ผลสำรวจความโปร่งใสในอาเซียน ไทยได้ 3-4 คะแนน เต็ม 10 คะแนน องคมนตรี ชี้ นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ควรวิจัยยีนก่อคอร์รัปชันในตัวนักการเมือง เล็งตัดยีนทิ้ง สร้างคนดีในสังคม
วันนี้ (8 ส.ค.) นพ.บุญชัย สมบูรณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า การจัดการประชุมวิทยาศาสตร์การแพทย์ครั้งที่ 20 ในปีนี้จัดภายใต้หัวข้อ “ห้องปฏิบัติการก้าวหน้า พัฒนาสุขภาพ” เพื่อร่วมกันพัฒนานวัตกรรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาด้านสุขภาพ โดยเฉพาะการพัฒนางานสาธารณสุขก่อนประเทศไทยจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 นอกจากนี้ ในปีนี้ยังได้รับเกียรติจากวิทยากรทั้งในและต่างประเทศ มาร่วมบรรยายพิเศษ ทั้งนี้ จะมีการนำเสนอผลงานวิชาการโดยแบ่งหัวข้อนำเสนอเป็น 5 หัวข้อหลัก คือ งานโรคติดเชื้อและโรคไม่ติดเชื้อ “ทันโลก ทันโรค”, งานคุ้มครองผู้บริโภค “ห้องปฏิบัติการเพื่อผู้บริโภค”, งานด้านเครือข่ายวิทยาศาสตร์การแพทย์ “ไปให้ไกลไปด้วยกัน”, งานวิชาการด้านต่างประเทศ และความเป็นเลิศด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ เรื่อง “ภัยพิบัติ” โดยการประชุมจะเป็นเวทีที่ใช้แลกเปลี่ยนความรู้ข้อมูล และข้อคิดเห็นด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุข ซึ่งยังจะมีการนำเสนอผลงานวิจัยกว่า 140 ตัวอย่าง
ศ.เกียรติคุณ นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ASEAN IN TRANSITION” ว่า การที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จัดงานประชุมถือเป็นเรื่องที่ดีเพราะกรมวิทย์ฯถือเป็นฐานสำคัญในการกำหนดนโยบาย ด้วยเหตุนี้จึงอยากให้ทุกคนที่เข้าประชุมร่วมกันแสดงความคิดเพื่อการพัฒนาของกรมวิทย์ และเพื่อประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับอยากให้เน้นประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ซึ่งการที่ได้มาพูดคุยกันถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะทำให้เรารู้ถึงเบื้องหลังของการทำงาน ประเทศเรากำลังมีการเปลี่ยนแปลงซึ่งก็มาจากการเปลี่ยนแปลงของโลก และการเปลี่ยนแปลงของโลกก็ส่งผลถึงเราด้วย ซึ่งต่อไปเราคงต้องพบกับเรื่องไม่คาดฝันอยู่เสมอๆ ด้วยเหตุนี้จึงถือเป็นโจทย์ของกรมวิทยาศาสตร์ และสุขภาพของชุมชนที่ต้องคอยหาความรู้และข้อมูลเพื่อพัฒนาและเตรียมความพร้อม ด้วยเหตุนี้จึงหวังว่าสิ่งที่ได้รับจากการประชุมครั้งนี้จะส่งผลให้ทุกคนสามารถนำไปต่อยอดได้เพื่อนำไปสู่การพัฒนาต่อไป
ศ.เกียรติคุณ นพ.เกษม กล่าวต่อว่า ก่อนที่ประเทศไทยจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียนเราควรเตรียมความพร้อมใน 3 เรื่องหลัก คือ 1.การเมืองและความมั่นคง 2.เศรษฐกิจ และ 3.สังคมและวัฒนธรรม โดยต้องรู้จักมองให้เท่าทันอาเซียน มองไปถึงอนาคตซึ่งควรใช้การบูรณาเข้าร่วม ทั้งนี้ เราควรมีการพัฒนาการศึกษาให้มีคุณภาพ เพื่อเป็นกำลังหลักในการพัฒนาฝีมือทางแรงงานร่วมไปถึงการหาแนวทางในการป้องกันเพิ่มสวัสดิการทางสังคมโดยการกำจัดความยากจน และลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ซึ่งในการพัฒนา ไม่ว่าด้านใดก็ควรคำนึงถึงความปลอดภัยและทำให้ได้มาตรฐาน เพื่อป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการรวมตัวของกลุ่มสมาชิกอาเซียน ทั้งนี้ต้องผลักดันให้มีการปกป้องสิทธิของ ผู้หญิง เด็ก ผู้สูงวัยและคนพิการเป็นพิเศษในการป้องกันและดูแล
ศ.เกียรติคุณ นพ.เกษม กล่าวอีกว่า จากการสำรวจเรื่องความโปร่งใสของประเทศในอาเซียน พบว่า ประเทศสิงคโปร์มีความโปร่งใส 9.2 คะแนนจากเต็ม 10 คะแนน รองลงมา คือ บรูไน ได้คะแนน 5.2 ที่เหลืออีก 8 ประเทศอยู่ในระดับต่ำกว่า 4.5 รวมถึงประเทศไทยด้วย ซึ่งที่ผ่านมา ไม่ว่ารัฐบาลชุดใดก็ได้คะแนนความโปร่งใสอยู่แค่ 3-4 คะแนนเท่านั้น คือ มันแย่ลง และที่น่าตกใจ คือ เด็ก-เยาวชนไทยยอมรับเรื่องคอร์รัปชันกันได้ ด้วยเหตุนี้เราต้องมาสร้างคนดีในสังคมโดยเริ่มต้นจากคนในบ้านของเราก่อน ดังนั้น เห็นว่า นักวิทยาศาสตร์การแพทย์น่าจะทำการวิจัยหายีนที่ก่อให้เกิดการคอร์รัปชันในตัวนักการเมืองจะได้ทำการตัดยีนทิ้ง
