“สุขุมพันธุ์” เอาจริงฟ้องดีเอสไอ กรณีจ้างบีทีเอส ยันบริสุทธิ์ใจ พร้อมเตรียมนำไปเป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ลั่นจะทำบีทีเอสให้มีความต่อเนื่อง บอกเป็นหน้าที่ของตน
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าว ว่า ได้สั่งการให้ฝ่ายกฎหมายรวบรวมข้อมูลรายละเอียดข้อเท็จจริง กรณีทำสัญญาเดินรถไฟฟ้า กับบริษัท ระบบส่งขนมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอสซี เพื่อฟ้องร้องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบธรรม ตามมาตรา 157 ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า ตนเองก็ต้องมีการรวบรวมหลักฐานทางด้านกฏหมายอยู่แล้ว เนื่องจากที่ผ่านมา ดีเอสไอ มองว่า กทม.อาจจะดำเนินการไม่ถูกต้อง แต่ที่ผ่านมา ก็ได้มีการชี้แจงมาโดยตลอด ซึ่งตนเองทำหน้าที่ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ส่วนที่ที่ดีเอสไอพยายามทำเรื่องนี้ให้ยืดเยื้อ เพื่อให้เรื่องนี้เข้าคณะกรรมการคดีพิเศษชุดใหม่ซึ่งจะมีผลในวันที่ 7 กันยายนนี้นั้น ตนก็ไม่กังวล เนื่องจากมีความมั่นใจในหลักกฎหมายในการดำเนินงานของ กทม.และตนเองจะนำประเด็นบีทีเอสใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.อีกด้วย ซึ่งมั่นใจว่า จะทำให้ประชาชนจำนวนกว่า 5 แสนคนพึงพอใจ เพราะเชื่อมั่นว่าได้ทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
ต่อข้อถามที่ว่า หากคณะกรรมการคดีพิเศษดีเอสไอ รับการว่าจ้างบีทีเอสเป็นคดีพิเศษจริง และอาจทำให้โครงการหยุดชะงัก จะทำอย่างไร ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า อยากให้มองในที่ละเรื่อง เอาให้ถึง ณ จุดนั้นก่อน ซึ่งตนเองถือว่าสิ่งที่สำคัญที่สุด จะต้องดำเนินการให้บริการบีทีเอส กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง
“ขณะนี้บ้านเมืองกำลังสับสนวุ่นวาย ดังนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดของผมคือ ต้องทำบีทีเอสให้มีความต่อเนื่อง เพราะมันคือหน้าที่ของผม” ผู้ว่าฯกทม.กล่าว
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าว ว่า ได้สั่งการให้ฝ่ายกฎหมายรวบรวมข้อมูลรายละเอียดข้อเท็จจริง กรณีทำสัญญาเดินรถไฟฟ้า กับบริษัท ระบบส่งขนมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอสซี เพื่อฟ้องร้องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบธรรม ตามมาตรา 157 ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า ตนเองก็ต้องมีการรวบรวมหลักฐานทางด้านกฏหมายอยู่แล้ว เนื่องจากที่ผ่านมา ดีเอสไอ มองว่า กทม.อาจจะดำเนินการไม่ถูกต้อง แต่ที่ผ่านมา ก็ได้มีการชี้แจงมาโดยตลอด ซึ่งตนเองทำหน้าที่ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ส่วนที่ที่ดีเอสไอพยายามทำเรื่องนี้ให้ยืดเยื้อ เพื่อให้เรื่องนี้เข้าคณะกรรมการคดีพิเศษชุดใหม่ซึ่งจะมีผลในวันที่ 7 กันยายนนี้นั้น ตนก็ไม่กังวล เนื่องจากมีความมั่นใจในหลักกฎหมายในการดำเนินงานของ กทม.และตนเองจะนำประเด็นบีทีเอสใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.อีกด้วย ซึ่งมั่นใจว่า จะทำให้ประชาชนจำนวนกว่า 5 แสนคนพึงพอใจ เพราะเชื่อมั่นว่าได้ทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
ต่อข้อถามที่ว่า หากคณะกรรมการคดีพิเศษดีเอสไอ รับการว่าจ้างบีทีเอสเป็นคดีพิเศษจริง และอาจทำให้โครงการหยุดชะงัก จะทำอย่างไร ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า อยากให้มองในที่ละเรื่อง เอาให้ถึง ณ จุดนั้นก่อน ซึ่งตนเองถือว่าสิ่งที่สำคัญที่สุด จะต้องดำเนินการให้บริการบีทีเอส กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง
“ขณะนี้บ้านเมืองกำลังสับสนวุ่นวาย ดังนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดของผมคือ ต้องทำบีทีเอสให้มีความต่อเนื่อง เพราะมันคือหน้าที่ของผม” ผู้ว่าฯกทม.กล่าว