xs
xsm
sm
md
lg

บอร์ดพัฒนาระบบยาฯไฟเขียวร่างแผนปฏิบัติการ 5 ปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คกก.พัฒนาระบบยาแห่งชาติ เตรียมร่างแผนปฏิบัติการ 5 ปี พร้อมเกณฑ์จริยธรรม และหลักเกณฑ์การกำหนดราคากลางยา เสนอ ครม. ตั้งเป้าทุกระบบหลักประกันเข้าถึงและใช้ยาอย่างมีคุณภาพ

วันนี้ (9 ส.ค.) ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ ครั้งที่ 1 ประจำปี 2555 ว่า ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบ 3 เรื่อง ได้แก่ 1.ร่างแผนปฏิบัติการตามยุทธศาสตร์การพัฒนาการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ พ.ศ.2555-2559 2.ร่างเกณฑ์จริยธรรมว่าด้วยการส่งเสริมการขายยาของประเทศไทย และ 3.ร่างหลักเกณฑ์การกำหนดราคากลางยา ซึ่งจะนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบต่อไป

นายวิทยา กล่าวว่า ร่างแผนปฏิบัติการตามยุทธศาสตร์การพัฒนาการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ พ.ศ.2555-2559 ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ 4 ด้าน ได้แก่ 1.ยุทธศาสตร์การเข้าถึงยา จะให้มีระบบและกลไกการควบคุมราคายาตั้งแต่การแสดงโครงสร้างราคายา การกำหนดราคา และการแสดงราคายา เป็นมาตรฐานของประเทศ 1 ระบบ มีระบบการคัดเลือกและจัดหายาจำเป็นด้านสาธารณสุขของประเทศที่มีปัญหาการเข้าถึงยา หรือมีปัญหาขาดแคลน รวมถึงยากำพร้า การกระจายยาทั้งในภาวะปกติและเกิดภัยพิบัติ เพิ่มจำนวนรายการยาจำเป็น ที่ได้รับการแก้ไขปัญหาที่ประชาชนเข้าไม่ถึงในทุกระบบประกันสุขภาพอย่างน้อยอีก 20 รายการ

2.ยุทธศาสตร์การใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล จากข้อมูลของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขในปี 2554 ไทยมีมูลค่าการบริโภคยาภายในประเทศ 144,570 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 35 ของค่าใช้จ่ายสุขภาพ องค์การอนามัยโลกมีข้อสรุปว่าการใช้ยาอย่างไม่สมเหตุผลเป็นปัญหาเร่งด่วนของประเทศต่างๆ ในวงกว้าง ส่งผลเสียต่อการรักษาผู้ป่วย เกิดปัญหาอาการไม่พึงประสงค์จากยาและทำให้ปัญหาเชื้อดื้อยาสูงขึ้น ในการแก้ไขปัญหานี้มีเป้าหมายสำคัญ อาทิเช่น จะลดค่าใช้จ่ายด้านยาต่อค่าใช้จ่ายสุขภาพของประเทศลงให้ได้ร้อยละ 5 จัดทำมาตรฐานการบำบัดรักษาโรคของประเทศไทย โดยเฉพาะโรคที่เป็นปัญหาสาธารณสุขในทุกระดับภายใน 3 ปี ให้มีการใช้บัญชียาหลักแห่งชาติในการกำหนดสิทธิประโยชน์ของระบบหลักประกันสุขภาพทุกระบบ จัดหลักสูตรการศึกษาและการศึกษาต่อเนื่องของบุคลากรผู้สั่งใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล และหลักสูตรสำหรับนักเรียนและนักศึกษาทั่วไปภายใน 3 ปี ลดการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างไม่สมเหตุผลลงให้ได้ร้อยละ 50 เป็นต้น เป็นต้น

3.ยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมยา สมุนไพร และชีววัตถุ ในประเทศเพื่อการพึ่งตนเองอย่างยั่งยืนและมั่นคง มีเป้าหมาย เช่น เพิ่มการบริโภคยาสามัญใหม่ที่ผลิตในประเทศทดแทนการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 40 ภายใน 3 ปี และเพิ่มเป็นร้อยละ 60 ภายใน 5 ปี เพิ่มรายการยาสามัญรายการใหม่ที่ผลิตในประเทศอย่างน้อย 30 รายการ สร้างความเชื่อมั่นต่อยาชื่อสามัญและยาสมุนไพรจากแพทย์ และจากประชาชนอย่างน้อยร้อยละ 80 เป็นต้น

4.ยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบการควบคุมยา เพื่อประกันคุณภาพ ประสิทธิผลและความปลอดภัยของยา มีเป้าหมายสำคัญ เช่น จะพัฒนาผู้ประเมินทะเบียนตำรับยาภายในสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย.ให้มีมาตรฐาน ตามระบบคุณภาพภายใน 3 ปี ให้ได้ร้อยละ 70 และครบทั้งหมดภายใน 5 ปี พัฒนาระบบการเฝ้าระวังคุณภาพยาหลังออกสูตลาดของประเทศ ตั้งแต่การกำหนดยาที่ต้องเฝ้าระวัง การตรวจทางห้องปฏิบัติการ และการใช้ฐานข้อมูลเพื่อการเฝ้าระวัง ให้ได้ภายใน 3 ปี ปรับปรุงกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการพิจารณาระบบควบคุมยาอย่างน้อยปีละ 1 ฉบับ พัฒนาระบบรหัสมาตรฐานยาแห่งชาติให้ได้ร้อยละ 50 ภายใน 2 ปี และครบทั้งหมดภายใน 5 ปี

นายวิทยา กล่าวอีกว่า สำหรับร่างเกณฑ์จริยธรรมว่าด้วยการส่งเสริมการขายยาของประเทศไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นเกณฑ์กลางของประเทศ ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องสามารถนำไปประยุกต์ใช้หรือขยายเพิ่มเติมได้มี 7 หมวด ได้แก่ 1.คำนิยาม 2.ผู้สั่งใช้ยา 3.ผู้บริหาร หรือผู้มีอำนาจ 4.เภสัชกร 5.บริษัทยาและผู้แทนยา 6.สถานพยาบาล และ 7.สถานศึกษา

นายวิทยา กล่าวต่อไปว่า ส่วนร่างหลักเกณฑ์การกำหนดราคากลางยา ซึ่งยังไม่เคยประกาศใช้มาก่อนในประเทศ จะนำมาใช้เป็นกรอบในการจัดซื้อยาของหน่วยงานภาครัฐทั้งยาแผนปัจจุบันและยาสมุนไพร ซึ่งไม่ใช่ราคาต่ำสุด เพื่อให้ผู้ซื้อสามารถซื้อได้ ผู้ขายสามารถแข่งขันและขายได้ในราคาที่เหมาะสมกับคุณภาพยา รายการยาที่สภากาชาดไทยผลิตเพียงผู้เดียว ให้ใช้ราคากลางตามที่สภากาชาดกำหนด เป็นต้น
กำลังโหลดความคิดเห็น