“ศักดา” เผยผลสอบข้อเท็จจริงครุภัณฑ์อาชีวะ 4 ชุด ชี้ ส่อทุจริต ประพฤติมิชอบ ทำราชการเสียหาย เตรียมส่งผลสอบให้ “ยิ่งลักษณ์-สุชาติ” ปราบ ดู พร้อมเดินหน้าสอบวินัยร้ายแรงอดีตเลขา สอศ.
วันนี้ (18 ก.ค.) นายศักดา คงเพชร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ตามที่ ศธ.มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีจัดหาครุภัณฑ์อาชีวศึกษา ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ตามโครงการแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 ไทยเข้มแข็ง SP2 ทั้งหมด 4 ชุด โดยขณะนี้คณะกรรมการสืบสวนฯ ชุดที่ 1 ได้พิจารณาผลการสืบสวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการชุดที่ 2, 3 และ 4 แล้ว และได้สรุปรายงาน ว่า กรณีที่มีผู้ร้องเรียนว่าการจัดซื้อครุภัณฑ์อาชีวศึกษา ของ สอศ.ภายใต้โครงการ SP2 นั้น คณะกรรมการสืบสวนฯแต่ละชุดมีความเห็นไปทำนองเดียวกัน ว่า การดำเนินการจัดซื้อครุภัณฑ์ดังกล่าววิทยาลัยไม่ได้มีคำขอ ไม่มีส่วนร่วมในการกำหนดรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะครุภัณฑ์ ไม่มีส่วนร่วมในการจัดซื้อจัดจ้าง ไม่มีส่วนร่วมในการตรวจรับครุภัณฑ์
นอกจากนี้ คณะกรรมการสืบสวนฯ ยังเห็นพ้องกันว่า การดำเนินการในเรื่องดังกล่าวมีพฤติกรรมส่อไปในทางทุจริตหน้าที่ราชการ คณะกรรมการสืบสวนฯ ชุดที่ 1 จึงมีความเห็นว่า การดำเนินการเรื่องการจัดซื้อครุภัณฑ์ สอศ.ข้างต้น มีเป็นการทุจริตและประพฤติมิชอบ ปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ทำให้ราชการได้รับความเสียหายร้ายแรง จึงเสนอให้ดำเนินการทางวินัยกับบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด จะไม่สามารถหลุดพ้นจากความรับผิดชอบในทางแพ่งตามกฎหมายและระเบียบทางราชการที่เกี่ยวข้องหรือการรับผิดทางอาญาได้ โดยคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องดังนี้ คณะกรรมการกำหนดคุณสมบัติครุภัณฑ์ ผู้อนุมัติให้ใช้คุณลักษณะของครุภัณฑ์ คณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้าง คณะกรรมการตรวจรับครุภัณฑ์ ผู้อนุมัติเบิกจ่ายเงิน อย่างไรก็ตาม ผลการสืบสวนฯทั้งหมดจะส่งมอบให้คณะกรรมการสอบสวนวินัยร้าย ชุดที่มี นายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (เลขาธิการ กกอ.) เป็นประธาน เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
นายศักดา กล่าวต่อว่า ตนจะส่งผลสืบสวนฯทั้งหมดให้ ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการ ศธ. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และกองบังคับการปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ด้วย ซึ่งเรื่องนี้คงต้องให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ฝ่ายที่ถูกร้องจะต้องทำเรื่องชี้แจงมายังตนเอง หรือที่ รัฐมนตรีว่าการ ศธ. โดยผู้ที่ถูกร้อง ก็คือ ผู้ที่ลงนามในขณะที่ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) ในสัญญาเลขที่ 64/2554 ลงนามวันที่ 5 มกราคม 2554 และระยะต่อไปจะให้สืบสวนเพิ่มเติมอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยให้เวลาประมาณ 10 วัน เพื่อให้ข้อมูลมีความชัดเจนมากขึ้น
