“วิทยา” ส่ง “หมอพรเทพ” ปรับความเข้าใจครอบครัวเด็กหญิง 2 ขวบ ตายเพราะมือเท้าปาก หลังถูกข่าวโจมตีเลี้ยงลูกไม่ดี พาพบแพทย์ช้า พร้อมส่งเงินเยียวยาช่วยเหลือ กำชับทุกฝ่ายช่วยกันทำความสะอาดสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะที่สาธารณะ เพื่อตัดวงจรเชื้อไวรัส จี้ อสม.ทั่วประเทศ เฝ้าระวังผู้ป่วยในหมู่บ้าน หากพบรายสงสัยให้นำส่ง รพ.สต.
วันนี้ (26 ก.ค.) นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือครอบครัวของเด็กหญิงวัย 2 ขวบที่เสียชีวิตจากโรคมือเท้าปากที่โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี ว่า ตนได้มอบหมายให้ นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เดินทางไปเยี่ยมให้การดูแลครอบครัวของผู้เสียชีวิตรายนี้แล้ว ส่วนผู้เสียชีวิตที่จังหวัดสระแก้ว ได้มอบหมายให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเยี่ยมดูแล และกำชับให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเยี่ยมบ้านผู้ป่วยโรคมือเท้าปากทุกราย เพื่อติดตามอาการและให้คำแนะนำ เพื่อลดการแพร่เชื้อ และการเกิดโรคแทรกซ้อนระหว่างพักรักษาตัวที่บ้านอย่างเต็มที่ ป้องกันการเสียชีวิตผู้ป่วย
นายวิทยา กล่าวอีกว่า อยากฝากเตือนพ่อแม่ผู้ปกครอง หากบุตรหลานมีไข้สูงตั้งแต่ 2 วัน แล้วอาการยังไม่ดีขึ้น หรือมีอาการซึม อาเจียน ทานอาหารไม่ได้ ขอให้รีบพาไปพบแพทย์ทันที อย่ารอให้อาการหนัก ทั้งนี้ สธ.ได้ขยายความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ในการร่วมกันเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคมือเท้าปาก โดยเข้มข้น 2 มาตรการสำคัญ คือ การป้องกันควบคุมโรค และการรักษาผู้ป่วย นอกจากดูแลพื้นที่เสี่ยงการติดเชื้อใกล้ชิด ได้แก่ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เนิร์สเซอรี โรงเรียนระดับอนุบาลและประถมศึกษาทั่วประเทศ ทั้งรัฐและเอกชนแล้ว ยังได้ขยายครอบคลุมพื้นที่สาธารณะ เช่น สถานีรถไฟ รถทัวร์ รถไฟฟ้ามหานคร (MRT) รถเมล์ รถไฟฟ้า แท็กซี่ ซึ่งมีผู้ใช้บริการจำนวนมาก ให้รณรงค์ทำความสะอาด เพื่อตัดวงจรเชื้อไวรัสให้ได้มากที่สุด รวมทั้งขอความร่วมมือผู้ประกอบการและห้างสรรพสินค้าต่างๆ ให้เข้มงวดการทำความสะอาดเครื่องเล่นต่างๆ ในสนามเด็กเล่นที่อยู่ภายในห้าง และสระว่ายน้ำ น้ำในสระจะต้องผสมคลอรีนให้มีความเข้มข้นตามมาตรฐาน คือ 1 มิลลิกรัมต่อน้ำ 1 ลิตร หรือ 1 พีพีเอ็ม ซึ่งจะมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรคในน้ำได้
นายวิทยา กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ ได้กำชับให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ที่มีประมาณ 1 ล้านคนทั่วประเทศ ช่วยเผยแพร่ความรู้การป้องกันโรคมือเท้าปาก โดยเฉพาะการสร้างสุขนิสัยกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ปฏิบัติให้เป็นนิสัย การดูแลความสะอาดบ้านเรือน และสอดส่องเฝ้าระวังโรคมือเท้าปากในเด็กที่อยู่ในหมู่บ้าน รวมทั้งเด็กที่อยู่ในศูนย์เด็กเล็กด้วย หากพบหรือสงสัยว่าจะป่วยเป็นโรคมือเท้าปาก ขอให้นำส่งรักษาที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) เพื่อให้การดูแลอย่างรวดเร็ว มั่นใจว่า สถานการณ์จะดีขึ้นเรื่อยๆ
