ปชป.ระบุเน้นอภิปรายไม่ไว้วางใจ “นายกฯ ปู” เป็นหลัก ใน 5 ประเด็นที่ล้มเหลวในการทำงาน ทั้งโครงการจำนำข้าว สถานการณ์ใต้ ราคาสินค้าเกษตร เหตุการณ์น้ำท่วม เอื้อเขมรทำไทยเสี่ยงที่จะแพ้คดีในการต่อสู้พื้นที่เขาพระวิหารในศาลโลก
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า พรรคประชาธิปัตย์จะยื่นอภิปราย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายรัฐมนตรีเป็นหลัก โดยจะชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวใน 5 ประเด็น คือ 1. โครงการรับจำนำข้าว ที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รมว.การคลัง เคยระบุว่าหากโครงการรับจำนำข้าวเสียหาย หรือใช้เงินมากกว่าโครงการประกันรายได้ ในยุครัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์จะแสดงความรับผิดชอบนั้น ขณะนี้ตัวเลขจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ระบุว่าโครงการรับจำนำในฤดูที่ผ่านมาต้องแบกรับภาระกว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งสูงกว่าโครงการประกันรายได้ที่ใช้งบประมาณ 6 หมื่นล้านบาท ดังนั้นตนจึงอยากถามหาความรับผิดชอบจากนายกิตติรัตน์ให้แสดงสปิริต รักษาคำพูดให้สมกับเป็นลูกผู้ชายว่าจะรับผิดขอบในฐานะที่เป็น รมว.คลังอย่างไร
2. เรื่องสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อวานนี้ (3 ส.ค.) ตนและ ส.ส.ของพรรคได้ลงพื้นที่ จ.สงขลา และนั่งรถต่อไปยังอ.เบตง จ.ยะลา ได้เห็นถึงความตึงเครียด การรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด รวมทั้งได้มีการสอบถามเจ้าหน้าที่กรมศุลาการก็ได้ระบุว่า ทั้งที่เป็นวันหยุดยาวแต่บรรยกาศกลับเงียบเหงา นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียไม่กล้ามาเที่ยวเพราะสถานการณ์ไม่แน่นอน และรัฐบาลก็ไม่มีท่าทีชัดเจนในการจะแก้ปัญหาได้
“ประชาชนได้สะท้อนว่ารู้สึกน้อยใจที่รัฐบาลไม่เอาจิงต่อการดูแลประชาชนในภาคใต้ เห็นได้จากการแต่งตั้งบุคลากรที่เหมือนไม่เกี่ยวข้อง ไม่มีความรู้การแก้ปัญหา รัฐบาลเห็นประชาชนภาคใต้เป็นเพียงสนามทดลองงานด้านความมั่นคง ใช้คนที่ไม่มีความรู้ ประสบการณ์ แค่อยากจะลองงานเผื่อประสบความสำเร็จ อาจจะได้หน้าบ้าง และยังได้มีการพูดถึงการที่พรรคร่วมไปร้องเพลงสุขกันเถอะเราในช่วงที่เกิดเหตุ เพราะเป็นการทำลายขวัญและกำลังใจของประชาชน จึงอยากให้รัฐบาลตั้งสติ เพราะเป็นเรื่องใหญ่ และเป็นปัญหาของประเทศ นายกฯ ต้องตัดสินใจจะดูแลปัญหานี้อย่างไรจะมอบหมายให้กองทัพที่เป็นหน่วยหลักมาดูแล ก็ต้องตัดวงจรในการส่งคนอื่นเข้าไปสร้างความวุ่นวาย เลิกใช้เวทีนี้ทดลองงานของมือสมัครเล่น” นายชวนนท์กล่าว
3. ประเด็นเรื่องราคาสินค้าเกษตร โดยเฉพาะในภาคใต้ที่ราคายางพาราตกต่ำ แม้นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรฯ จะขออนุมัติงบประมาณกว่า 3 หมื่นล้านบาทเพื่อพยุงราคายาง จะทำให้ราคาขึ้นมาที่ 104 บาทตามที่คุยไว้ สุดท้ายก็ยังทำไม่ได้ชาวสวนยางก็ยังขายยางในราคากิโลกกรัมแค่ประมาณ 80 บาทเท่านั้น ทั้งที่ได้มีการอนุมัติงบประมาณแล้วอยากถามว่า เอาไปทำอะไร ทำไมงบประมาณไม่ถึงมือประชาชน พยุงราคาตามที่สัญญาไม่ได้
4. ประเด็นเรื่องเหตุการณ์น้ำท่วมปี 54 ที่ผ่านมา ถึงสาเหตุของน้ำท่วมที่นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์ฯ พยายามบอกว่าน้ำท่วมเป็นเพราะการเก็บน้ำของรัฐบาลชุดที่แล้ว โดยกล่าวอ้างอิงว่านำมาจากนาซานั้น ทั้งที่จริงไม่ใช่ แต่เป็นโนว์ฮาว และเนื้อหายังระบุอีกว่าสาเหตุหลักเกิดจากนโยบายการกักเก็บน้ำในเขื่อนของรัฐบาลชุดนี้
นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีปัญหาการจัดการน้ำล้มเหลว ทำให้ประชาชนเสียชีวิตกว่า 800 ศพ รวมทั้งการใช้งบประมาณแก้ไขปัญหาน้ำท่วมกว่า 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งนายปลอดประสพใช้วิธีการจัดซื้อวิธีพิเศษแบบเดียวกันกับการก่อสร้างสวนสัตว์ไนต์ซาฟารี โดยการเปิดวิธีพิเศษ ไม่มีราคากลาง เอื้อต่อการทุจริตได้ง่าย ทั้งนี้ เราต้องตรวจสอบอย่างเข้มข้นเพื่อไม่ให้มีการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทพรรคพวก และญาติของตัวเอง
5. ประเด็นที่รัฐบาลเปิดให้กัมพูชาได้รับสิทธิ์ในการจัดการประชุมมรดกโลกครั้งต่อไปแต่เพียงผู้เดียว โดยรัฐบาลชุดนี้เปลี่ยนแปลงนโยบายในการจะต่อสู้อย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้แผนบริหารจัดการรอบปราสาทพระวิหาร ที่เสนอโดยกัมพูชาขึ้นทะเบียนได้แต่เพียงผู้เดียว จงใจเปลี่ยนนโยบายที่สุ่มเสี่ยงว่า เราจะแพ้ในเวทีการต่อสู้ปราสาทพระวิหาร ซึ่งรัฐบาลต้องตอบคำถามว่า ถ้าไม่ได้ขายชาติ หรือซูเอี๋ยกับกัมพูชา ทำไมถึงยินยอม เพราะขณะนี้ทราบว่ามีคำสั่งจากนักการเมืองให้กระทรวงการต่างประเทศฟ้องร้องตนในกรณีนำเอาเอกสารมาเปิดเผย ซึ่งตนยืนยันว่าเอกสารดังกล่าวไม่ใช่เอกสารที่มีตราครุฑ ไม่มีการประทับตราว่าเป็นข้อมูลชั้นความลับ จึงไม่ใช่เรื่องผิด แต่กลับพยายามสั่งข้าราชการหาช่องเล่นงานตน
“อยากเตือนว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความผิดใดๆ แต่ในทางตรงข้ามพวกท่านกำลังปกปิด สิ่งที่จะทำลายชาติ ปกปิดจดหมายที่มีเนื้อหาแสดงว่าไทยสูญเสียอธิปไตย และสูญเสียประโยชน์อย่างมหาศาล ที่ผ่านมาผมไม่เคยเล่นงานข้าราชการ แต่ถ้าจะฟ้องจริงๆ ผมก็จะรักษาสิทธิในการฟ้องกลับ คนที่เกี่ยวข้องทุกคน ตั้งแต่ระดับนิติกรเป็นต้นไป จึงอยากเตือนข้าราชการไม่อยากตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายการเมืองทำสิ่งที่ผิดเพียง แต่ควรปล่อยให้เป็นเรื่องของ รมว.ต่างประเทศกับตนจะดีกว่า”
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงกรณีที่โฆษกพรรคเพื่อไทยระบุว่า ถ้ามีการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็จะนำเรื่องการเกณฑ์ทหารของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มาตอบโต้ว่า เป็นการสะท้อนการล่มสลายทางความคิดของรัฐบาล เพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจถือเป็นประโยชน์ต่อประเทศและประชาชน แต่คำพูดที่สะท้อนให้เห็นคือรัฐบาลสมองกลวง ไม่มีเรื่องที่เป็นประโยชน์ มีสาระ มาเสนอกับประชาชน แต่กลับเอาเรื่องไร้สาระที่ไม่เป็นประโยชน์กับประชาชนแทน มุ่งแต่เอาประเด็นการเมือง
“การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ทางพรรคจะเน้นที่ตัวนายกฯ เป็นหลัก เนื่องจากนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลอยู่ในวิสัยของนายกฯ ที่จะตอบได้ นอกจากนี้ การอภิปรายครั้งนี้เพื่ออยากให้นายกฯ แสดงภาวะผู้นำ การที่น.ส.ยิ่งลักษณ์เคยบอกว่าไม่ยุ่งเรื่องการเมือง มุ่งแต่ทำงานนั้น ก็คงจะตอบและชี้แจงการอภิปรายได้ ส่วนจะมีรัฐมนตรีตามกระทรวงการต่างๆ หรือไม่นั้น ก็ต้องดูข้อมูลก่อน แต่เราพยายามทำให้มีชื่อน้อยที่สุด เพราะอยากให้นายกฯ ใช้โอกาสนี้แสดงศักยภาพได้เต็มที่ ไม่อยากให้ลิ่วล้อมาตอบแทน ส่วนฝ่ายค้านจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อใดนั้น กำลังประสานงานกับทางวิปรัฐบาลก่อน ยืนยันว่าการยื่นอภิปรายไม่ได้รังแกนายกฯ เพราะน.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นนายกฯ ถ้าคิดว่าเป็นการรังแก น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ควรไปทำอาชีพอื่น”