“เรื่องทำให้ สอศ.ได้รับความเสียหายอย่างมาก ทำให้ปีนี้ สอศ.ถูกตัดงบจัดซื้อครุภัณฑ์ด้านการศึกษาไปเหลือเพียง 1,000 กว่าล้านบาท เพราะสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ให้ความเห็นว่า ปี 2553 และ 2554 สอศ.ได้งบจัดซื้อครูภัณฑ์ไปแล้วถึง 5,000 กว่าล้านบาท ปี 2555 อีก 1,600 ล้านบาท ได้ไปเยอะแล้ว หากทั้งหมดถ้านำไปซื้อครุภัณฑ์ที่ตรงความต้องการที่วิทยาลัยขอมา ก็น่าจะใช้ทำการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่เมื่อนำไปซื้อครุภัณฑ์ไม่ตรงตามที่เขาเรียนก็ทำให้เกิดความเสียหาย” รมช.ศึกษาธิการ กล่าว ทั้งนี้ ยังพบว่า มีผู้อำนวยการวิทยาลัยบางแห่งไม่กล้าให้ข้อมูลกับคณะกรรมการ เพราะยังกลัวอยู่ ตนอยากให้คนของ สอศ.ลุกขึ้นมาทำสิ่งดีๆ อยากให้หลายคนที่เกี่ยวข้องออกมาพูดว่าทำโดยถูกสั่งการหรือไม่
ด้าน น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า การจัดซื้อครุภัณฑ์อาชีวศึกษานั้น มีการดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2552 ก่อนที่ตนจะมารับตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (เลขาธิการ กอศ.) ในปี 2553 ทั้งนี้ การดำเนินการเรื่องดังกล่าวมีการแบ่งผู้รับผิดชอบหลายฝ่ายตามภารกิจหน้าที่ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการกำหนดสเปก คณะกรรมการตรวจรับ ฯลฯ ซึ่งตนยืนยันและมั่นใจ 100% ว่าในส่วนของกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างดำเนินการอย่างถูกต้องและมีเอกสารหลักฐานแสดงครบถ้วน
เมื่อถามว่าได้ทำหนังสือชี้แจงเป็นรายลักษณ์อักษรถึง รมช.ศึกษาธิการ แล้วหรือยัง น.ส.ศศิธารา กล่าวว่า ก่อนหน้าที่ตนได้เข้าพบเพื่อขอชี้แจงด้วยวาจาต่อ นายศักดา ถึงเรื่องดังกล่าวเพื่อยืนยันว่าสิ่งที่ทำดำเนินการถูกต้องและขอความเป็นธรรมนั้น ก็ไม่ได้มีคำสั่งให้ทำหนังสือชี้แจงแต่อย่างใดจึงไม่ได้ทำหนังสือ แต่หากมีคำสั่งให้ทำหนังสือชี้แจงก็จะต้องทำ อย่างไรก็ตาม กระบวนการทุกอย่างทำภายใต้กฎระเบียบที่วางไว้ จะทำนอกเหนือระเบียบไม่ได้
วันนี้ (18 ก.ค.) นายศักดา คงเพชร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ตามที่ ศธ.มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีจัดหาครุภัณฑ์อาชีวศึกษา ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ตามโครงการแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 ไทยเข้มแข็ง SP2 ทั้งหมด 4 ชุด โดยขณะนี้คณะกรรมการสืบสวนฯ ชุดที่ 1 ได้พิจารณาผลการสืบสวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการชุดที่ 2, 3 และ 4 แล้ว และได้สรุปรายงาน ว่า กรณีที่มีผู้ร้องเรียนว่าการจัดซื้อครุภัณฑ์อาชีวศึกษา ของ สอศ.ภายใต้โครงการ SP2 นั้น คณะกรรมการสืบสวนฯแต่ละชุดมีความเห็นไปทำนองเดียวกัน ว่า การดำเนินการจัดซื้อครุภัณฑ์ดังกล่าววิทยาลัยไม่ได้มีคำขอ ไม่มีส่วนร่วมในการกำหนดรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะครุภัณฑ์ ไม่มีส่วนร่วมในการจัดซื้อจัดจ้าง ไม่มีส่วนร่วมในการตรวจรับครุภัณฑ์
นอกจากนี้ คณะกรรมการสืบสวนฯ ยังเห็นพ้องกันว่า การดำเนินการในเรื่องดังกล่าวมีพฤติกรรมส่อไปในทางทุจริตหน้าที่ราชการ คณะกรรมการสืบสวนฯ ชุดที่ 1 จึงมีความเห็นว่า การดำเนินการเรื่องการจัดซื้อครุภัณฑ์ สอศ.