นพ.พรเทพ กล่าวภายหลังเยี่ยมครอบครัวของเด็กหญิงวัย 2 ขวบ ว่า เป็นการพูดคุยเยี่ยมเยียนปกติ โดยได้เข้าไปสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับข่าวที่เกิดขึ้น ซึ่งทางครอบครัวก็ยืนยันว่า ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพียงแต่รู้สึกไม่สบายใจที่มีข่าวออกมาทำนองว่า เลี้ยงดูลูกไม่ดีหรืออย่างไร หรือพาลูกพบแพทย์ช้าเกินไป โดยตามข่าวบอกว่า ลูกป่วยตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.แต่จริงๆ ลูกป่วยตั้งแต่วันที่ 15-16 ก.ค.และทางครอบครัวก็พาส่งแพทย์ทันที ซึ่งตนในฐานะอธิบดี คร.มองว่า เรื่องนี้ควรยุติ อย่าทำเป็นกระแส เพราะจริงๆ โรคนี้ระบาดทุกปี ไม่ใช่เรื่องใหม่ และปีนี้พบการเสียชีวิตที่ยืนยันจากโรคดังกล่าวเพียง 1 รายเท่านั้น อย่างไรก็ตาม สำหรับมาตรการทำความสะอาด เฝ้าระวังโรคบริเวณที่พักอาศัยของครอบครัวดังกล่าว ไม่ต้องกังวล เนื่องจากทางสำนักอนามัย กทม.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ดำเนินการเรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 17-18 กรกฎาคม เพราะพื้นที่ดังกล่าวอยู่ใน กทม.แต่หากเป็นต่างจังหวัดก็จะเป็นหน้าที่ของโรงพยาบาลระดับจังหวัด สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) รวมทั้งสำนักงานสาธารณสุขอำเภอ (สสอ.)
วันนี้ (26 ก.ค.) นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือครอบครัวของเด็กหญิงวัย 2 ขวบที่เสียชีวิตจากโรคมือเท้าปากที่โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี ว่า ตนได้มอบหมายให้ นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เดินทางไปเยี่ยมให้การดูแลครอบครัวของผู้เสียชีวิตรายนี้แล้ว ส่วนผู้เสียชีวิตที่จังหวัดสระแก้ว ได้มอบหมายให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเยี่ยมดูแล และกำชับให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเยี่ยมบ้านผู้ป่วยโรคมือเท้าปากทุกราย เพื่อติดตามอาการและให้คำแนะนำ เพื่อลดการแพร่เชื้อ และการเกิดโรคแทรกซ้อนระหว่างพักรักษาตัวที่บ้านอย่างเต็มที่ ป้องกันการเสียชีวิตผู้ป่วย
นายวิทยา กล่าวอีกว่า อยากฝากเตือนพ่อแม่ผู้ปกครอง หากบุตรหลานมีไข้สูงตั้งแต่ 2 วัน แล้วอาการยังไม่ดีขึ้น หรือมีอาการซึม อาเจียน ทานอาหารไม่ได้ ขอให้รีบพาไปพบแพทย์ทันที อย่ารอให้อาการหนัก ทั้งนี้ สธ.