คร.ชี้ นร.เชียงใหม่กว่า 200 คนท้องเสีย เพราะกินไข่ที่มีเชื้อแบคทีเรีย salmonella เข้าไป เผยเชื้อจะเกิดหลังทิ้งอาหารปรุงสุกไว้เกิน 4 ชม.แนะควรอุ่นอาหารด้วยความร้อนก่อนเพื่อความปลอดภัย ส่วนอาการของเด็กทั้งหมดปลอดภัยแล้ว คาดกลับบ้านได้พรุ่งนี้
วันนี้ (10 ก.ค.) นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวถึงกรณีที่พบเด็กนักเรียนจำนวนกว่า 200 คน ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักเรียนชาวเขา เกิดอาการท้องเสียอย่างรุนแรง ภายหลังการรับประทานไข่เข้าไป ว่า เกิดจากสาเหตุที่มีคนนำไข่ต้มที่ทิ้งไว้เป็นเวลา 3 วัน โดยไม่ได้เอาเข้าตู้เย็น และก่อนนำมารับประทานก็ไม่ได้ทำการอุ่นก่อน จึงส่งผลให้เด็กนักเรียนที่รับประทานไข่เข้าไป ได้รับเชื้อแบคทีเรียชนิด salmonella ที่ทำให้เกิดอาการท้องเสียอย่างรุนแรง ซึ่งเมื่อได้รับเชื้อชนิดนี้เข้าไปแล้ว จะมีการถ่ายเป็นมูกเลือดและมีไข้สูง ทั้งนี้ สามารถรักษาได้ด้วยวิธีการให้ยาปฏิชีวนะ
นพ.พรเทพ กล่าวต่อว่า เชื้อดังกล่าวจะเกิดขึ้นหากไม่นำอาหารที่ปรุงสุกแล้วเข้าตู้เย็นเป็นระยะเวลาเกิน 4 ชั่วโมง ซึ่งเชื้อชนิดนี้ก็อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ทั้งนี้ วิธีการที่จะทำลายเชื้อแบคทีเรียได้นั้นต้องใช้ความร้อนที่อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียสขึ้นไป ดังนั้น หากจะนำอาหารดังกล่าวมารับประทานอีกควรอุ่นอาหารด้วยความร้อนก่อนเพื่อความปลอดภัย ส่วนอาการของเด็กทั้งหมดนั้น ตนได้รับรายงานว่า ปลอดภัยดี และมีบางส่วนกลับบ้านได้แล้ว ส่วนที่เหลือนั้นคาดว่า พรุ่งนี้ก็น่าจะกลับบ้านได้ อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ดังนั้น จึงไม่อยากให้ประชาชนวิตกกังวลไป โดยเบื้องต้นแพทย์ได้นำไข่ไปพิสูจน์หาสาเหตุที่แน่ชัดอีกครั้งเพื่อความปลอดภัย
