ง ไม่ได้มาจากการสรรหา
ส่วนกรณีที่ สกศ.ลบลิงก์ไฟล์รูปภาพคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการออกจากเว็บไซต์ สกศ.เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม นั้น นายเอนก กล่าวว่า เนื่องจากเจ้าหน้าที่เห็นข่าวแล้วตกใจ และเข้าใจว่า มีความผิดพลาดในรายชื่อของคณะอนุกรรมการ จึงได้ถอดลิงก์ดังกล่าวออกมาก่อนเพื่อทำการตรวจเช็กข้อมูลอีกครั้ง ซึ่งตนยืนยันว่า ไม่ได้สั่งการให้ลบทิ้งแต่อย่างใด ซึ่งจากนี้ก็จะสั่งการให้นำขึ้นเว็บไซต์ดังเดิม เพราะเป็นเรื่องที่สามารถเผยแพร่ได้ ไม่ได้ปิดบัง
นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวว่า ตนไม่มีความเห็นอะไร เพราะการทำงานต้องดูที่คุณภาพของงาน เวลาที่คนไหนจะเข้ามานั่งอยู่ในตำแหน่งคณะกรรมการ เขาจะต้องถอดบทบาทด้านการเมืองออกไป และเอาประสบการณ์ความคิดของเขามารวมพลังกันในทางความคิดในคณะกรรมการ และถ้าหากอนุกรรมการคนใดที่ไม่สามารถแยกแยะในส่วนนี้ได้ก็จะเกิดผลเสียกับตัวเขาเอง การยอมรับในที่ประชุมก็จะลดน้อยลง ดังนั้น ตนไม่ตัดสินใครจากสี ก็ต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ในการทำงาน เมื่อเข้ามาแล้วก็ต้องดูที่การทำงาน สังคมจะรับรู้เองหากดีหรือไม่ดี ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ
“ผมไม่ตัดสินคนด้วยการเมือง เพราะผมเป็นคนทำงานไม่แบ่งข้าง ไม่มีการแบ่งฝ่ายแบ่งสี แต่ทำงานด้วยการยอมรับในความคิด ถ้าความคิดดีไม่ว่าจะมาจากสีไหนก็ยอมทำงานด้วยได้โดยไม่มีอคติ คิดว่า ต้องรอดูเวลาสักนิดหนึ่งก่อน ผลที่ออกมาก็จะปรากฏ และเมื่อผลออกมามีความเอนเอียง ทำไปเพื่อประโยชน์ของพรรคพวก เราก็จะไม่ยอมรับในส่วนนั้น แต่ขอให้เวลาเป็นตัวตัดสิน”นายชินภัทร กล่าว