ได้ขยายความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ในการร่วมกันเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคมือเท้าปาก โดยเข้มข้น 2 มาตรการสำคัญ คือ การป้องกันควบคุมโรค และการรักษาผู้ป่วย นอกจากดูแลพื้นที่เสี่ยงการติดเชื้อใกล้ชิด ได้แก่ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เนิร์สเซอรี โรงเรียนระดับอนุบาลและประถมศึกษาทั่วประเทศ ทั้งรัฐและเอกชนแล้ว ยังได้ขยายครอบคลุมพื้นที่สาธารณะ เช่น สถานีรถไฟ รถทัวร์ รถไฟฟ้ามหานคร (MRT) รถเมล์ รถไฟฟ้า แท็กซี่ ซึ่งมีผู้ใช้บริการจำนวนมาก ให้รณรงค์ทำความสะอาด เพื่อตัดวงจรเชื้อไวรัสให้ได้มากที่สุด รวมทั้งขอความร่วมมือผู้ประกอบการและห้างสรรพสินค้าต่างๆ ให้เข้มงวดการทำความสะอาดเครื่องเล่นต่างๆ ในสนามเด็กเล่นที่อยู่ภายในห้าง และสระว่ายน้ำ น้ำในสระจะต้องผสมคลอรีนให้มีความเข้มข้นตามมาตรฐาน คือ 1 มิลลิกรัมต่อน้ำ 1 ลิตร หรือ 1 พีพีเอ็ม ซึ่งจะมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรคในน้ำได้
นายวิทยา กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ ได้กำชับให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ที่มีประมาณ 1 ล้านคนทั่วประเทศ ช่วยเผยแพร่ความรู้การป้องกันโรคมือเท้าปาก โดยเฉพาะการสร้างสุขนิสัยกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ปฏิบัติให้เป็นนิสัย การดูแลความสะอาดบ้านเรือน และสอดส่องเฝ้าระวังโรคมือเท้าปากในเด็กที่อยู่ในหมู่บ้าน รวมทั้งเด็กที่อยู่ในศูนย์เด็กเล็กด้วย หากพบหรือสงสัยว่าจะป่วยเป็นโรคมือเท้าปาก ขอให้นำส่งรักษาที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) เพื่อให้การดูแลอย่างรวดเร็ว มั่นใจว่า สถานการณ์จะดีขึ้นเรื่อยๆ
นพ.พรเทพ กล่าวภายหลังเยี่ยมครอบครัวของเด็กหญิงวัย 2 ขวบ ว่า เป็นการพูดคุยเยี่ยมเยียนปกติ โดยได้เข้าไปสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับข่าวที่เกิดขึ้น ซึ่งทางครอบครัวก็ยืนยันว่า ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพียงแต่รู้สึกไม่สบายใจที่มีข่าวออกมาทำนองว่า เลี้ยงดูลูกไม่ดีหรืออย่างไร หรือพาลูกพบแพทย์ช้าเกินไป โดยตามข่าวบอกว่า ลูกป่วยตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.แต่จริงๆ ลูกป่วยตั้งแต่วันที่ 15-16 ก.ค.และทางครอบครัวก็พาส่งแพทย์ทันที ซึ่งตนในฐานะอธิบดี คร.มองว่า เรื่องนี้ควรยุติ อย่าทำเป็นกระแส เพราะจริงๆ โรคนี้ระบาดทุกปี ไม่ใช่เรื่องใหม่ และปีนี้พบการเสียชีวิตที่ยืนยันจากโรคดังกล่าวเพียง 1 รายเท่านั้น อย่างไรก็ตาม สำหรับมาตรการทำความสะอาด เฝ้าระวังโรคบริเวณที่พักอาศัยของครอบครัวดังกล่าว ไม่ต้องกังวล เนื่องจากทางสำนักอนามัย กทม.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ดำเนินการเรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 17-18 กรกฎาคม เพราะพื้นที่ดังกล่าวอยู่ใน กทม.แต่หากเป็นต่างจังหวัดก็จะเป็นหน้าที่ของโรงพยาบาลระดับจังหวัด สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) รวมทั้งสำนักงานสาธารณสุขอำเภอ (สสอ.)
