รักษาการ ผอ.สถาบันโรคผิวหนัง เผย เหตุยอดเด็กป่วยมือเท้าปากมาก ส่วนหนึ่งเพราะมีแพทย์โรคผิวหนังน้อย ชี้อยู่ประจำตามโรงพยาบาลเฉลี่ย 2-3 ปี ก่อนชิ่งเปิดคลินิกเป็นของตัวเอง กำชับแพทย์ กุมารแพทย์ ตรวจเข้ม ย้ำปัญหาผื่นแพ้จากเครื่องสำอางเถื่อน ผงซักฟอก ฯลฯ ยังเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของคนไทยในการหาหมอผิวหนัง
นพ.จินดา โรจรเมธินทร์ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กล่าวว่า สถานการณ์ปัญหาโรคผิวหนังของคนไทยค่อนข้างน่าเป็นห่วง เนื่องจากบุคลากรทางการแพทย์มีน้อย โดยพบว่าแพทย์โรคผิวหนังจะประจำอยู่ตามโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศได้ไม่นานนัก เฉลี่ยประมาณ 2-3 ปี ส่วนใหญ่มักออกไปเปิดคลินิกเป็นของตัวเอง ขณะที่ปัญหาโรคผิวหนังทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะโรคผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อ ซึ่งต้องอาศัยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการดูอาการทางคลินิก อาทิ โรคมือเท้าปาก ซึ่งกำลังเป็นข่าวครึกโครมอยู่ในขณะนี้ ก็เกิดจากการติดเชื้อทางผิวหนังผ่านการสัมผัส แพทย์จะต้องสังเกตอาการจากตุ่มที่มือ เท้า และแผลในปาก รวมไปถึงยังต้องอาศัยผลการตรวจจากห้องปฏิบัติการประกอบกัน เพื่อวินิจฉัยโรค ซึ่งจะช่วยให้ทำการรักษาได้อย่างถูกต้อง และควบคุมไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดออกไปในวงกว้าง นอกจากนี้ ปัญหาโรคผิวหนังที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่คนไทยมักมองข้ามคือ โรคมะเร็งผิวหนัง เพราะบางครั้งมะเร็งอาจมีลักษณะคล้ายไฝ ทำให้ไม่ได้ใส่ใจในการไปพบแพทย์เพื่อรักษา
"การมีแพทย์โรคผิวหนังน้อย อาจมีส่วนให้จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อทางผิวหนังเพิ่มมากขึ้น อย่างโรคมือเท้าปากที่มีผู้ป่วยเป็นจำนวนมากนั้น ก็เนื่องจากมีบุคลากรในการตรวจวินิจฉัยน้อย ซึ่งขณะนี้ต้องอาศัยแพทย์ กุมารแพทย์ พยาบาลในการช่วยตรวจดูอาการ เพื่อควบคุมการกระจายของโรค" นพ.จินดา กล่าว
นพ.จินดา กล่าวด้วยว่า สาเหตุอันดับหนึ่งที่คนไทยเข้ามารับการรักษากับแพทย์โรคผิวหนัง ไม่ใช่ปัญหาผิวพรรณและความงาม แต่เป็นปัญหาอาการผื่นแพ้อันเนื่องมาจากปูนซีเมนต์ ผงซักฟอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากเครื่องสำอาง ซึ่งพบว่า มักเกิดจากการใช้เครื่องสำอางที่มีกระบวนการผลิตไม่ถูกต้อง มีการผสมของสารไฮโดรควิโนน ทำให้เกิดอาการแพ้แดงคัน นอกจากนี้ ยังพบอีกว่า มีผู้เข้ารับการรักษา ที่มีปัญหาจากการเข้ารักษาตามคลินิกต่างๆ เพิ่มมากขึ้นด้วย เนื่องจากปัจจุบันสังคมมีค่านิยมในเรื่องของความสวยงามมากขึ้น ทำให้มีคลินิกสถานความงามเปิดแข่งขันกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งประชาชนอาจไปเจอเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ไม่ผ่าน อย. และการรักษาอาจทำโดยบุคลากรที่ไม่ได้รับการอบรม เป็นต้น
นพ.จินดา โรจรเมธินทร์ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กล่าวว่า สถานการณ์ปัญหาโรคผิวหนังของคนไทยค่อนข้างน่าเป็นห่วง เนื่องจากบุคลากรทางการแพทย์มีน้อย โดยพบว่าแพทย์โรคผิวหนังจะประจำอยู่ตามโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศได้ไม่นานนัก เฉลี่ยประมาณ 2-3 ปี ส่วนใหญ่มักออกไปเปิดคลินิกเป็นของตัวเอง ขณะที่ปัญหาโรคผิวหนังทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะโรคผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อ ซึ่งต้องอาศัยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการดูอาการทางคลินิก อาทิ โรคมือเท้าปาก ซึ่งกำลังเป็นข่าวครึกโครมอยู่ในขณะนี้ ก็เกิดจากการติดเชื้อทางผิวหนังผ่านการสัมผัส แพทย์จะต้องสังเกตอาการจากตุ่มที่มือ เท้า และแผลในปาก รวมไปถึงยังต้องอาศัยผลการตรวจจากห้องปฏิบัติการประกอบกัน เพื่อวินิจฉัยโรค ซึ่งจะช่วยให้ทำการรักษาได้อย่างถูกต้อง และควบคุมไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดออกไปในวงกว้าง นอกจากนี้ ปัญหาโรคผิวหนังที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่คนไทยมักมองข้ามคือ โรคมะเร็งผิวหนัง เพราะบางครั้งมะเร็งอาจมีลักษณะคล้ายไฝ ทำให้ไม่ได้ใส่ใจในการไปพบแพทย์เพื่อรักษา
"การมีแพทย์โรคผิวหนังน้อย อาจมีส่วนให้จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อทางผิวหนังเพิ่มมากขึ้น อย่างโรคมือเท้าปากที่มีผู้ป่วยเป็นจำนวนมากนั้น ก็เนื่องจากมีบุคลากรในการตรวจวินิจฉัยน้อย ซึ่งขณะนี้ต้องอาศัยแพทย์ กุมารแพทย์ พยาบาลในการช่วยตรวจดูอาการ เพื่อควบคุมการกระจายของโรค" นพ.จินดา กล่าว
นพ.จินดา กล่าวด้วยว่า สาเหตุอันดับหนึ่งที่คนไทยเข้ามารับการรักษากับแพทย์โรคผิวหนัง ไม่ใช่ปัญหาผิวพรรณและความงาม แต่เป็นปัญหาอาการผื่นแพ้อันเนื่องมาจากปูนซีเมนต์ ผงซักฟอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากเครื่องสำอาง ซึ่งพบว่า มักเกิดจากการใช้เครื่องสำอางที่มีกระบวนการผลิตไม่ถูกต้อง มีการผสมของสารไฮโดรควิโนน ทำให้เกิดอาการแพ้แดงคัน นอกจากนี้ ยังพบอีกว่า มีผู้เข้ารับการรักษา ที่มีปัญหาจากการเข้ารักษาตามคลินิกต่างๆ เพิ่มมากขึ้นด้วย เนื่องจากปัจจุบันสังคมมีค่านิยมในเรื่องของความสวยงามมากขึ้น ทำให้มีคลินิกสถานความงามเปิดแข่งขันกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งประชาชนอาจไปเจอเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ไม่ผ่าน อย. และการรักษาอาจทำโดยบุคลากรที่ไม่ได้รับการอบรม เป็นต้น