วันนี้ (8 ส.ค.) นพ.บุญชัย สมบูรณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า การจัดการประชุมวิทยาศาสตร์การแพทย์ครั้งที่ 20 ในปีนี้จัดภายใต้หัวข้อ “ห้องปฏิบัติการก้าวหน้า พัฒนาสุขภาพ” เพื่อร่วมกันพัฒนานวัตกรรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาด้านสุขภาพ โดยเฉพาะการพัฒนางานสาธารณสุขก่อนประเทศไทยจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 นอกจากนี้ ในปีนี้ยังได้รับเกียรติจากวิทยากรทั้งในและต่างประเทศ มาร่วมบรรยายพิเศษ ทั้งนี้ จะมีการนำเสนอผลงานวิชาการโดยแบ่งหัวข้อนำเสนอเป็น 5 หัวข้อหลัก คือ งานโรคติดเชื้อและโรคไม่ติดเชื้อ “ทันโลก ทันโรค”, งานคุ้มครองผู้บริโภค “ห้องปฏิบัติการเพื่อผู้บริโภค”, งานด้านเครือข่ายวิทยาศาสตร์การแพทย์ “ไปให้ไกลไปด้วยกัน”, งานวิชาการด้านต่างประเทศ และความเป็นเลิศด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ เรื่อง “ภัยพิบัติ” โดยการประชุมจะเป็นเวทีที่ใช้แลกเปลี่ยนความรู้ข้อมูล และข้อคิดเห็นด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุข ซึ่งยังจะมีการนำเสนอผลงานวิจัยกว่า 140 ตัวอย่าง
ศ.เกียรติคุณ นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ASEAN IN TRANSITION” ว่า การที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จัดงานประชุมถือเป็นเรื่องที่ดีเพราะกรมวิทย์ฯถือเป็นฐานสำคัญในการกำหนดนโยบาย ด้วยเหตุนี้จึงอยากให้ทุกคนที่เข้าประชุมร่วมกันแสดงความคิดเพื่อการพัฒนาของกรมวิทย์ และเพื่อประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับอยากให้เน้นประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ซึ่งการที่ได้มาพูดคุยกันถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะทำให้เรารู้ถึงเบื้องหลังของการทำงาน ประเทศเรากำลังมีการเปลี่ยนแปลงซึ่งก็มาจากการเปลี่ยนแปลงของโลก และการเปลี่ยนแปลงของโลกก็ส่งผลถึงเราด้วย ซึ่งต่อไปเราคงต้องพบกับเรื่องไม่คาดฝันอยู่เสมอๆ ด้วยเหตุนี้จึงถือเป็นโจทย์ของกรมวิทยาศาสตร์ และสุขภาพของชุมชนที่ต้องคอยหาความรู้และข้อมูลเพื่อพัฒนาและเตรียมความพร้อม ด้วยเหตุนี้จึงหวังว่าสิ่งที่ได้รับจากการประชุมครั้งนี้จะส่งผลให้ทุกคนสามารถนำไปต่อยอดได้เพื่อนำไปสู่การพัฒนาต่อไป
ศ.เกียรติคุณ นพ.เกษม กล่าวต่อว่า ก่อนที่ประเทศไทยจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียนเราควรเตรียมความพร้อมใน 3 เรื่องหลัก คือ 1.การเมืองและความมั่นคง 2.เศรษฐกิจ และ 3.สังคมและวัฒนธรรม โดยต้องรู้จักมองให้เท่าทันอาเซียน มองไปถึงอนาคตซึ่งควรใช้การบูรณาเข้าร่วม ทั้งนี้ เราควรมีการพัฒนาการศึกษาให้มีคุณภาพ เพื่อเป็นกำลังหลักในการพัฒนาฝีมือทางแรงงานร่วมไปถึงการหาแนวทางในการป้องกันเพิ่มสวัสดิการทางสังคมโดยการกำจัดความยากจน และลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ซึ่งในการพัฒนา ไม่ว่าด้านใดก็ควรคำนึงถึงความปลอดภัยและทำให้ได้มาตรฐาน เพื่อป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการรวมตัวของกลุ่มสมาชิกอาเซียน ทั้งนี้ต้องผลักดันให้มีการปกป้องสิทธิของ ผู้หญิง เด็ก ผู้สูงวัยและคนพิการเป็นพิเศษในการป้องกันและดูแล
ศ.เกียรติคุณ นพ.เกษม กล่าวอีกว่า จากการสำรวจเรื่องความโปร่งใสของประเทศในอาเซียน พบว่า ประเทศสิงคโปร์มีความโปร่งใส 9.2 คะแนนจากเต็ม 10 คะแนน รองลงมา คือ บรูไน ได้คะแนน 5.2 ที่เหลืออีก 8 ประเทศอยู่ในระดับต่ำกว่า 4.5 รวมถึงประเทศไทยด้วย ซึ่งที่ผ่านมา ไม่ว่ารัฐบาลชุดใดก็ได้คะแนนความโปร่งใสอยู่แค่ 3-4 คะแนนเท่านั้น คือ มันแย่ลง และที่น่าตกใจ คือ เด็ก-เยาวชนไทยยอมรับเรื่องคอร์รัปชันกันได้ ด้วยเหตุนี้เราต้องมาสร้างคนดีในสังคมโดยเริ่มต้นจากคนในบ้านของเราก่อน ดังนั้น เห็นว่า นักวิทยาศาสตร์การแพทย์น่าจะทำการวิจัยหายีนที่ก่อให้เกิดการคอร์รัปชันในตัวนักการเมืองจะได้ทำการตัดยีนทิ้ง