ข้างต้น มีเป็นการทุจริตและประพฤติมิชอบ ปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ทำให้ราชการได้รับความเสียหายร้ายแรง จึงเสนอให้ดำเนินการทางวินัยกับบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด จะไม่สามารถหลุดพ้นจากความรับผิดชอบในทางแพ่งตามกฎหมายและระเบียบทางราชการที่เกี่ยวข้องหรือการรับผิดทางอาญาได้ โดยคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องดังนี้ คณะกรรมการกำหนดคุณสมบัติครุภัณฑ์ ผู้อนุมัติให้ใช้คุณลักษณะของครุภัณฑ์ คณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้าง คณะกรรมการตรวจรับครุภัณฑ์ ผู้อนุมัติเบิกจ่ายเงิน อย่างไรก็ตาม ผลการสืบสวนฯทั้งหมดจะส่งมอบให้คณะกรรมการสอบสวนวินัยร้าย ชุดที่มี นายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (เลขาธิการ กกอ.) เป็นประธาน เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
นายศักดา กล่าวต่อว่า ตนจะส่งผลสืบสวนฯทั้งหมดให้ ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการ ศธ. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และกองบังคับการปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ด้วย ซึ่งเรื่องนี้คงต้องให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ฝ่ายที่ถูกร้องจะต้องทำเรื่องชี้แจงมายังตนเอง หรือที่ รัฐมนตรีว่าการ ศธ. โดยผู้ที่ถูกร้อง ก็คือ ผู้ที่ลงนามในขณะที่ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) ในสัญญาเลขที่ 64/2554 ลงนามวันที่ 5 มกราคม 2554 และระยะต่อไปจะให้สืบสวนเพิ่มเติมอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยให้เวลาประมาณ 10 วัน เพื่อให้ข้อมูลมีความชัดเจนมากขึ้น
“เรื่องทำให้ สอศ.ได้รับความเสียหายอย่างมาก ทำให้ปีนี้ สอศ.ถูกตัดงบจัดซื้อครุภัณฑ์ด้านการศึกษาไปเหลือเพียง 1,000 กว่าล้านบาท เพราะสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ให้ความเห็นว่า ปี 2553 และ 2554 สอศ.ได้งบจัดซื้อครูภัณฑ์ไปแล้วถึง 5,000 กว่าล้านบาท ปี 2555 อีก 1,600 ล้านบาท ได้ไปเยอะแล้ว หากทั้งหมดถ้านำไปซื้อครุภัณฑ์ที่ตรงความต้องการที่วิทยาลัยขอมา ก็น่าจะใช้ทำการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่เมื่อนำไปซื้อครุภัณฑ์ไม่ตรงตามที่เขาเรียนก็ทำให้เกิดความเสียหาย” รมช.ศึกษาธิการ กล่าว ทั้งนี้ ยังพบว่า มีผู้อำนวยการวิทยาลัยบางแห่งไม่กล้าให้ข้อมูลกับคณะกรรมการ เพราะยังกลัวอยู่ ตนอยากให้คนของ สอศ.ลุกขึ้นมาทำสิ่งดีๆ อยากให้หลายคนที่เกี่ยวข้องออกมาพูดว่าทำโดยถูกสั่งการหรือไม่
ด้าน น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า การจัดซื้อครุภัณฑ์อาชีวศึกษานั้น มีการดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2552 ก่อนที่ตนจะมารับตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (เลขาธิการ กอศ.) ในปี 2553 ทั้งนี้ การดำเนินการเรื่องดังกล่าวมีการแบ่งผู้รับผิดชอบหลายฝ่ายตามภารกิจหน้าที่ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการกำหนดสเปก คณะกรรมการตรวจรับ ฯลฯ ซึ่งตนยืนยันและมั่นใจ 100% ว่าในส่วนของกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างดำเนินการอย่างถูกต้องและมีเอกสารหลักฐานแสดงครบถ้วน
เมื่อถามว่าได้ทำหนังสือชี้แจงเป็นรายลักษณ์อักษรถึง รมช.ศึกษาธิการ แล้วหรือยัง น.ส.ศศิธารา กล่าวว่า ก่อนหน้าที่ตนได้เข้าพบเพื่อขอชี้แจงด้วยวาจาต่อ นายศักดา ถึงเรื่องดังกล่าวเพื่อยืนยันว่าสิ่งที่ทำดำเนินการถูกต้องและขอความเป็นธรรมนั้น ก็ไม่ได้มีคำสั่งให้ทำหนังสือชี้แจงแต่อย่างใดจึงไม่ได้ทำหนังสือ แต่หากมีคำสั่งให้ทำหนังสือชี้แจงก็จะต้องทำ อย่างไรก็ตาม กระบวนการทุกอย่างทำภายใต้กฎระเบียบที่วางไว้ จะทำนอกเหนือระเบียบไม่ได้
